วาเลนไทน์ ปี้นี้ ยังคงเดิม คนเพิ่มเติม หัวใจ ไปอยู่ไหน อีกปีนึง ที่ยัง เศร้าต่อไป เห็นใครใคร ที่เขา นั้นรักกัน.....
ขอโทษที วันนี้พี่ขอเมา กระดกเหล้า เขียนกลอนรักที่หักบิ่น รินเข้าไปให้ดั่งว่า น้ำตาริน ไม่เคยสิ้นที่มึนเมาทั้งเหล้า-ใจ เป็นคนเหงา ก็ควรรู้อยู่อย่างเหงา ทุกข์ร้อนเผาเอาเหล้าสาดอาจช่วยไหว ดูทีว่า ใครกันแน่แน่กว่าใคร ไม่เท่าไหร่หรอกรักเอย ไม่เคยกลัว จะได้รู้ ว่าทนเศร้าได้เท่าไร ทนเข้าไว้ ทนแค่ตายถวายหัว ไม่สนว่าฟ้ามืดมน หม่นมืดมัว ใจระรัวเมื่อร้างไร้ ใจอีกดวง อยากจะไป ก็จงไปให้สมอยาก ไม่เรื่องมาก จากไปเลยไม่เคยหวง ความรักก็เอาไปซะ จะไม่ทวง เรื่องทั้งปวงให้จบลงตรงคำลา จะกินเหล้า นั่งรอส่งแค่ตรงนี้ ให้ไปดีมีโชดชัย ไปมีค่า หากไปแล้วไม่ไปลับอยากกลับมา ซื้อโซดามาฝากหน่อย จะคอยเธอ อีกแหนมย่าง ทอดมันปลา ขาไก่ปิ้ง หอมจริงๆ คิดย้อนหลังก็ยังเผลอ น้ามยายไหย กระเพาะลั่นถึงขั้นเรอ ประเจิดเจ้อ วอนอย่าโกรธโทษคนเมา.. อิ อิ
ฝากลมหนาวส่งข่าวใจหาใครหนึ่ง คงรักซื้งละเมอยังเพ้อหา ฝากสายลมพรมเห่ทุกเวลา พร้อมบอกว่าผูกพันไม่ผันแปร... ครวญกับลมพรมห่มรักมาดักฝัน อยากเคียงกันสองเราจนเฒ่าแก่ ชื่นสุขทุกข์เหงาเฝ้าดูแล คือรักแท้ห่วงใยแม้นไกลตา... คือกัลยาณมิตรผูกพันคงมั่นไว้ ด้วยสายใยภพชาติแห่งปรารถนา พร้อมด้วยใจพันพ่วงบ่วงวิญญา ร่วมข้ามผ่านเวลามาสู่กัน... น้อมด้วยจิตอธิษฐานวิญญาณนี้ ด้วยภักดี...จึงเพ้อละเมอฝัน ยังเฝ้ารอคอยย้ำความสัมพันธ์ สองเรานั้น...คงมั่นนิรันดร... แบบว่ามีงานด่วนมา...ต้องไปข้างนอกอย่างด่วน..ขออภัยพระมณี ณ ที่นี่ ไทยโพเอม...คริ ๆ
หยิบปากกามาวางกลางกระดาษ หมึกเขียนขาดเป็นช่วงทุกถ้วงที่ รอเขียนคำ"อย่าโกรธ"แต่โทษที คำคืนที่หนาวเย็นไม่เป็นใจ ฟ้าลิขิตขีดมาให้หน้าโง่ จึงเผลอโทรฯถึงกัน..วันไม่ใช่ แว่วเสียงคนเคียงคู่ไม่รู้ใคร? ช่วงร่ำไรเพ้อพร่ำคำว่า"รัก" อยากเขียนว่า"ขอโทษ.อย่าโกรธนะ" คนเคียงข้างเธอล่ะ..คงคิดหนัก เคยร้องเพลงประสานแสนหวานนัก คงต้องพักชั่วคราวเรื่องราวเดิม เธอไม่ผิดสักนิดอย่าคิดมาก ฉันต่างหากซุกซนเป็นคนเริ่ม มิเหลือแล้วสายใยมาใส่เติม มีคนเจิมหัวใจ..ก็ไปเถอะ ฉันเขียนกลอนอ้อนจันทร์เพราะมันเหงา คืนนี้เฉาเชือดเฉือนดูเปื้อนเปรอะ พรุ่งนี้คงทำใจได้อีกเยอะ น้ำตาเลอะลบประกัน..สิ้นสัญญา http://bigbang.bloggoo.com/songs/29072 ฉันไม่รู้ (แบบไหนที่เธอจะรัก?)
