ขอเวลาไม่นานหรอกที่รัก ขอให้ฉันพิงพักหน่อยได้ไหม ปรากฏการณ์ผ่านมาจะผ่านไป จะไม่เหลือสิ่งไหนให้รำคาญ อย่าวิตกกังวลสับสนเลย จะเป็นเพียงคนเคยที่เลยผ่าน หนึ่งชีวิตเรื่องราวไม่ยาวนาน แล้ววันวานจะจบแล้วลบเลือน ฉันเข้าใจห่วงใยความรู้สึก ในเบื้องลึกเธอฉันนั้นไม่เหมือน ความผูกพันข้องเกี่ยวยึดเหนี่ยวเตือน ขอบเขตเพื่อนขีดเส้นความเป็นมา เชื่อเถอะนะทุกคำที่พร่ำบอก ไม่ได้หลอกเรื่องราวตามกล่าวหา ทุกครั้งที่ประสานผ่านสายตา จะสัมผัสคุณค่าความจริงใจ รู้ว่าเป็นส่วนเกินที่เกะกะ เป็นภาระขุ่นเคืองเรื่องเหลวไหล อีกไม่นานสัญญาจะลาไกล ก่อนจะตัดเยื่อใย..ขอกอดลา
ครบรอบปี คล้ายวันที่เจ็บช้ำน้ำตาเอ่อ ถึงจุดเปลี่ยนทางตันฉันและเธอ ที่พบเจอเส้นขนานกาลเวลา ขอฉลอง ด้วยทำนบทำนองเต็มสองหน้า ไหลมาเถิดไหลรินให้ชินชา ร่ำน้ำตาสุขสันต์วันปวดใจ จะกี่เดือน มิลบเลือนวานวันนั้นลงได้ คือร้ายฝันบั่นทอนดุจฟอนไฟ ที่เผาไหม้ลามลุกทุกเช้าเย็น อีกนานไหม ความเป็นไปแบบนี้ดังที่เห็น จักสิ้นสุดความช้ำที่ลำเค็ญ ตายทั้งเป็น..รู้ได้เมื่อไร้เธอ...
น้ำเต้าหู้ คงไม่หวาน เจือตาลแล้ว เพราะน้องแก้ว สิรินญา เมินหน้าหนี ไม่ตอบรัก รับประทับ กับฤดี ทิ้งให้พี่ อ้างว้าง อยู่กลางไฟ แรกไฟอ่อน จึงอ้อนเชิง ระเริงสู้ เหมือนหนึ่งชู้ หลงเริงรัก มักตักษัย คิดว่ารัก เลยอ้อนออด สอดฤทัย แท้จริงใจ ลวงเล่ห์ไว้ ใช้เล่ห์ลวง หรือเพราะรัก ร้าวราน ผสานผสม จึงใช้ลม ลวงเล่ห์ เร่หาหวง หาห่วงใย เติมเต็ม ให้เต็มทรวง ผิรู้ลวง ว่าให้ใจ ใครร้าวราน เพราะเราซื่อ ถือว่ารัก บริสุทธิ์ จึงเจือสร้อย ร้อยนุช สุทธิสาร เจือชีวิต เจือจิตใจ ใส่วิญญาณ เจือความรัก เจือความหวาน ตาลเจือใจ แต่ผิดถ้อย ร้อยลำนำ ที่พร่ำบอก ตาลไม่บอก ออกอาการ ที่หวานไหว มีแต่ร้าง ห่างเหิน ดำเนินไป เพราะหัวใจ กลับรับเขา เข้ามาคืน ใจของพี่ เลยต้องร้าง เส้นทางรัก น้อยใจนัก รักช่างทำ ช้ำสะอื้น อุตส่าห์รัก อุตส่าห์หวัง ตั้งวันคืน สุดท้ายยืน เดียวดาย อยู่ปลายทาง เพราะเห็นว่า มีแววหวัง เลยตั้งจิต สุดท้ายผิด เพราะน้อง นั้นหมองหมาง เพียงหว่านเล่ห์ เสน่ห์คำ ทำอำพราง สุดท้ายร้าง เลือนไกล ไม่ไยดี หากเจ้ามี คู่อยู่แล้ว น้องแก้วเอ๋ย พี่ขอเลย ล่วงลา หลบหน้าหนี ขอให้สม รักสุขหวัง ดั่งควรมี สำหรับพี่ ผู้แพ้พ่าย ขอวายปราณ
