ขาวพร่างกลางใจ วันนี้....ดวงไปเที่ยว ตลาดน้ำ วัดดอนหวาย ริมแม่น้ำนครไชยศรี เช่าเรือลำเล็กๆ...ออกไปปิคนิค..ล่องไปตามลำน้ำ ดูบรรยากาศสองฟากฝั่ง อันแสนสงบงาม....... ผู้คน....ขวักไขว่มากมาย...พากันลงเรือ ซึ่งมีโต๊ะให้นั่งรับประทานอาหาร พาให้สุขทั้งปาก สุขทั้งตา ยามทอดทัศนาธรรมชาติ รายรอบ แกล้มไปกับอาหาร อันโอชะ ที่ซื้อหาจากบนฝั่งลงไปนั่งเอมโอษฐ์กัน ตามอัธยาศัย........ และ..ไม่นานมานี้.. เช่นกันที่ดวงเคยไปฉลองวันเกิด โดยการเช่าเรือ เป็นส่วนตัว พาเราล่องลอยไปตามลำน้ำ ชี้ชวนกันดูความงามของผักบุ้ง ที่ทอดยอด ชะอุ่มงาม เรี่ยริมบึง เถาถั่วฝักยาว ห้อยย้อย เพลินใจ ไหนจะท้องร่อง ลำประโดง ที่อ้อมโอบเข้าไปเป็นลำน้ำ สายเล็กสายน้อย ให้ชาวสวนปลูกผัก ปลูกผลไม้ ฝรั่ง ชมพู่ ดูช่างน่ากิน..... บ้านผู้คน บนสองฟากฝั่ง แพริมน้ำ น่านั่ง น่านอน บ้านเรือนดั้งเดิมของชาวสวน และบ้านของผู้ดีมีเงิน ที่มีฐานะมาจับจองสร้างบ้านสวย .. เพื่อได้ดื่มด่ำ กับสายน้ำ..งามล้ำ ให้ใจสงบงาม ไปกับวิถีไทย วิถีใจ ของชาวชนบท ตั้งแต่โบราณ นานมา ที่มีชีวิตผูกพัน กับสายน้ำ เปรียบดั่งสายน้ำใจ ที่ไหลเย็น อย่างยากยิ่งจะแยกกันออก...... เรือลำน้อย....จะลอยลำ ไปเรื่อยๆ เอื่อยๆ ช้าๆ.... จนถึงวัดที่เราจะพากันไปนมัสการ พระพุทธรูปองค์โต ที่อยู่ในโบสถ์ เพื่อขอพร.... วัดริมน้ำ..ที่มีฝูงปลาชุกชุม กระโดด โผงผาง โชว์ความงามของลำตัว ที่สะท้อนแดด
เส้นทาง ที่ยาวไกล สู่จุดหมาย ปลายทางนั้น ทุกก้าว ล้วนสำคัญ อย่าไหวหวั่น ต่ออบาย หากเจอ อุปสรรค จงแน่นหนัก อย่าหวั่นไหว ท้อบ้าง ไม่เป็นไร อย่าถอดใจ ก็แล้วกัน ถ้าถอย ก็คือแพ้ คนอ่อนแอ น่าขบขัน ใคร ๆ คงลือกัน ว่าเรานั้น ไม่ได้ความ ถ้าสู้ ก็ชนะ จงอย่าละ พยายาม รางวัล อันงดงาม ก็คือความ มั่นคงเอย.
เธอบาดเจ็บอะไรมารึเปล่า ทำไมดูเงียบเหงาอย่างนี้ หยุดอยู่นานทำไมไม่เดินทางต่อสักที ลุกไม่ขึ้นล่ะสิ แต่ขอโทษที ให้ช่วยคงจนปัญญา แช่อยู่อย่างนี้ก็นานแล้วนะ เมื่อไหร่เธอจะบินทะยานหาญกล้าไปสู่ฟากฟ้า หยุดอยู่กับที่มันแสนจะเสียเวลา เกาะอยู่อย่างนี้อยู่ข้างฝา ระวังโดนฝ่ามือพิฆาตนะเจ้ายุง.....