เมายังไม่หลับนอนเลยตอนนี้ เมื่อวานที่เมานั้นติดพันอยู่ ยากหาคนเห็นใจใครเอ็นดู เหล้าเหมือนรู้ใจจริงกว่าหญิงใด เคยมีรักมั่นคงซื่อตรงนัก เคยมีรักกี่ช้ำจำไม่ได้ เคยมีหวังหนึ่งครั้งที่ฝังใจ คือการกลับมาใหม่ในวันนี้ ด้วยเพราะความคิดถึงจึงมาหา เหตุเพราะว่าที่ไปไม่ใช่ที่ เหตุเพราะว่าที่ไปคือไม่มี คงที่นี่พบรักใครสักคน ใครถุยถ่มเท่าไรไม่เคยช้ำ ใครเหยียบย่ำเท่าใรไม่เคยสน ใครด่าทอเท่าไรใจจะทน ใครท้าชนเท่าไรใจท้าตี เขียนแซวเล่นโกรธเคืองเป็นเรื่องใหญ่ เขียนหนักไปคนเกลียดว่าเสียดสี เขียนจีบสาวยากหาความปรานี เขียนชั่วดีใส่ไว้ข้างในกลอน แก้วเหล้าแตกหยิบขวดยกกระดกได้ เหล้าพร้อมไหลสู่คอไม่รอก่อน หวังสักนางรักแท้ไม่แง่งอน ยอมใจอ่อนรักเจ้าเหมือนเหล้าเอย
พายุฝนกระหน่ำมาเวลาค่ำ เหมือนตอกย้ำความเหงาอยู่เปล่าเปลี่ยว หนาวจนสั่นงันงกอยู่อกเดียว เหงาจริงเจียวเวลานี้ไม่มีใคร มืดกว่ามืดตะวันลับไฟดับแล้ว แสงวับแววแห่งเทียนเวียนมาใกล้ ส่องทางเดินพอมองเห็นเป็นอย่างไร มิส่องใจที่มืดดำช้ำมานาน นั่งชันเข่าคุดคู้อยู่ในห้อง ฟังเสียงร้องกบเขียดมันประสาน ยิ่งตอกย้ำฤทัยให้ร้าวราน น้ำตาพาลรินร่วงรดดวงใจ เหมือนตอกย้ำย้ำว่าช้ำให้ช้ำหนัก ดั่งสลักแน่นถึงรากยากถอนได้ กายสั่นหนาวใจกลับร้อนดังฟอนไฟ ที่ลุกโชนมอดไหม้ไปทั้งดวง หมดหนทางแก้ไขใจดวงร้าว คงถึงคราวอับจนโดนมัดบ่วง โยนทิ้งลงทะเลเล่ห์คนลวง ยากจะท้วงติงอย่างไรให้ใครฟัง จึงทนเหงาเดียวดายอยู่อย่างนี้ อย่างที่มีชีวิตจิตสิ้นหวัง สุขเพียงกายแต่ใจไร้พลัง ขอสักครั้งจะรอขอใครสักคน
วิทยุบอกข่าวถึงคราวยุ่ง ว่าเมืองกรุงมีขบวนให้ชวนหวั่น เป็นห่วงอ้ายหลายมื้ออยู่คือกัน ย้านอ้ายนั้นหลงทางร่วมสร้างกล อ้ายคนดีมีสุขหรือทุกข์หนอ ข้อยคนรอขอวอนก่อนหน้าฝน ให้อ้ายเมือบ้านนามาเบิ่งยล โขงเอ่อล้นท้นฝั่งเคยนั่งเคียง มาซ้อนปลาซิวน้อยก้อยไข่มด มานั่งซดต้มไก่ข้างใต้เถียง มาเบิ่งควายหลายโตร้องซ้องสำเนียง มาฟังเสียงไก่ขันประชันคอ ส่วนพ่อแม่แท้อ้ายจงหายห่วง ไข้เพิ่นซ่วงดีไวได้ยาหมอ เพิ่นบอกข้อยให้ท่าตั้งตารอ วันเฮาพ้อพบกันเป็นวันดี อ้ายอย่าเบิ่งสาวได๋ให้ข้อยช้ำ สัญญาย้ำฝากไว้อย่าหน่ายหนี ย้านอ้ายพ้อสาวงามยามราตรี ข้อยคนนี้ขออ้ายอย่าหลายใจ วิทยุบอกล่าวข่าวบางกอก ส่งคำหยอกบอกก่อนอย่าอ่อนไหว หลูโตนข้อยผู้ท่าให้มาไว สร้างฝันไว้วันลา…เจ้าอย่าลืม..