ยุคสมัยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเก่า บัวสี่เหล่ายังเพิ่มต่อเติมผล มันผ่าเหล่าผ่ากอหนอชอบกล แสนฉงนแตกหน่อก่อเมื่อใด ก่อนเคยมีสี่เหล่าเท่าที่เห็น มิหลบเร้นพ้นน้ำธรรมสดใส คือเหล่าแรกรู้ธรรมอันอำไพ แยกแยะได้ดั่งวิญญูรู้ชั่วดี เหล่าที่สองเท่าที่รู้อยู่ปริ่มน้ำ เพียงฟังธรรมจักแจ้งแห่งวิถี เหล่าที่สามใต้น้ำล้ำนที ผ่านเดือนปีพยายามพ้นน้ำพลัน เหล่าที่สี่ใต้ตมจมโคลนนิ่ง มิไหวติงขี้เกียจน่าเดียดฉันท์ มากมิจฉาทิฏฐิมานานวัน สุุดท้ายนั้นเป็นอาหารของเต่าปลา แต่บัดนี้เหล่าใหม่ได้ก่อเกิด ประดักประเดิดเหลือรับกับปัญหา เจ้าเสกสรรปั้นแต่งแห่งใดมา ไร้ปัญญาสมองตรองชั่วดี เหล่าที่ห้านั้นหรือคือเต่าถุย ปูปลาบุ้ยคายทิ้งแทบชิ่งหนี กินไม่ลงเหลือรับกับบัวนี้ ลึกเหลือที่ทรามซากยากเคี้ยวกลืน เป็นดังบัวต่ำสุดเกินฉุดรั้ง หมดสิ้นหวังหลุดพ้นจำทนฝืน อยู่จมปลักดักดานยากฟื้นคืน ปลาเต่าขื่่นขากถุยเลิกคุ้ยกิน
พุทธองค์สอนสั่งยังจำมั่นใครสร้างกรรมคนนั้นย่อมรับผล การทำงานกระทบระหว่างคน ย่อมไม่พ้นเกิดกรรมที่ตามมา ต้องยอมรับผลกรรมที่บังเกิด ใช่ดีเลิศปุถุชนล้นคุณค่า ความถูกต้องยึดก่อนมานานช้า จึงต้องกล้าพินิจตัดสินใจ เมื่อกรรมชั่วทำไว้ไม่ยอมรับ สร้างเล่ห์กลสับปลับให้จับได้ มากโทสะโมหะนำมาใช้ ความรุนแรงมิใช่เป็นสิ่งดี ผลของกรรมทำเอาต้องเศร้าหมอง ผู้เกี่ยวข้องเกือบตายกลายเป็นผี เมื่อสร้างกรรมเป็นทุกข์ติืดคุกฟรี อนาคตไม่มีความรุ่งเรือง เมื่อฟ้าใหม่ชีวิตใหม่ได้บรรเจิด สิ่งที่เกิดปล่อยหายไปทุกเรื่อง เมื่อกรรมดีมีผลล้นประเทือง คงฟูเฟื่องงดงามตามเพรงกรรม
จะมีใครจะมีค่ากว่าคนนี้
คือคนที่อยู่ตรงหน้าพูดจาด้วย
อาจเป็นคนทุกคนจนหรือรวย
ขี้เหร่สวยหล่อไม่หล่อก็สำคัญ
ชีวิตหนึ่งจะพบใครไม่ใช่ง่าย
น่าเสียดายกับชีวิตหากคิดสั้น
ไปสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวกัน
ไม่สร้างสรรค์กับชีวิตให้คิดดู
เวลาไหนจะมีค่ากว่าตอนนี้ คือตอนมีลมหายใจให้หายอยู่ ตรองอดีตผิดพลั้งเป็นดังครู เตรียมไว้สู้อนาคตเป็นบทเรียน ทำวันนี้ดีได้ก็ไม่ยาก เป็นฐานรากรอรับการปรับเปลี่ยน เวลาทองคือปัจจุบันต้องหมั่นเพียร ถวายเศียรสู้สุดซึ้งให้ถึงใจ งานที่มากอานิสงส์อยู๋ตรงหน้า ย่อมมากด้วยคุณค่ากว่างานไหน งานคนอื่นเป็นร้อยล้านจะงานใคร ก็คงไม่มีค่ากว่างานเรา ทำตรงหน้าให้ดีที่สุดได้ อย่าหวั่นไหวฟุ้งซ่านกับงานเขา เสร็จเป็นเรื่องทีละน้อยค่อยขัดเกลา ทุ่มเทเอาความตั้งใจใส่ในงาน ปัจจุบัน ณ ตอนนี้มากมีค่า อยู่ตรงหน้าให้ตามติดความคิดอ่าน สิ่งสำคัญฝึกไว้ให้เชี่ยวชาญ คือการบ้านบอกตัวฉันในวันนี้
คุณกำหนดคนที่จะเข้ามาในชีวิตคุณไม่ได้
แต่คุณเลือกตัดเขาออกไปจากชีวิตของคุณได้
คำพูดที่ถนอมน้ำใจกันเกินไป อาจทำให้อีกฝ่ายไม่รู้สึกตัว
คำพูดที่รุนแรงเกินไป ก็อาจกระทบความสัมพันธ์ดีๆที่เคยมีให้กัน...