เคยเป็นคนทนเข้มอย่างเต็มข้น สู้อดทนรับแผลได้หลายสิบแผล สู้เมื่อไหร่ใจเพียงสู้ไม่รู้แพ้ กายย่ำแย่ แค่ก้ำกึ่งไม่ถึงตาย แผลที่กาย แค่ไหนก็พอทำเนา เพราะใจเรา ยังพอรั้งไม่พังพ่าย แต่วันนี้เธอทิ้งไปใจจะวาย ทนพิษบาดหมางไม่ได้.. จะตายแล้ว เห็นคนลง status ใน fb แล้ว น่าสนใจเอามาแต่งกลอน แต่ คำมีหกพยางค์ และไม่คล้องจอง แถมเป็นคำเสียงยาว เลย ฝืดๆไปหน่อย
รักกันมา เนิ่นนาน เมื่อกาลผ่าน มีทั้งหวาน ทั้งขมระทมบ้าง แต่ไม่เคย คิดร้างไป ไกลหนทาง ยังร่วมสร้าง ทางฝัน ของสองเรา แต่วันนี้ มีเรื่องราว ที่เราสอง ไม่อาจมอง เห็นทาง สว่างจ้า อุปสรรค มากมาย ก่ายกองมา ก็หวังว่า จะฝ่าไป เคียงคู่กัน ใช้พลัง ความหวัง และความฝัน เข้าฝ่าฟัน ก้าวไป ในข้างหน้า เพื่อหวังกอบ กู้ความสุข เราคืนมา หวังว่าฟ้า คงเปิดทาง ให้กับเรา จะเนื่อยกาย ทุกยาก ลำบากจิต ไม่เคยคิด ท้อถอย ให้ห่างหาาย ยังเอาแรง มุ่งสู้ เหงื่อโทรมกาย ยังไม่ตาย คงผ่านไป ใด้สักวัน มาวันนี้ มีบางอย่าง ได้บังเกิด ทางที่เปิด ขึ้นมา ด้วยใจฝัน คนที่มา บั่นทอน หัวใจกัน คือเธอนั้น ที่ฉันหวัง กำลังใจ ความลำบาก ทำเธอ เริ่มท้อถอย จากที่คอย ห่วงใย ไม่หน่ายหนี เธอที่เคย คอยเป็น เส้นชีวี มาวันนี้ เธอคนนี้ ได้เปลี่ยนไป เริ่มมีความ เหินห่างขึ้นกลางจิต ด้วยเธอคิด ปันใจไปใช่ไหม เริ่มมีคน มาใหม่ ให้เปิดใจ อยากจะไป ไกลจากฉัน หรือคนดี ทั้งที่เคย รักกัน เป็นมั่นเหมาะ หรือจะเพราะ ลำบากไป งั้นใช่ไหม จึงเปิดรับ ใครอีกคน ที่หัวใจ รู้บ้างไหม มันทำร้าย หัวใจกัน ฉันหมดแรง สิ้นพลัง จะสู้ต่อ แสนทดท้อ ห่อเหี่ยวใจ ทนไม่ไหว ความอ่อนแอ ถาโถม สู่หัวใจ รู้บ้างไหม แทบอยากตาย ไปจากกัน ตั้งแต่วัน ที่รู้ ผู้มาใหม่ แทรกมาใน หัวใจ ของเธอนั้น ต้องอยู่อย่าง ไร้เรี่ยวแรง แหล่งพลัง หมดความหวัง สู้ต่อไป เพื่อใครดี ทุกๆวัน ต้องคอย หวาดระแวง กลัว
จากวันนั้น ถึงวันนี้ หลายปีพ้น ดวงกมล สู้ข่ม ความขมขื่น เพราะฤทัย ใสพิสุทธิ์ มีจุดยืน แม้กล้ำกลืน ทุกข์ตรม ก็ข่มเอา เพราะความหลัง ฝังใจ มิวายคิด เหมือนสถิตย์ อยู่ท่าม กลางความศร้า ทุกข์หรือสุข อยู่เคียง เพียงสองเรา บางครั้งหนัก บ้างเบา ก็เข้าใจ ณ.