เด้อ ภาษาถิ่น อีสาน อ้าย หมายถึง พี่ หลายมื้อ หมายถึง หลายวัน ข้อย หมายถึง ฉัน น้อง มาเบิ่ง หมายถึง มาดู ก้อยไข่มด หมายถึง ยำไข่มดแดง เถียง หมายถึง กระท่อม ไข่เพิ่นซ่วง หมายถึง อาการเจ็บป่วยดีขึ้น เฮา หมายถึง เรา พ้อ หมายถึง พบ ย้าน หมายถึง กลัว หลูโตน หมายถึง สงสาร ครูพิม ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๒
สายลมร้อนพัดไหวใจยิ่งห่วง ใครคนหนึ่งลาล่วงห่วงฉันไหม ปล่อยให้เหงาเศร้าซึมฤา!อย่างไร หรือมีใครเคียงข้าง..ทางร้าวราน อยากให้อยู่ทั้งคืนได้หรือเปล่า เหมือนที่เราเคยพลอดหยอดรักหวาน ยิ้มอิ่มรสวจีที่เจือจาน รัตติกาลผ่านซึ้งถึงมิคลาย แต่คืนนี้มันเงียบเปรียบป่าช้า คอยแต่พร่ำโหยหาน่าใจหาย เวลาเคลื่อนเดือนผ่านฟ้าพร่างพราย ไร้จุดหมายมองเหม่อเพ้อคนเดียว อยากให้รักเหมือนทุกคืนตื่นมีเธอ แต่มันเผลอคิดจริง.ยิ่งเปล่าเปลี่ยว วางวงล้อชีวิตคิดกลมเกลียว แต่ไม่เลี้ยวมาใกล้..ใจอีกเลย เอาหัวใจวางไว้ใต้หมอนหนุน มันว้าวุ่นทรมานนานเหลือเอ่ย หรือต้องคอยอย่างนี้จนคุ้นเคย วางใจเฉยคืนเหงา...ร้าวให้ชิน
*ขอโทษที่คิดถึงคะนึงหา เพราะรู้ว่าไม่คู่ควรให้ชวนฝัน แค่คนแอบเหงาบ้างในบางวัน ความสำคัญคงน้อยด้อยราคา *ในวันที่แสนเหนื่อยจนเมื่อยขบ อยากจะพบบางคนเคยบ่นหา อยากอยู่ใกล้ชิดชมสมอุรา อยากจ้องตาเป็นมันทุกวันไป *วันที่เหม่อและหม่นระคนเศร้า ได้แต่เฝ้ามองดาวพราวไสว คิดถึงเรื่องร้อยราวแสนยาวไกล เรื่องที่ทำให้ใจ....ได้แต่รอ *อยากรู้ว่ามีไหมที่ใฝ่ฝัน คิดถึงฉันคนไกลที่ใจฝ่อ เพราะกลัวว่าฉันนี้ดีไม่พอ เธออาจส่อแววตาอำลากัน *หรือฉันเหงาเกินไปจึงได้คิด ถึงชีวิตคนเรามียาว-สั้น ยากแค่ไหนใจสองใจใฝ่สัมพันธ์ หากฟ้าคั่นขีดกลางอาจวางมือ *แต่ฉันขอรอคอยไม่ปล่อยปละ รู้เถิดนะพูดจาประสาซื่อ มิใช่คำลวงเล่นเช่นข่าวลือ ด้วยยึดถือจริงใจ...ไว้ต่อรอง *อาจเป็นคำบ้านบ้านไม่หวานหู ที่หวังอยู่คู่เคล้าเพียงเราสอง ไม่ขอมีหมื่นใครมาหมายปอง จะขอจองน้องนาง....คนห่างไกล *อยากขอโทษ....หากโกรธเคืองในเรื่องนี้ เรื่องที่พี่แอบฝันจนหวั่นไหว ไม่อาจห้ามความคิดในจิตใจ จึงขอให้รู้ว่า...ไม่กล้าลืม