คนที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของเรา (ถูกใจมากจำเขามา)ปล่อยให้คนที่เรารักมีชีวิตของเขา…
อยู่บนเส้นทางของเขา กับคนของเขา…
ในขณะที่ความรักของเราก็ดำเนินต่อไป…
ให้ความถูกต้องยิ่งใหญ่อยู่ในสมอง…
ให้ความงดงามอยู่ในหัวใจ…ตลอดไป… มีบางครั้งในชีวิต ที่เราเกิดรู้สึกประทับใจใครสักคน ในเวลาที่เราไม่อาจจะทำอะไรได้ แม้มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย…เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่เราจะพบใครคนหนึ่ง ที่สามารถตอบตัวเองได้ว่า “เป็นคนที่ตามหามาตลอด” และมันก็ยากพอ ๆ กับการตัดใจ ความรัก…เป็นความรู้สึกที่บางครั้ง ก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของความคิด เราจึงสามารถรู้สึกได้ รักได้โดยใช้หัวใจรัก แต่ขณะเดียวกัน การแสดงออก และการกระทำต่าง ๆ นั้น กลับต้องใช้ “หัวใจ” และ “สมอง” ไปพร้อม ๆ กัน หัวใจ…จะคอยบอกว่าเรารักได้ เพราะมีสิทธิ์ที่จะรักสมอง…จะบอกว่ารักแล้ว จะสามารถแสดงออกได้แค่ไหนคนบางคนเกิดมาเพื่อให้เรารัก แต่ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของเราทำได้ไหม รักในแบบไม่เรียกร้อง ไม่ต้องการอะไร รักเพราะรู้สึกรัก…เพราะว่ารักเต็มตื้นอยู่ในหัวใจ ปล่อยให้คนที่รักมีชีวิตของเขา อยู่บนเส้นทางของเขา กับคนของเขา ในขณะที่ความรักของเราก็ดำเนินต่อไป ให้ความถูกต้องยิ่งใหญ่อยู่ในสมอง ให้ความรักงดงามอยู่ในหัวใจ…ตลอดไป
ฉันใคร่ครวญหวนถึงซึ่งแรกเริ่ม ครั้งประเดิมชั่วโมงพบประสบขวัญ ฟ้าสดใสหรือสลัวมัวตะวัน อาจคิมหันต์หรือเหมันต์ฉันพอจำ ขาดลิขิตย้ำเตือนจึงเลือนลบ โง่บอดกลบทับอุราพาถลำ ต้นรักผลิแต่เพิกเฉยละเลยคำ พฤษภย้ำก็เพียงเพ่งไม่เบ่งบาน หากสามารถคืนแก่แก้อดีต จักเขียนขีดจำนรรจ์แห่งวันหวาน! แต่ฉันปล่อยโอกาสพลาดแก่กาล ไร้รอยผ่านดุจหิมะยามละลาย มันอาจแฝงความนัยให้ฉุกคิด ดูน้อยนิดแต่ค่างามสูงความหมาย ได้แต่เพียงรำลึกนึกเสียดาย มือสอดส่ายแรกสัมผัสยังมัดใจ The first day I wish I could remember the first day, First hour, first moment of your meeting me, If bright or dim the season, it might be Summer or Winter for aught I can say. So unrecorded did it slip away, So blind was I to see and foresee, So dull to mark the budding of my tree That would not blossom yet for many a May. If only I could recollect it, such A day of days! I let it come and go As traceless as a thaw of bygone snow; It seemed to mean so little, meant so much; If only now I could recall that touch, First touch of hand in hand – Did one but know! Christina G.Rossetti (1830-1894)
สิบแปดหลักน้อมนำจำให้ได้
ตรองด้วยใจแล้วลองทำทุกคำสอน
เตือนสติด้วยรักทุกวรรคตอน
เปรียบดังพรจากสวรรค์ท่านบอกมา
หนึ่งเลยหากอยากมีรักที่ยิ่งใหญ่
จงหมั่นสร้างแรงใจให้ยิ่งกว่า
