ครบรอบปี คล้ายวันที่เจ็บช้ำน้ำตาเอ่อ ถึงจุดเปลี่ยนทางตันฉันและเธอ ที่พบเจอเส้นขนานกาลเวลา ขอฉลอง ด้วยทำนบทำนองเต็มสองหน้า ไหลมาเถิดไหลรินให้ชินชา ร่ำน้ำตาสุขสันต์วันปวดใจ จะกี่เดือน มิลบเลือนวานวันนั้นลงได้ คือร้ายฝันบั่นทอนดุจฟอนไฟ ที่เผาไหม้ลามลุกทุกเช้าเย็น อีกนานไหม ความเป็นไปแบบนี้ดังที่เห็น จักสิ้นสุดความช้ำที่ลำเค็ญ ตายทั้งเป็น..รู้ได้เมื่อไร้เธอ...
เมื่อสายบ่วงคลายลง...ก็คงจาก ควรพลัดพรากแยกทางหว่างวิถี วันล่วงผ่าน เนิ่นนาน ล้านนาที ล้วนสิ่งดี...ปรากฏ เรื่องทดแทน... เพราะไม่ใช่ในแบบจึงแปลบเจ็บ ปวดหนาวเหน็บในทรวงเพราะหวงแหน หลากหลายคนที่เห็นควงเป็นแฟน จุกอกแน่น...อึดอัดแสนขัดใจ... คงมีมากตัวเลือก...หวังเปลือกนอก ขอเผยบอก ความจริง อกหญิงไหว ไม่อยากเป็น "ตัวเลือก" เกลือกกลั้วใคร ขอห่างไกล หาญหัก เพื่อศักดิ์ตน... "เพียงพบพานผ่านภพ" ประสพกัน เกินข้ามขั้น บ่วงกรรมกระทำผล ไร้รอยเหตุสอดคล้องเราสองคน อย่าฝืนทนร่วมทางเพื่อสร้างทุกข์... .
น้ำเต้าหู้ คงไม่หวาน เจือตาลแล้ว เพราะน้องแก้ว สิรินญา เมินหน้าหนี ไม่ตอบรัก รับประทับ กับฤดี ทิ้งให้พี่ อ้างว้าง อยู่กลางไฟ แรกไฟอ่อน จึงอ้อนเชิง ระเริงสู้ เหมือนหนึ่งชู้ หลงเริงรัก มักตักษัย คิดว่ารัก เลยอ้อนออด สอดฤทัย แท้จริงใจ ลวงเล่ห์ไว้ ใช้เล่ห์ลวง หรือเพราะรัก ร้าวราน ผสานผสม จึงใช้ลม ลวงเล่ห์ เร่หาหวง หาห่วงใย เติมเต็ม ให้เต็มทรวง ผิรู้ลวง ว่าให้ใจ ใครร้าวราน เพราะเราซื่อ ถือว่ารัก บริสุทธิ์ จึงเจือสร้อย ร้อยนุช สุทธิสาร เจือชีวิต เจือจิตใจ ใส่วิญญาณ เจือความรัก เจือความหวาน ตาลเจือใจ แต่ผิดถ้อย ร้อยลำนำ ที่พร่ำบอก ตาลไม่บอก ออกอาการ ที่หวานไหว มีแต่ร้าง ห่างเหิน ดำเนินไป เพราะหัวใจ กลับรับเขา เข้ามาคืน ใจของพี่ เลยต้องร้าง เส้นทางรัก น้อยใจนัก รักช่างทำ ช้ำสะอื้น อุตส่าห์รัก อุตส่าห์หวัง ตั้งวันคืน สุดท้ายยืน เดียวดาย อยู่ปลายทาง เพราะเห็นว่า มีแววหวัง เลยตั้งจิต สุดท้ายผิด เพราะน้อง นั้นหมองหมาง เพียงหว่านเล่ห์ เสน่ห์คำ ทำอำพราง สุดท้ายร้าง เลือนไกล ไม่ไยดี หากเจ้ามี คู่อยู่แล้ว น้องแก้วเอ๋ย พี่ขอเลย ล่วงลา หลบหน้าหนี ขอให้สม รักสุขหวัง ดั่งควรมี สำหรับพี่ ผู้แพ้พ่าย ขอวายปราณ