โคลงสี่สุภาพ ๑ ๏ มีไฉนใครเกิดแล้ว.................เก่งเลย เรียน ฝึก ก็บ่เคย..........................สักครั้ง พรสวรรค์ ฤ ใช่เผย......................ใช่แผ่.....เองพ่อ อย่าย่อท้อหยุดยั้ง..........................หย่อนร้างฝึกฝน ฯ ๒ ๏ กลโคลงโคลงท่านนั้น.............กำหนด คำเอกโทตามบท..........................แบบไว้ จารขานอ่านเอื้อนพจน์...................เพลงเสนาะ เสียงสนั่นสนานได้.........................สดับถ้อยโคลงสาร ฯ อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ ๓ ๏ คำฉันทฉันทา........................วจนาวจีขาน กรองวัจน์และจัดกานท์..................คณะนั้นมิฟั่นเฟือน ๏ เสียงเบาและเสียงหนัก...............เสนาะลักษณ์เสมอเหมือน คีตามิราเลือน...............................ประลุโสตประโมทย์ทรวง ฯ กาพย์ฉบัง ๑๖ ๔ ๏ เสียงกาพย์ซาบซ่านกานท์สรวง.............เทพทำบำบวง บำเรอเปรอโสตเสนาะกรรณ ๏ ควรอยู่คู่ห้วงสรวงสวรรค์..........................ชื่นจิตติดพัน มิเพลาเสาวรสพจนา ฯ กลอนดอกสร้อย ๕ ๏ คำเอ๋ยคำกลอน..................................คืออาภรณ์พิจิตรพรายลายเลขา คือสังคีตดีดสีที่นภา...................................โปรยจากฟ้าเพื่อกล่อมถนอมดิน คล้ายคำกลอนคือแก้วฉายแววก่อง..............กระจ่างส่องสีสันวรรณศิลป์ งามพิลาสพิไลค่าคู่ธานินทร์........................มิรู้สิ้นเสื่อมสูญวิบูลย์เอย ๚
..นาทีของความสับสนในใจ มันเป็นอะไรที่..ไม่สามารถบรรยายออก ยากเย็นเหลือเกิน..ที่จะเอ่ย - สักคำบอก ฉันรู้.. รู้โดยไม่ต้องคัดลอกความรู้สึกนั้น..จากเธอ ...สักคำสิ..บอกกันได้ไหม หนึ่งคำ จากความเป็นไป..ใต้ผืนฟ้าเหงา-เก้อ ยังมีฉันนะ...ที่พร้อมจะรับฟังเธอ หากเพียงคน-คนนี้ที่เคยเจอ...เธอไม่ได้หลงลืมไป .... ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่นี่ นะครับ..
สองมือสองเท้าเท่ากันหมด บางคนอดบางคนรวยเห็นด้วยไหม คนเหมือนกันทำไมแตกต่างกันห่างไกล ปัจจัยอะไรทำให้ไม่เหมือนกัน หากบอกว่าขาดบุญวาสนา จึงเกิดมาต่ำต้อยน้อยความฝัน พ่อแม่ไม่ได้รวยจึงไม่มีวัน สำเร็จเหมือนกันกับใครใคร หรือหากจะบอกว่า รวยล้นฟ้าเพราะเกิดมาพ่อแม่มีให้ ยังไม่ต้องจะคิดทำอะไร ความร่ำรวยมีให้ไม่กลัวจน ความเป็นจริงเป็นสิ่งที่เห็นอยู่ หากอ่านดูประวัติคนรวยล้น มากมายทั่วโลกมีตัวตน เริ่มต้นจากไม่มีอะไร แหละมากมายที่เห็นเห็น แม้จะเป็นคนร่ำรวยมากหลาย ชั่วชีวิตปู่ย่าทำมายังมลาย ภายในเวลาไม่กี่ปี