แล้ววันคืน ก้อผ่านไป ใจยังเหงา โอ้ตัวเรา ยังคงติด ยังคิดถึง นึกน้อยใจ ก้อเพราะเจ้า ไม่คำนึง ยิ่งนึกถึง ก้อน้อยใจ ไปทุกที แล้วก้อมี สาวคนใหม่ ผ่านเข้ามา ชุบชีวา ที่หม่นหมอง ให้มีศรี ด้วยอารมณ์ เปลี่ยวเศร้าเหงา กลับเริ่มดี เหมือนว่ามี มือให้จับ รีบรับพลัน มิทันได้ ตรองใจดู ให้รู้ก่อน เพราะรีบร้อน ไม่ไคร่ดู ลู่ทางฝัน ทั้งที่จิต คิดถึงน้อง อยู่เหมือนกัน ยังดื้อรั้น จะมีรัก ไม่พักใจ จึงต้องกลับ มาทบทวน หวนคิดดู คนที่คบ ทุกวันอยู่ มันมิใช่ ต้องจำจาก เลิกร้างห่าง หมางกันไป จากนี้ไป ต้องพักใจ อีกเป็นปี จึงขอโทษ และขอบคุณ ที่มารัก สุดท้ายหาก ทำผิดไป ให้หมองศรี ต้องขอโทษ มาจากใจ อภัยที และจากนี้ จะรักใคร ต้องไคร่ครวญ ...... เอ๊ะอยู่ไป ทำไมใจ ก้อยังเหงา หน้าคนเก่า ลอยเข้ามา ในดวงจิต ว่าจะตัด ใจจำจาก ให้ห่างทิศ แต่ยังติด กดเบอร์โทร ไปหาเธอ โอ้น้องสาว ก้อน่ารัก ที่ไม่โกรธ เธอไม่โทษ ในทุกสิ่ง ที่พลั้งเผลอ ด้วยอารมณ์ วันสะรุ่น วัยละเมอ....... (จริงๆ ก้อ สามสิบก่าแระ -..-) น้องจ๋าเธอ ไม่โกรธเรา เข้าใจดี แล้วยังเง้ พี่จะตัด เจ้าได้ง้าย ในดวงใจ ยิ่งมีเจ้า มาแทนที่ หลับตาลง ก้อเห็นหน้า น้องแสนดี โทรไม่เจอ น้องคนดี พี่แต่งกลอน (งุยๆๆๆๆ......^^) ว่าจะตัด ใจจากเจ้า ไม่เฝ้าคิด แล้วไยจิต ของเรานั้น มันยังหลอน หรือว่านี่ มันครือรัก ที่เว้าวอน จึงแต่งกลอน ให้กับน้อง มาจากใจ จะเป็นรัก หรือผิดหวัง เหมือนดั่ง
ใจคนคอยลอยไกลในฟ้ากว้าง มองสุดทางร้างเธอเพ้อห่วงหา ได้แต่ฝากมวลหมู่สกุณา เจ้านกจ๋าบินไปแห่งไหนกัน หากเจ้าบินผ่านไปใกล้เขาอยู่ วานบอกเขาให้รู้อย่าลืมฝัน ดอกไม้ไหวไล้ลมชมแสงจันทร์ เรารำพันวันคืนชื่นมิคลาย ใจคนคอยหงอยเหงาเฝ้าจดจ่อ ยังคอยรอคนดีอย่าหนีหาย ปีกแห่งฝันโชติช่วงพรรณราย รอเคียงกายห่มสาวหนาวคลายคลอน ร่ายลำนำคำกลอนอ้อนฝากนก เจ้าโผผกเวิ้งฟ้าผ่านสิงขร เอาคำฝากจากใจสาวนักกลอน นอนแรมรอนคอยรักจักคืนเรือน โปรดรับสารคนคอยน้อยใจนัก อาการหนักรู้ไหมใครจะเหมือน เป็นโรคใจไร้คนมาแชเชือน สัญญาณเตือนคนคอย..น้อยใจเอย