รักกันมา เนิ่นนาน เมื่อกาลผ่าน มีทั้งหวาน ทั้งขมระทมบ้าง แต่ไม่เคย คิดร้างไป ไกลหนทาง ยังร่วมสร้าง ทางฝัน ของสองเรา แต่วันนี้ มีเรื่องราว ที่เราสอง ไม่อาจมอง เห็นทาง สว่างจ้า อุปสรรค มากมาย ก่ายกองมา ก็หวังว่า จะฝ่าไป เคียงคู่กัน ใช้พลัง ความหวัง และความฝัน เข้าฝ่าฟัน ก้าวไป ในข้างหน้า เพื่อหวังกอบ กู้ความสุข เราคืนมา หวังว่าฟ้า คงเปิดทาง ให้กับเรา จะเนื่อยกาย ทุกยาก ลำบากจิต ไม่เคยคิด ท้อถอย ให้ห่างหาาย ยังเอาแรง มุ่งสู้ เหงื่อโทรมกาย ยังไม่ตาย คงผ่านไป ใด้สักวัน มาวันนี้ มีบางอย่าง ได้บังเกิด ทางที่เปิด ขึ้นมา ด้วยใจฝัน คนที่มา บั่นทอน หัวใจกัน คือเธอนั้น ที่ฉันหวัง กำลังใจ ความลำบาก ทำเธอ เริ่มท้อถอย จากที่คอย ห่วงใย ไม่หน่ายหนี เธอที่เคย คอยเป็น เส้นชีวี มาวันนี้ เธอคนนี้ ได้เปลี่ยนไป เริ่มมีความ เหินห่างขึ้นกลางจิต ด้วยเธอคิด ปันใจไปใช่ไหม เริ่มมีคน มาใหม่ ให้เปิดใจ อยากจะไป ไกลจากฉัน หรือคนดี ทั้งที่เคย รักกัน เป็นมั่นเหมาะ หรือจะเพราะ ลำบากไป งั้นใช่ไหม จึงเปิดรับ ใครอีกคน ที่หัวใจ รู้บ้างไหม มันทำร้าย หัวใจกัน ฉันหมดแรง สิ้นพลัง จะสู้ต่อ แสนทดท้อ ห่อเหี่ยวใจ ทนไม่ไหว ความอ่อนแอ ถาโถม สู่หัวใจ รู้บ้างไหม แทบอยากตาย ไปจากกัน ตั้งแต่วัน ที่รู้ ผู้มาใหม่ แทรกมาใน หัวใจ ของเธอนั้น ต้องอยู่อย่าง ไร้เรี่ยวแรง แหล่งพลัง หมดความหวัง สู้ต่อไป เพื่อใครดี ทุกๆวัน ต้องคอย หวาดระแวง กลัว
จากวันนั้น ถึงวันนี้ หลายปีพ้น ดวงกมล สู้ข่ม ความขมขื่น เพราะฤทัย ใสพิสุทธิ์ มีจุดยืน แม้กล้ำกลืน ทุกข์ตรม ก็ข่มเอา เพราะความหลัง ฝังใจ มิวายคิด เหมือนสถิตย์ อยู่ท่าม กลางความศร้า ทุกข์หรือสุข อยู่เคียง เพียงสองเรา บางครั้งหนัก บ้างเบา ก็เข้าใจ ณ.วันนี้ พี่อยู่ คู่กับเจ็บ แม้หนาวเหน็บ ทนอยู่ เธอรู้ไหม ต้องโดดเดี่ยว เอกา สุดอาลัย ด้วยเธอไป ไกลลับ มิกลับคืน เมื่อวันนี้ ปีเก่า เรามีสุข คอยปลอบปลุก แรงใจ ให้สดชื่น แต่วันนี้ พี่ซ้ำ สุดกล้ำกลืน วันสดขื่น ครั้งหลัง ยังฝังจำ หนาวลมเหนือ เมื่อสาง ช่างสับสน เคยกังวล ห่วงเจ้า เฝ้าพูดพร่ำ สิ่งใดถูก ใดดี ช่วยชี้นำ ทุกถ้อยคำ ย้ำอย่าง ผู้หวังดี ไม่กังวล ไม่ห่วงใย ไม่ไต่ถาม เหลือเพียงความ หงอยเหงา เศร้าสุดที่ กับคิดถึง สุขเก่า เราเคยมี อีกกี่ปี จะคลาย หายอาดูร