สิ่งที่แตกต่าง ระหว่างคน จน-รวย ที่มี ลองนึกดูใช่ไหมความคิดและวิถี ทำให้มีความแตกต่างระหว่างคน ใครคิดจะร่ำรวย แม้เริ่มต้นไม่มีใครช่วยจะรวยล้น หากคิดว่าตัวเราคงต้องจน แน่ใจได้ไม่พ้นจนจริงๆ แค่คิดให้แตกต่าง ก็จะวางวิถีทางไม่อยู่นิ่ง มาเถอะมาเปลี่ยนความคิดให้จังจริง ทุกสิ่งก็อยู่ที่ความคิดจะนำพา เปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยนผัน แค่เปลี่ยนใหม่ให้มันยิ่งใหญ่คับฟ้า ความคิดไม่มีต้นทุนราคา แต่มันมีค่าและนำหน้าชีวิตเรา
ื แกร่งกล้าพอหรือไม่ในวันนี้ พร้อมฤดีฝ่าฟันวันหน้าไหม พร้อมจะเดินในเส้นทางอย่างมั่นใจ หรือจะไม่คิดค้นหาคุณค่าตน ยืนขึ้นสิ...ถ้าล้มลงตรงทางเปลี่ยว อย่ามัวเหลียวหาใครในแห่งหน ด้วยตรงนั้นว่างไร้ในผู้คน ไร้ผู้สนใจช่วยด้วยยินดี ช่วยตัวเองเท่าที่ดีที่สุด ทุกทุกจุดเตือนใจไว้ในวิถี รวมแรงขึ้นเพื่อก้าวเท่าที่มี ก้าวก่อนที่เธอจะล้ม ลงอีกครา ก้าวไปด้วยความตั้งมั่นอย่าหวั่นไหว ด้วยหัวใจด้วยพลังที่หวังหา สิ่งต่างต่างที่ฝันไฝ่จะได้มา อยู่ที่ว่าเธอต้องกล้าต้องฝ่าฟัน..... ละอองดาว....
ถ้าโกรธกับเพื่อน...มองคนไม่มีใครรัก ถ้าเรียนหนักๆ...มองคนอดเรียนหนังสือ ถ้างานลำบาก...มองคนอดแสดงฝีมือ ถ้าเหนื่อยงั้นหรือ...มองคนที่ตายหมดลม ถ้าขี้เกียจนัก...มองคนไม่มีโอกาส ถ้างานผิดพลาด...มองคนไม่เคยฝึกฝน ถ้ากายพิการ...มองคนไม่เคยอดทน ถ้างานรีบรน...มองคนไม่มีเวลา ถ้าตังค์ไม่มี...มองคนขอทานข้างถนน ถ้าหนี้สินล้น...มองคนแย่งกินกับหมา ถ้าข้าวไม่ดี...มองคนไม่มีที่นา ถ้าใจอ่อนล้า...มองคนไม่รู้จักรัก ถ้าชีวิตแย่...จงมองคนแย่ยิ่งกว่า อย่ามองแต่ฟ้า...ที่สูงเกินตาประจักษ์ ความสุขข้างล่าง...มีได้ไม่ยากเย็นนัก เมื่อรู้แล้วจัก...ภาคภูมิชีวิตแห่งตน
ชายชาวอินเดียคนหนึ่ง ห้วงสองปีที่ผ่านมา ผู้คนจะพบเห็นจนชินตาว่า บนบ่าของเขามีหม้อดินใบใหญ่วางอยู่ข้างละใบ หม้อดินใบหนึ่งมีรอยร้าว ขณะอีกใบสมบูรณ์สวยงาม ไร้ที่ติ หม้อใบสวยสามารถบรรจุน้ำไว้เต็มเปี่ยมนับจากลำธารจนถึงบ้านเจ้านาย ขณะที่อีกใบหนึ่งนั้น เมื่อมาถึงปลายทางกลับเหลือน้ำแค่ครึ่งเดียว เท่ากับว่าชายผู้นี้ขนน้ำได้เที่ยวละหม้อครึ่งอยู่ทุกครั้ง แน่ล่ะ...หม้อดินใบสวยย่อมภาคภูมิใจในตนเองที่ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน ส่วนหม้อดินใบร้าว นอกจากอดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในความไม่สมประกอบของตนเองแล้ว มันยังรู้สึกผิดกับการทำหน้าที่ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยอีกด้วย หลังจากสองปีเต็มที่แบกความทุกข์ระทมขมขื่นนั้นเอาไว้ วันหนึ่ง มันจึงตัดสินใจเอ่ยกับคนหาบน้ำตรงลำธารว่า "ฉันรู้สึกละอายใจเหลือเกิน..