ฉันขอโทษ...ที่รบกวนเธอบ่อยเกินไป ฉันขอโทษที่ดึงเธอเอาไว้เหมือนคนของฉัน ทั้งที่แท้จริงแล้ว...เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน และอย่าลืม...ฝากขอโทษเธอคนนั้น ...เจ้าของหัวใจ อาจจะเคยบอกรักใครมาหลายครั้ง แต่ก็รู้ตัวว่ายังไม่เจอคนที่ใช่ จึงเฝ้ารออยู่อย่างนี้เรื่อยไป เมื่อไหร่นะ จะมีคนของใจ... เป็นของตัวเอง...สักที อาจจะเคยกอดใครมาหลายหน ก็ไม่เห็นมีใครสักคนที่กอดแล้ว ...จะอบอุ่นอย่างนี้ แต่ให้ยืมของของคนอื่นกอดบ่อย-บ่อยก็ไม่ดี งั้นช่วยฉันคิดที...จะให้ทำไง อยากมีใครสักคนเป็นของตัวเองบ้าง ขืนมัวแต่รอวันเธอว่าง...คงไม่ไหว อยากเจอใครบางคนที่เขาเต็มอกเต็มใจ และพร้อมจะรักฉันตลอดไป...ก็เท่านั้นเอง
หลังจากที่ ผิดพลาดทางเทคนิค อิอิ ว่าไปนั่น ข้าน้อยเลย ขอโอกาสแก้ตัวให้หัวใจ (เอ้า มาแนวเพลง) แต่ต้นแบบเดิม ไม่เปลี่ยนครับ เพราะจะได้เป็นตัวอย่าง ของความประมาทเลินเล่อ ของผมเอง ผิดแล้ว ก็ต้องมีตัวอย่างความผิด ผมเลยถือโอกาสแต่งใหม่ (หวังว่าคงไม่ผิดอีกนะ) และขอโทษเป็นอย่างมาก ที่ทำให้อ่านแล้ว ระคายสายตาผู้ชม มากไปหน่อย อิอิ ในบทที่ผ่านมา บทนี้เลย มาเรียบเรียงใหม่ แต่เนื้อหา เศร้าหน่อยนึง *ท่ามดึกดื่นคืนเหงาแสงดาวดับ ซับดวงเดือนเลือนลับยากหลับใหล ไยร่ำเรียงเสียงครวญปั่นป่วนใจ ป่ายปวดจำค่ำไหนจะไร้รอน *จรรักเริ่มเพิ่มใหม่จากใจเก่า เจ่าจิตก่อนซ่อนเศร้าหากเจ้าถอน ห่อนเจียรถามความรักสลักกลอน ซ้อนเรื่องเก่าเว้าวอนจากตอนใด *ใจต้องเดียวเปลี่ยวดายความหมายหมด ขดมัวหมองจ้องจดจำบทไหน ใจบ้าหน่อยพล่อยพร่ำเสียงร่ำไร ใส่เรื่องราวยาวไกลในใจครวญ *นวลแจ้งคำย้ำขื่นค่ำคืนเหงา เค้าคงงอนอ้อนเฝ้าคอยเจ้าหวน ครวญจิตหันพลันเหอกเรรวน อ่วนรักร้าวเศร้าสรวลปั่นป่วนนัก *ปักประหนึ่งตรึงตราเวลาก่อน วอนรักเก่าเราย้อนช่วยผ่อนหนัก