ร่ายบทกลอน..ย้อนอดีตชีวิตหนึ่ง ผู้ที่ซึ่ง ถึงอาสัญไม่นานนัก ยังตราตรึงถึงความดีที่ประจักษ์ ยังตระหนัก ชื่อ ยอดรัก สลักใจ ยอด..เยี่ยงอย่าง ย่างสู่ยอดนักร้องเยี่ยม ยอดคนเจียม แม้จะจนแต่ขวนขวาย ยอดศิลปิน ถิ่นพิจิตรชีวิตนาไร่ ยอดขุนพล ลูกทุ่งไทยในวงการ รัก..จะร้องลูกทุ่ง มุ่งมั่นหมาย รักฝันใฝ่ จากไร่นาไปล่าฝัน รักทำดี มีน้ำใจให้เจือจาน รักในงาน รักครอบครัว คือตัวจริง ! สลัก จิต แฟนชิดชมนิยมมั่น สลักไว้ ในห้วงฝันสุขสันต์ยิ่ง สลักลึก ให้นึกยลยอดคนจริง สลักใจ ไว้ทุกสิ่งยิ่งนานเนา ใจ..โอบเอื้อ เกื้อกูลหนุนเพื่อนพ้อง ใจคอยป้อง น้องพี่อย่ามีเศร้า ใจแกร่งแท้ แม้สุดท้ายอภัยเขา ใจของเรา ต้องผ่องใสไปนิรันดร์ เขียนบทกลอน..ย้อนสู่ชูเกียรติก้อง เทิดนักร้องแห่งผองชน คนสร้างสรรค์ คงบทเพลงบรรเลงร่ายไปชั่วกาล รำลึกผ่าน ผสานรัก ..สลักใจ ! ๙ ส.ค.๕๔ รำลึก ๓ ปี ที่จำจาก ..ยอดรัก สลักใจ
ดวงตะวัน..ผันเวียน...แดด เปลี่ยนทิศ แต่ดวงจิต..เปลี่ยนทาง...คว้างสับสน เหมือนไม่เคย..เปลี่ยนทัน...ผันใจพ้น จากวังวน ความเปลี่ยว...อันเดียวดาย โลกส่วนต่าง...ยังคงดำรงอยู่ ผลัดฤดูผันจาก...ความหลากหลาย แต่กับ โลกส่วนตัว...มืดมัวคล้าย คนโชคร้าย..จมอยู่ ฤดูเดียว สภาพอันอ้างว้าง...คราร้างคู่ ผันเข้าสู่ความท้ออันห่อเหี่ยว บรรยากาศแต้มขีดแต่ซีดเซียว คนยึดเหนี่ยว..เหลียวแล...ไร้แม้เงา เหมือนต้องทัณฑ์...ร่ำไป...ให้ครองโสด เหมือนต้องโทษ...ซ้ำสอง...ให้ครองเศร้า เหมือนข้อหาฉกรรจ์...เกินบรรเทา เหมือนรุกเข้าชีวัน..หมายบั่นทอน ตกอยู่ใน ฤดู...เหงาฤดี ปกคลุมที่ ทรวงใน สุดไถ่ถอน กินก็ขื่น..ตื่นก็เศร้า..เหงาก็นอน คล้ายวงจร ถูก-วาด...ให้ขาดรัก ในหัวใจลึกลึก...นึกแล้วร้าว แต่ละก้าวหนาวเหน็บ...เกินเก็บกัก ยามอ่อนล้า...หาไหล่ไหนพิงพัก หาอ้อมตักไหนนอน...ยามอ่อนโรย ทั้งที่มีหัวใจ...เหมือนใครหมด ฟ้ากำหนดหรือไร...ต้องไห้โหย เมื่อไหร่ความร้าวรวด...ที่หวดโบย จะถูกแทนที่โดย หนึ่งผู้ใด ถ้า! ผลัดเปลี่ยนเวียนสู่...ฤดูรัก ฤดีจักซื่อตรงอสงไขย สมกับที่ถวิลแทบสิ้นใจ ถนอมไว้ร่วมเรียงเคียงประคอง อยากเอ่ยคำว่ารัก..ดูสักหน อยากเป็นคนหนึ่งที่...มีเจ้าของ อยากจะสาน สายใย...สายตามอง อยากผูกคล้อง สองใจ...ไว้ผูกพัน อยากห่วงใยไถ่ถามยามใกล้ชิด อยากร่วมคิด..ร่วมเคียง..ร้อยเรียงฝัน อยากใช้แขนที่ว่าง...เกี่ยวข้างกัน อยากเป็นคนสำคั