วันนี้ พี่อยู่ คู่กับเจ็บ แม้หนาวเหน็บ ทนอยู่ เธอรู้ไหม ต้องโดดเดี่ยว เอกา สุดอาลัย ด้วยเธอไป ไกลลับ มิกลับคืน เมื่อวันนี้ ปีเก่า เรามีสุข คอยปลอบปลุก แรงใจ ให้สดชื่น แต่วันนี้ พี่ซ้ำ สุดกล้ำกลืน วันสดขื่น ครั้งหลัง ยังฝังจำ หนาวลมเหนือ เมื่อสาง ช่างสับสน เคยกังวล ห่วงเจ้า เฝ้าพูดพร่ำ สิ่งใดถูก ใดดี ช่วยชี้นำ ทุกถ้อยคำ ย้ำอย่าง ผู้หวังดี ไม่กังวล ไม่ห่วงใย ไม่ไต่ถาม เหลือเพียงความ หงอยเหงา เศร้าสุดที่ กับคิดถึง สุขเก่า เราเคยมี อีกกี่ปี จะคลาย หายอาดูร
ทุกถ้อยกล่าวราวกล่อมสู่อ้อมกอด น้ำคำพรอด...อ่อนหวานผสานเสียง เชื่อถือมั่น...นัยคำสื่อสำเนียง พร้อมจักเคียงมอบหวังพลังใจ... ศรัทธาในชาติภพประสพพักตร์ ตรึงจำหลักคล้องขวัญคงมั่นไว้ ยอมมีรัก...ทุกข์ทนแม้หม่นไหม้ แม้นร้างไร้อนาคตกำหนดวาง... เกิดรักซ้อนซ่อนเงื่อนมาเคลื่อนคล้อง ถูกจำจอง...ไร้สุข-ทุกข์มิสร่าง หมายคือ "รัก" สุดท้ายที่ปลายทาง แต่เปล่าว่าง...ทางตันสุดครรลอง เป็นโทษทัณฑ์ทำไว้แต่ใดหนอ ? หรือร่วมก่อกรรมเก่าเราทั้งสอง ผูกปมเงื่อนบ่วงกรรมแล้วจำจอง ผลสนองรักขมทุกข์ตรมทรวง... หลบซ่อนช้ำข่มเศร้าในเงาหม่น น้ำตาหล่นเกินกลั้นยามขวัญหวง รักร่วมสร้างร้างลา...สิ้นค่าปวง เหลือรอยบ่วงพ่วงทัณฑ์สุดบรรเทา... มาให้รักแล้วลิดรอนอาวรณ์นัก สุดจะหักสุดจะห้ามข่มความเหงา หรือสิ้นแล้วหนทางระหว่างเรา เหลือเพียงเงาเคล้าร่างตราบวางวาย...
คงไม่สิ..ไม่ได้ยินเสียงใจฉัน ไม่เห็นค่าความสำคัญก็เท่านั้น คงไม่เห็นแลค่าความสำคัญ มองแค่ฉันตัวตลกที่ผ่านมา ฉันรับรู้หัวใจเธอบอกอะไร เธอรักใคร..ใจรู้เธอปรารถนา คงมีแค่น้ำที่ไหลรินจากตา ไม่มีค่าให้เธอคิดคำนึง มีแต่เสียงหัวใจของฉันเอง ที่บรรเลงเพลงรักเธอไม่ซึ้ง ไม่แลเห็นความรักของคนหนึ่ง ที่ส่งเพลงความคิดถึงฝากลมไป กลับมายืนที่เดิมที่คุ้นเคย หยุดอย่าเผยรักนั้นให้หวั่นไหว กลับมาที่คุ้นชินกับหัวใจ ที่ที่ไม่มีใครให้คุ้นชิน
ช่วยอ่านกลอนก่อนจะไปได้หรือเปล่า อีกสักคราวสักครั้งยังจะขอ ช้ำใจช้ำยังย้ำใจไม่หนำพอ เจ็บใจหนอยังเจ็บช้ำไม่หนำใจ จะไม่กล่าวลาก่อนตอนลาจาก น้ำตาพรากไหลพรั่งให้หลั่งไหล จะไม่วอนวาจาว่าอย่าไป เจ็บเพียงใดให้เจ็บเลยเพื่อเคยชิน ..คำลาในวันนี้ไม่มีให้ ก็เพราะใจไม่แข็งแรงเป็นแท่งหิน ยิ่งน้ำตาล้านล้านหยดมารดริน มันล้างสิ้นกำลังใจที่ใช้ยืน ทรุดลงกองกับสองเข่าเศร้าที่สุด ฝืนจะยุดยั้งไว้ ไม่อาจฝืน ..