ฉันอยากขอโทษท่าน.. ตลอดสองปีมานี้ ฉันทำงานให้ท่านได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เนื่องจากเจ้ารอยร้าวบนตัวฉันมันทำให้น้ำรั่วไหลไปตลอดทาง" เมื่อฟังเช่นนั้นแล้ว คนขนน้ำก็พลอยรู้สึกเสียใจไปด้วย และแล้วเขาก็พูดว่า "เอาล่ะ..ระหว่างทางที่เราจะเดินกลับไปบ้านเจ้านาย ฉันอยากให้เธอสังเกตดอกไม้สวยๆข้างทางเดินสักหน่อย เธอไม่ได้สังเกตหรอกหรือว่า ทำไมดอกไม้ป่าเหล่านั้นถึงได้งอกงามเฉพาะฝั่งที่ฉันแบกเธอเท่านั้น ทำไมมันไม่ขึ้นอีกฟากหนึ่งด้วยล่ะ.. นั่นเป็นเพราะฉันได้ตระหนักในข้อจำกัดของเธอ จึงอาศัยเงื่อนไขนี้เพาะเมล็ด
ก้าวไปนะคนดี ก้าวไปคว้าฝันหลากสีที่เฉิดฉาย แสงแห่งความตั้งใจจงประกาย แม้มันจะยาก-ง่ายเพียงไร อย่าท้อแม้ต้องล้ม อย่าจมอยู่กับความหวั่นไหว มุ่งมั่นเพื่อก้าวไป แม้หนทางจะไกลเพียงใดก็ตาม ยังมีหลายร้อยคำตอบ ที่รอมอบเพื่อหลายร้อยคำถาม ยังมีความฝันอันงดงาม รอผู้พยายามคว้ามาชม.
จุดหมายที่อยู่ข้างหน้า มันคงไม่ไกลเกินคว้าใช่ไหม ถ้าสู้ด้วยพลังแห่งความตั้งใจ สิ่งที่ฝันไว้คงได้สักวัน อย่าเพิ่งท้อถอยง่าย ง่าย ยังมีเพื่อนมากมายร่วมทางฝัน จุดหมายปลายทางก็ถึงสักวัน ณ ที่ตรงนั้นเราคงสมใจ มันคงไม่ยากเท่าไหร่หรอก ก็แค่บอกตัวเองว่าทำได้ จุดหมายคงไม่ไกลจนเกินไป แล้วเราจะไปถึงได้อย่างแน่นอน
รู้ว่าเธออาจหน่ายในหลายสิ่ง จนอยากทิ้งอยากหนี...ไปที่อื่น อยากบอกลาประสบการณ์วันและคืน อยากบอกลาความหวานชื่น ในวันวาน อยากบอกลาอุดมการณ์เคยฝันใฝ่ แล้วไปสร้างฝันใหม่ที่แสนหวาน อยากบอกลาความท้อ ทรมาน ที่ไม่สนองความต้องการได้เพียงพอ เธอเป็นเพชรที่มีค่ามหาศาล ใครใครก็ต้องการ ก็ร้องขอ แต่เธอจ๋า อยากเพียงรั้ง ให้เธอรอ อย่าเพิ่งทุกข์ อย่าเพิ่งท้อ ในวันนี้ ย้อนมองวันวาน นั้นสักนิด วันที่เริ่ม ชีวิต กับที่นี่ จากใจนิด มือน้อย ค่อยค่อยมี สร้างเป็นสิ่งดีดี ได้เพราะใคร ก็เพราะไฟเพราะฝันอันเปี่ยมค่า ก็เพราะรักศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ ฝันตรงนี้ จะถูกสร้าง ได้อย่างไร หากพรุ่งนี้ และต่อไป ไม่มีเธอ? ก็เพราะไฟเพราะฝันอันเปี่ยมค่า ก็เพราะรักศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ ฝันตรงนี้จะถูกสร้าง อย่างแกร่งไกร หากพรุ่งนี้ และต่อไป ... ยังมีเธอ