เข้าในใจเต็มที่เข้าที่ใจ ว่าต่อวันแต่นี้ไปใจคงเหงา เมื่อขาดแล้วคนเคยเคียงเพียงเป็นเงา รู้ต้องเศร้าแน่ๆดวงแดเอย แต่ไม่รู้จะต้องเศร้ากี่เนานาน กี่วันพรุ่งเผชิญผ่านราญร้าวเอ๋ย รู้เจ็บใจแต่ไม่รู้อะไรเลย ว่าเธอเคยรู้บ้างไหม รู้ใจกัน
ทุกถ้อยกล่าวราวกล่อมสู่อ้อมกอด น้ำคำพรอด...อ่อนหวานผสานเสียง เชื่อถือมั่น...นัยคำสื่อสำเนียง พร้อมจักเคียงมอบหวังพลังใจ... ศรัทธาในชาติภพประสพพักตร์ ตรึงจำหลักคล้องขวัญคงมั่นไว้ ยอมมีรัก...ทุกข์ทนแม้หม่นไหม้ แม้นร้างไร้อนาคตกำหนดวาง... เกิดรักซ้อนซ่อนเงื่อนมาเคลื่อนคล้อง ถูกจำจอง...ไร้สุข-ทุกข์มิสร่าง หมายคือ "รัก" สุดท้ายที่ปลายทาง แต่เปล่าว่าง...ทางตันสุดครรลอง เป็นโทษทัณฑ์ทำไว้แต่ใดหนอ ? หรือร่วมก่อกรรมเก่าเราทั้งสอง ผูกปมเงื่อนบ่วงกรรมแล้วจำจอง ผลสนองรักขมทุกข์ตรมทรวง... หลบซ่อนช้ำข่มเศร้าในเงาหม่น น้ำตาหล่นเกินกลั้นยามขวัญหวง รักร่วมสร้างร้างลา...สิ้นค่าปวง เหลือรอยบ่วงพ่วงทัณฑ์สุดบรรเทา... มาให้รักแล้วลิดรอนอาวรณ์นัก สุดจะหักสุดจะห้ามข่มความเหงา หรือสิ้นแล้วหนทางระหว่างเรา เหลือเพียงเงาเคล้าร่างตราบวางวาย...
โครงการส่งต่อความรักและความหวัง ครั้งที่ ๑ สู่"กองทุนในสวนขวัญ จิรวรรณ แก้วพรหม" "เธอ..ไม่ได้หายไปไหน" จากวันนั้นถึงวันนี้..ที่ห่วงหา รับรู้ว่าเธอมิได้หายไปไหน ยังวนเวียนเพียรหมายสื่อสายใย ด้วยหัวใจที่ยึดถือสื่อถึงกัน จากวันนั้นถึงวันนี้..หลายปีผ่าน เธอทิ้งร่างร้างวิญญาณผ่านสวรรค์ จากด้วยรักลาด้วยจิตคิดผูกพัน โอ้อาลัยครั้งนั้นเหลือบรรเทา ถึงต่างภพต่างโลกวิโยคยิ่ง แต่ความจริงเหมือนยังยืนอยู่ที่เก่า ยังแข็งเข้มเต็มตามความเป็นเรา ยังทบเท่าทุกความในคำนึง ทุกส่วนเสี้ยวชีวิตเคยคิดร่วม ยังหลอมรวมงดงามให้ถามถึง สรรพสิ่งในเจตนายังตราตรึง อยู่เป็นหนึ่งทุกเส้นทางมิห่างไกล จากวันนั้นถึงวันนี้..ที่ห่วงหา รับรู้ว่าเธอมิได้หายไปไหน ยังวนเวียนเพียรหมายสื่อสายใย ยังส่งใจร่วมโศกสุขทุกอณู แม้มิเคยปรากฏกายให้มองเห็น ในเยียบเย็นตระหนักว่าเธอมาสู่ ทุกประสาทสัมผัสถนัดรู้ ด้วยเธออยู่กลางใจฉัน..