พร้อมจะเสี่ยงกับสุข-ทุกข์ทุกเวลา พิสูจน์ค่าให้เนื้อคู่อยู่เคียงกัน และถ้าอยากทำอะไรให้สำเร็จ อย่าได้เข็ดกับที่พลาด-อย่าหวาดหวั่น ใจต้องกล้าเสี่ยงสู้อยู่ทุกวัน แล้วเปลี่ยนความกดดันสร้างสรรค์เป็น เมื่อเสียใจเพราะชีวิตเธอผิดพลั้ง คล้ายหมดหวังสิ้นหนทางอย่างที่เห็น เสียขวัญแล้วเสียไป-ลองใจเย็น อย่าให้เสียทุกประเด็นเป็นบทเรียน เคารพตนเองได้ย่อมให้ผล เคารพคนอื่นได้ไม่แปรเปลี่ยน ฝึกแบกความลำบากอย่างพากเพียร ที่ผิดเพี้ยนพลาดท่าต้องกล้ารับ เมื่อไม่ได้สิ่งใดที่อยากได้ อาจไม่ใช่โชคชะตาพาตกอับ แต่เพราะบุญรอจังหวะเข้าประทับ พอกลายกลับเป็นโชคลาภ-แทบกราบเท้า ห้าให้เรียนรู้กฏหมดทุกข้อ เพื่อจะขอแหกกฏบทเก่าเก่า ให้เหมาะกาลเทศะภาวะเรา ไม่ใช่เอาแต่กฎมากดคน อย่ายกเรื่องเคืองโกรธแค่เล็กน้อย มาเที่ยวคอยบั่นทอนใจให้ปี้ป่น มิตรภาพมันยิ่งใหญ่-ทนได้ทน พูดแล้วผลไม่เข้าท่าก็อย่าทำ เมื่อรู้ตัวว่าผิดคิดแล้วพลาด อย่าขี้ขลาดหลงตามความตกต่ำ ค้นเหตุผลแล้วบอกใจให้หลาบจำ แล้วคอยย้ำให้ลองใหม่ตั้งใจดู ลองโดดเดียวให้เป็นให้เห็นจิต แล้วฝึกคิดตามครรลองไม่ต้องหรู ไตร่ตรองความกราดเกรี้ยวอันเกรียวกรู ฝึกรับรู้ลมหายใจไว้ทุกวัน ความเปลี่ยนแปลงเกิดให้เห็นเป็นของแน่ ขอเ
พ่อแม่เริ่มแก่ชรา นับวันเวลา ถอยหลังจากฝั่งทุกที เหมือนเรือใช้การนานปี รอยรั่วต้องมี แม้อุดก็ทรุดตามกาล อันบุตรธิดาเหลนหลาน พาท่านนิพพาน เปิดประตูเป็นผู้นำทาง อย่าปล่อยให้เรือเคว้งคว้าง ลอยลำอัปปาง โดดเดี่ยวอยู่กลางนที ถึงรอยจะรั่วมากมี น้ำจะล้นปรี่ จงขยันหมั่นตักออกไป จนกว่าวันท่านไม่ไหว ค่อยปล่อยเรือไกล ตามกาลและวันเวลา อันคุณบิดามารดา ที่เลี้ยงลูกมา ศิลาว่าหนักยังทน แบกลูกบนบ่าไม่บ่น ยากดีมีจน อุ้มชูเลี้ยงดูจนโต บุญคุณท่านมีมากโข ยกมือนโม ขอลูกกตัญญูรู้คุณ แบกแม่ก็เหมือนแบกบุญ สะสมเป็นทุน ค้ำจุนคุ้มครองป้องภัย อันความกตัญญูนั้นไซร้ ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้แน่นอน เพราะคำพ่อแม่ให้พร ทุกบททุกตอน เหมือนมนต์ติดตัวชั่วกัลป์ มาเถิดนำท่านสู่สวรรค์ อุดรอยรั่วกัน จวบวันที่ท่านอำลา ๑ แก้วประภัสสร ๑ เสาร์ ๑๙ เดือน ๑๑ ปี ๒๕๕๖ ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ตค่ะ
ดูละครย้อนดูตนก็หนนี้ ละครดี..หลังข่าวเล่าปัญหา จันทร์-อังคารช่องสามติดตามมา ประหนึ่งว่า..ตามติดชีวิตตน "ทองเนื้อเก้า"เรื่องเก่ามาเล่าใหม่ ช่างถูกใจชาวบ้านทุกร้านหน อีลำยองสุดแซ่บแสบเหลือทน เล่นเสียจนคนอินฟินกระจาย สวยแต่รูปจูบไม่หอมต้องยอมรับ ขี้เกียจจับตัวเป็นขนคนขยาย แต่ละวันบังอรนอนสบาย ตื่นจนบ่ายคล้อยเย็นเห็นแล้วเพลีย แต่สิ่งหนึ่งคลับคล้ายใกล้ตัวนัก คือหลงรักของดีไม่มีเสีย โหลยาดองคู่ใจของมายเดียร์ ความละเหี่ยหายหมดยามซดมัน ประทับใจตอนหนึ่งมันทึ่งมาก เอามาฝากกันชมสมใจฉัน "ยาดองกรู"ลำยองร่ำร้องพลัน แล้วถลันโดดน้ำตามยาดอง ดูละครย้อนดูตัวให้หัวร่อ ขำตัวงอแล้วเปิดรีเจนซี่ฉลอง หากใครโยนขวดฉันนั้นลงคลอง ฉันคงร้อง"รี(เจนซี่)กรู"ดูเหมือนกัน 555 ......