สักผิดไหนไตร่ตรองเพื่อครองรัก ภักดิ์คนแรกแทรกหลักมั่นภักดี *มีเพื่อนด้วยช่วยคลายวุ่นวายหมอง เว้าวอนไม่ให้ต้องนั่งหมองศรี นี้หม่นโศกโรคร้าวยามเรามี ยีรอยหม่นคนดีคราหนีไป (ยี มาจาก ย่ำยี) *ใครหนอเปลี่ยนเวียนวนมีคนอื่น หมื่นคำอ้างช่างตื้นไม่ชื่นใส ไม่ชื่นสุขทุกข์ชิดไม่ติดใจ ไม่เติมจิตคิดไกลกลั
ใจเหม่อลอยคอยสาวเข้ามาอ่าน นานแสนนานผ่านไปพี่ใจแป้ว ไม่เข้ามาเม้นท์เลยเฉยอีกแล้ว ใยน้องแก้วเนื้อเย็นช่างเป็นไป เคยขอโทษหลายครั้งยังไม่สน ให้พี่ทนทานแห้วแล้วใช่ไหม ไม่ผ่านมาแถวนี้บ้างหรือไร พี่ทำใจไว้แล้วนะแก้วตา เข้าใจแล้วคำว่ารักหากชังกัน เหมือนฟ้ากั้นมองไปไกลสุดฟ้า พี่รอน้องคนดีนี้เข้ามา สุดเหว่ว้าไม่ทักกันเหมือนวันวาน หลุดวงจรชีวิตอิสระ พึ่งธรรมะชั่วคราวเว้นคาวหวาน ปล่อยให้พี่หยุดฝันวันชื่นบาน จะสงสารหรือไม่ตามใจเธอ
หัวใจเหงาเค้าเมฆเริ่มแปรเปลี่ยน สีสวยเพี้ยนเห็นเป็นความหมองหม่น น้ำตาฟ้าล่วงหล่นเหมือนน้ำตาคน ออกรสขมปนเศร้าร้าวระทม เจ็บลึกแสบแสนปวดแปลบนัก เหมือนที่พักหักพังมาทับถม ปวดทั้งกายเจ็บทั้งใจจำต้องล้ม ได้นอนซมพิษไข้ไร้เรี่ยวแรง คิดไม่ออกบอกไม่ถูกก็ครานี้ หัวใจถูกย่ำยีกับคำแฝง คำร้ายร้ายเสียดสีที่ทิ่มแทง เหมือนกำแพงที่กั้นระหว่างเรา ไม่ต้องการก็บอกอย่ากรนด่า ฉันมีค่าเกินกว่าคำเขลาเขลา ไม่คิดให้กลับมาเป็นเหมือนเงา ไม่ขอเอาคนหยาบคายนั่นคือเธอ อาจเจ็บป่วยเป็นไข้เพราะพิษรัก อาจต้องพักสักนิดให้หายเบลอ เพื่อลบล้างความหวังที่เคยเพ้อ ไม่ให้เจอไม่ให้เข้าสู่หัวใจ.....
๏..เสียงครืนครืนคลื่นผสมสายลมพัด เข้าสาดซัดถาโถมโลมหินผา กลางเปลวแดดคลื่นลมในยมนา เส้นขอบฟ้าที่เห็นเป็นฉันใด ยอดยางสูงขึ้นเบียดคอยเสียดสี เหมือนดนตรีกล่อมมหาชลาศัย เสียงหวีดหวิวลมพัดระบัดใบ หวนถึงใครบางคนบนเส้นทาง อยากให้เจ้ามายืนอยู่ตรงนี้ ฟังดนตรีผสานเสียงอยู่เคียงข้าง สัมผัสลมไล้ละเรื่อแนบเนื้อนาง เหมือนเส้นกั้นบางบางระหว่างเรา ฉันเพียงยืนเหม่อลอยคอยความหวัง หรือเพียงฝั่งฉันผู้เดียวที่เปลี่ยวเหงา หรือเสียงคลื่นอีกละลอกบอกว่าเรา เป็นความเศร้าความหลังอีกฝั่งทะเล..๏