มั่นคงแล้ว ! รัตนธาดา แก้วพรหม สำนักกวีน้อยเมืองนคร ๙ กันยายน ๒๕๕๒ แม้ดอกไม้จะราโรยและร่วงหล่น ขอดอกไม้ในใจคนอย่าเหือดแห้ง เป็นพลังเป็นศรัทธายามล้าแรง แตกแขนงแตกกอต่อต่อไป เพื่อสืบสานคุณธรรมอันสวยสด จรรโลงโลกให้งามงดสุขสดใส ขอดอกไม้ที่บานแล้วกลางดวงใจ มีแต่ให้กลิ่นหอมห้อมความดี มีแต่ให้กลิ่นหอมเพื่อมวลชน แทนคุณแทนไท ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ ข้าพเจ้าจะเริ่มต้นส่งมอบไมตรีจิตนี้อย่างไรดี ข้าพเจ้าพบกับตัวเองว่าทุกคนส่วนมากล้วนถา
คงไม่สิ..ไม่ได้ยินเสียงใจฉัน ไม่เห็นค่าความสำคัญก็เท่านั้น คงไม่เห็นแลค่าความสำคัญ มองแค่ฉันตัวตลกที่ผ่านมา ฉันรับรู้หัวใจเธอบอกอะไร เธอรักใคร..ใจรู้เธอปรารถนา คงมีแค่น้ำที่ไหลรินจากตา ไม่มีค่าให้เธอคิดคำนึง มีแต่เสียงหัวใจของฉันเอง ที่บรรเลงเพลงรักเธอไม่ซึ้ง ไม่แลเห็นความรักของคนหนึ่ง ที่ส่งเพลงความคิดถึงฝากลมไป กลับมายืนที่เดิมที่คุ้นเคย หยุดอย่าเผยรักนั้นให้หวั่นไหว กลับมาที่คุ้นชินกับหัวใจ ที่ที่ไม่มีใครให้คุ้นชิน
ช่วยอ่านกลอนก่อนจะไปได้หรือเปล่า อีกสักคราวสักครั้งยังจะขอ ช้ำใจช้ำยังย้ำใจไม่หนำพอ เจ็บใจหนอยังเจ็บช้ำไม่หนำใจ จะไม่กล่าวลาก่อนตอนลาจาก น้ำตาพรากไหลพรั่งให้หลั่งไหล จะไม่วอนวาจาว่าอย่าไป เจ็บเพียงใดให้เจ็บเลยเพื่อเคยชิน ..คำลาในวันนี้ไม่มีให้ ก็เพราะใจไม่แข็งแรงเป็นแท่งหิน ยิ่งน้ำตาล้านล้านหยดมารดริน มันล้างสิ้นกำลังใจที่ใช้ยืน ทรุดลงกองกับสองเข่าเศร้าที่สุด ฝืนจะยุดยั้งไว้ ไม่อาจฝืน ..กลืนกล้ำระกำไหม้ใจกล้ำกลืน ทอดสะท้อนถอนสะอื้นกลืนน้ำตา นานเพียงไหนจึงนับได้ว่าแสนนาน แค่เพียงผ่านนาทีเร้นไม่เห็นหน้า นั่นก็นานเกินไปแล้วแก้วกานดา แล้วการลา จะเทียบเช่นเป็นกี่นาน ไกลเพียงใดจึงนับได้ว่าไกลกัน ไม่จับมือเท่านั้นก็พลุ่งพล่าน ห่างเกินกอดก็คือไกลจนใจราน แล้วจากบ้าน จากพี่ จะกี่ไกล ช่วยอ่านกลอนก่อนจะไปได้หรือเปล่า คนใจร้าวเขาเพียงขอพออาศัย ก่อนจำพรากเพียงฝากคำ ให้จำไป เธอจะจำเขาได้ไหม ไม่จำเป็น