๏ ข้าฝัน ถึงสังคมที่ดีงาม รุ่งอร่าม รามเรือง เมืองสงบ มวลชน คนทั่วไป ไม่ใฝ่รบ จึงบรรจบ คบกัน มั่นสันติ ๏ ทุกชาติ ชนชั้นเชื้อ เสมอภาค ปลาย-ราก ถึงหมากผล “จน” ทิฐิ มิกีดกัน กั้นแบ่ง แข่งอริ ดำรง คงศานติ ต่างสานต่อ ๏ ข้าตื่น ตาแตก แหวกจากฝัน หวาดหวั่น เสียงเหล่านั้น ณ หน้าหอ ฝูงชน ล้นเป็นพัน พรูพรั่งรอ เพื่อฟัง คำด่าทอ จากผู้นำ ๏ “ รัฐร้าย จงออกไป ไสให้พ้น คอร์รัป ชั่นเมืองคน จนชอกช้ำ โกงบ้าน กำแหงเมือง เรื่องระยำ ขอทวง ความเป็นธรรม เถอะทุกท่าน ” ๏ “ พี่น้อง ผองประชา ขอมาร่วม มาหลอมรวม โห่ร้อง ความกล้าหาญ เข่นขับไล่ เป่าปัด รัฐบาล เปิดบ้าน ขานรับ ทัพคนสี.....” เฮ้ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!...T_T ๏ ข้าเดิน กลับเข้ามา สู่ความจริง ทุกสิ่ง ล้วนวิ่งวน คงวิถี รัฐบาล ใดใด ก็ตามที ไม่สามารถ หลุดหนี จาก “บ่วงกิน” ๏ ข้าฝัน ถึงสังคม ที่ดีงาม รุ่งอร่าม รามเรือง เนืองแผ่นหิน ผู้อธรรม ย่ำเมือง โบกโบยบิน ผู้มีศีล กรีดร้อง ก้องโหยหวน 16 ตุลาคม 2556
ผู้หญิงทุกคนมีค่าและน่ารัก หากรู้จักตัวเองกันมันย่อมใช่ ความ "สวย" ย่อมเปิดทางจากข้างใน เริ่มจากใจ เธอทุกคนดลบันดาล ยิ่งเธองอนขึ้นมายิ่งน่ารัก แรกแรกทำไม่ทัก --เรียกไม่ขาน แล้วที่เก๊กปั้นหน้ามาตั้งนาน มียิ้มหวานหลุดออกมาไหนว่าเคือง เธอไม่ได้อ่อนแอแพ้ผู้ชาย แค่ร่างกายแตกต่างในบางเรื่อง หลายครั้งมีให้ดูอยู่เนืองเนือง หญิงปราดเปรืองเข้มแข็งแกร่งด้วยใจ ยิ่งผู้หญิงโรแมนติกอีกกี่ครั้ง ยิ่งพลังความเป็นหญิงยิ่งยิ่งใหญ่ ยิ่งงดงามหากสรรค์สร้างจากข้างใน ซึ่งโลกให้เป็นของขวัญกำนัลมา คือศิลปะที่งามล้ำจากธรรมชาติ พระเจ้าวาดให้สมดุลสร้างคุณค่า ให้ผมมีความสุขทุกเวลา เมื่อคุณยืนอยู่ตรงหน้าเวลานี้ ไม่ต้องหาเหตุผลขนมาเล่า ไม่ต้องเอาตรรกะมาถามจี้ ยิ่งเสื้อผ้าหน้าผม กลมกลืนดี จะกี่ปีใครก็สนคนก็มอง คือสไตล์จากข้างในใช้มาสู้ ความคิดหรูผลิตรับให้จับต้อง ยิ่งคิดดีรู้จักใจรู้ไตร่ตรอง มันยิ่งฟ้องว่าผู้หญิงยิ่งใหญ่เอย
แม้ไม่อาจทำดีได้ทั้งหมด แต่ใจยังกำหนดบทบาทได้ ไม่อาจเปลี่ยนโลกนี้ได้ตามใจ ใช่ข้ออ้างเพื่อปราชัยในความเลว บางที ชีวิตก็เจ็บปวด เหมือนถูกหวดด้วยลวดหนามยามล้มเหลว ในฝุ่นควันของกองไฟยังมีเปลว ในสังคมแสนเลวต้องมีดี ในความคิดมีสิทธิ์ทำผิดบาป เธอควรทราบความจริงคือสิ่งที่ ละเอียดอ่อน เกินปล่อยให้ใครย่ำยี ผลกระทบนั้นมากมีทุกทีทำ เราอาจไม่ทำดีได้ทั้งหมด ไม่มีใครหมดจดฉันขอย้ำ ก่อนเธอปล่อยให้เขามาเนาว์นำ เธอควรทำให้เต็มสิทธิ์ชีวิตเธอ ก่อนเรียกร้องให้ใครเสียสละ เธอควรจะเสียสละอยู่เสมอ ก่อนมองหาความดีที่อยากเจอ ขอเพียงเธอทำบ้างอย่างนั้นพอ เหมือนที่เธอสอนฉันในวันเก่า โลกสวยเริ่มที่เราเท่านั้นหนอ และจะค่อย ขยายแยกก่อนแตกกอ ผลิดอก ออกช่อ เป็นความดี ถึงไม่อาจทำดีได้ทั้งหมด และเมื่อคิดเป็นขบถ ต่อหน้าที่ ขอให้ได้ใช้ชีวิตตั้งจิตพลี ศิโรราบ แด่ความดี เท่านั้นนะ บทส่งใจ.. การปรับดุลภาพทางความคิด ให้สมดุล เมื่อจุดศูนย์ถ่วงของความดี ถูกย่ำยี การแหกปากเรียกร้อง หรือการตะโกนฟ้อง ไม่อาจทำให้คุณเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้นได้ ขอให้เธอทั้งหลาย ยึดมั่นในความดีที่แท้ โดยไม่จำเป็นว่าเป็นความดีที่มีรางวัลหรือไม่ ด้วยรัก / แทนคุณแทนไท
ต่างต้องการพื้นที่ของชีวิต เพื่อลิขิตขีดทางสร้างความฝัน เมื่ออรุณเบิกฟ้าดวงตาวัน ส่องแสงฉายเฉิดฉันวันเวลา คือวันเวลาอันยิ่งใหญ่ เติมพื้นที่ดวงใจให้ค้นหา สุดขอบเขตความฝันอนันตา ยังหยัดรอผู้กล้าร่วมฝ่าฟัน คือก้าวย่างวางเท้าที่ก้าวย่าง ระยะทางเป้าหมายที่ปลายฝัน แม้นเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าสารพัน จะเก็บดวงตะวันกำนัลใจ คือดวงใจไฟฝันตะวันฉาย จุดประกายเสรีอันยิ่งใหญ่ รอคืนค่ำเดือนดับลับฟ้าไกล ดาวคงได้เด่นฉายประกายแวว ในราตรีใช่จะมีแต่จันทร์เพ็ญ อวดดวงเด่นเฉิดฉายอยู่ผ่องแผ้ว แต่ล้านดาวพราวพร่างระหว่างแนว ประกายเพชรเกล็ดแก้วระยับตา เดือนจึงได้เด่นงามความผุดผ่อง ได้อวดตนจองหอง ณ ท้องฟ้า เพราะดาวขับให้เด่นเพ็ญนภา ในท่ามราตรีกาลผ่านมายล ต่างต้องการพื้นที่ของชีวิต สร้างความถูกความผิดได้คิดค้น ในมืดเมามัวตามายากล ก็หนทางแห่งตนได้ค้นพบ เมื่อรากหญ้าแตกหน่อเป็นกอหญ้า ปกคลุมดินถิ่นฟ้ามาประสบ ระบัดใบไหวเอนระเนนซบ ฤาสยบต่อครอบกรอบกะลา...