ปฎิทินเวียนมาเมษาร้อน นั่งเขียนกลอนด้วยใจอาลัยหา เล่นสาดน้ำสงกรานต์ปีผ่านมา เย็นอุรา..ยิ่งนักเพราะรักกัน . ...แต่พ้นผ่านนานวันก็พลันหมอง น้ำตานองไหลรินสิ้นความฝัน เหลือแต่ภาพมายามาผูกพัน เฉกเช่นวันสงกรานต์ ..นานยังจำ . เขาสาดน้ำยิ้มรื่นสะอื้นนัก เราขาดรักสาดใจ.ใยชอกช้ำ สาดน้ำเย็นเป็นน้ำตา.พาระกำ หลงน้ำคำ ของชาย..ที่หมายเคียง . ใครก็ได้สาดน้ำมาอย่าเกรงใจ จะยืนให้สาดรดกลบน้ำเสียง ที่ไหลนองเต็มอกอยู่เนียงเนียง มิอาจเลี่ยงฝืนไหวเพราะใจพัง . เอากายรับน้ำเย็นเซ็นซ่านจิต จะได้ทิ้งความคิด..ที่ผิดหวัง สาดน้ำรดหัวใจที่ผุพัง ทิ้งความหลังสงกรานต์เศร้า..เงาเจือจาง
บอกมาเลยสักคำจะจำจด อย่าโป้ปดหลอกกันมันหม่นหมอง สิ่งเคยดีเคยฝากอยากครอบครอง เหลือแต่น้ำตานอง..ตรอมทรวงใน คงเหมือนกับใบไม้ที่ร่วงหล่น ปลิวไปกับลมฝนจนสั่นไหว นับจากนี้คงไม่เหลือแม้เยื่อใย เพราะมีใครบางคน..มาทดแทน มองสิห้องว่างเปล่าร้าวใจหนัก กอดเข่ามองความรักที่หวงแหน บนที่นอนไร้ร่างขานเรียกแฟน ไม่เหลือเลยอ้อมแขนของแฟนเรา ใจแปรผันตัดขาดอนาถสิ้น หายลยินเสียงเสียงร้องของคนเศร้า นี่หรือคนเคยบอกว่ารักเรา คำพูดเขาเหมือนลมเพ..แล้วเรรวน รักถูกลืมเติมต่อขอทิ้งสิทธิ์ คงไม่คิดรักหนอขอคืนหวน อาจเสียใจเพราะช้ำจำคร่ำครวญ อาจจะป่วนหัวใจไปอีกนาน
ฝนหลงหนาวสาวคิดถึงใครคนนั้น เขียนรำพันกลอนฝนจนสั่นไหว กอดตัวเองลำพัง..ฟังหัวใจ ฤดูไหนจะเหงาเท่าฝนพรำ เมื่อฝนมาฟ้าหม่นหล่นเป็นสาย หนาวทั้งกายทั้งใจใช่ถลำ แต่เพราะเชื่อสัญญาของน้ำคำ ใครคนหนึ่งคอยย้ำ..ว่ารักเรา จะให้คอยอีกนานไหมเล่าหนอ อยากจะขออ้อมแขนแฟนแก้เหงา ขอไออุ่นกันหนาว..พอบรรเทา จะให้เฝ้า.ความหวัง..กี่ครั้งคราว ดูสิฝน!ลมหนาวผ่าวพัดพลิ้ว ใบไม้ปลิวร่วงโรยโปรยฝนหนาว เพราะความรักของฉันนั้นยืดยาว ฝนไร้ดาวสาวไร้รัก..หนักฤดี รอรักอยู่ฤดูไหนใจก็รัก แต่หนาวหนักเย็นเยือกเลือกปีนี้ อย่าให้คอยนานเนิ่นเกินหลายปี ขอคนดีกอดคลายหนาว..สาวขอมา
...เห็นตำตา ตำใจ ใยตลบ ว่าที่พบ เพื่อนจริง ยิ่งกว่าแน่ ใยหลีกเลี่ยง หลบตา ไม่กล้าแล หรือจริงแท้ ที่บอก หลอกลวงกัน... ...แล้วที่เห็น อิงกาย สายตาหวาน สุดสราญ สรวลเสียง แสนสุขสันต์ พี่ยืนมอง นองน้ำตา อกจาบัลย์ ยากเกินกลั้น รุนแรง แสลงใจ... ...โอ้พุ่มพวง ดวงฤดี ใครที่รัก เจ้าสลัก ใจหรือ คือชื่อไหน เปิดอุรา มาดู ให้รู้ไป ใช่มิใช่ อย่าโกหก ตลกหน้าตาย... ...เจ้านั้นคิด โกหกฉัน จนวันไหน หรือปล่อยให้ ชีพลาลับ ดับสลาย เห็นเต็มตา หน้าเฉย เอ่ยเพื่อนชาย พี่คงควาย มองไม่รู้ ดูไม่เป็น...