กลืนกล้ำระกำไหม้ใจกล้ำกลืน ทอดสะท้อนถอนสะอื้นกลืนน้ำตา นานเพียงไหนจึงนับได้ว่าแสนนาน แค่เพียงผ่านนาทีเร้นไม่เห็นหน้า นั่นก็นานเกินไปแล้วแก้วกานดา แล้วการลา จะเทียบเช่นเป็นกี่นาน ไกลเพียงใดจึงนับได้ว่าไกลกัน ไม่จับมือเท่านั้นก็พลุ่งพล่าน ห่างเกินกอดก็คือไกลจนใจราน แล้วจากบ้าน จากพี่ จะกี่ไกล ช่วยอ่านกลอนก่อนจะไปได้หรือเปล่า คนใจร้าวเขาเพียงขอพออาศัย ก่อนจำพรากเพียงฝากคำ ให้จำไป เธอจะจำเขาได้ไหม ไม่จำเป็น
บอกมาเลยสักคำจะจำจด อย่าโป้ปดหลอกกันมันหม่นหมอง สิ่งเคยดีเคยฝากอยากครอบครอง เหลือแต่น้ำตานอง..ตรอมทรวงใน คงเหมือนกับใบไม้ที่ร่วงหล่น ปลิวไปกับลมฝนจนสั่นไหว นับจากนี้คงไม่เหลือแม้เยื่อใย เพราะมีใครบางคน..มาทดแทน มองสิห้องว่างเปล่าร้าวใจหนัก กอดเข่ามองความรักที่หวงแหน บนที่นอนไร้ร่างขานเรียกแฟน ไม่เหลือเลยอ้อมแขนของแฟนเรา ใจแปรผันตัดขาดอนาถสิ้น หายลยินเสียงเสียงร้องของคนเศร้า นี่หรือคนเคยบอกว่ารักเรา คำพูดเขาเหมือนลมเพ..แล้วเรรวน รักถูกลืมเติมต่อขอทิ้งสิทธิ์ คงไม่คิดรักหนอขอคืนหวน อาจเสียใจเพราะช้ำจำคร่ำครวญ อาจจะป่วนหัวใจไปอีกนาน
เป็นหิ่งห้อย เด็กดอย คอยแต่เหงา ทุกวันเฝ้า มองหา คนบ้าสี เขียนกลอนถึง ทุกวัน มันส์สิ้นดี เข้ามาที รับฟัง อย่างตั้งใจ เพียงแค่เป็น สาวป่า ตามหารัก เพิ่งประจักษ์ แจ้งจิต ผิดวิสัย ว่าความรัก จากพี่ แค่ลมไกว มิได้มา จากใจ ส่งให้กัน อุตสาห์ส่ง มอบใจ ให้ทั้งดวง หวังจะควง คู่ชิด พิสมัย เพียงไม่นาน ก็เฉลย เผยความนัย พี่มีใคร หลายคน พ้นพอดี ก่อนครบรอบ วันเกิดน้อง ต้องผ่าตัด พี่ผิดนัด ไม่มาหา พาหมองศรี แต่ไปหา อีกคนหนึ่ง ซี้งใจดี แม่แตงที่ เธออยู่ เรารู้กัน พี่ไปกิน ขนมบนดอย ปล่อยน้องเศร้า อนิจจา โถตัวเรา เฝ้าแต่ฝัน ว่าพี่จะ มีน้ำใจ ให้สักวัน มาเยี่ยมกัน สักหน่อย ค่อยอำลา แล้วความฝัน คงเป็น เพียงความฝัน ผ่านคืนวัน ไร้เงา เขามาหา มีเพียงเพื่อน ปลอบใจ ได้น้ำตา หลั่งลงมา สู่แก้ม แต้มดวงใจ จึงรู้ว่า รักสำรอง ของหิ่งห้อย แค่เพียงคล้อย หลังเธอ จึงเผลอได้ รักเด็กดอย แค่ลมปาก ใช่จากใจ มาลวงให้ รักจน ทนระกำ บทเรียนนี้ เปลี่ยนชีวิต ลิขิตให้ หิ่งห้อยไร้ ความสุข ทุกข์ถลำ จากที่เคย มีความสุข ถูกเขาทำ ให้เจ็บช้ำ จนขาดแสง ที่แวงวาว ยามค่ำคืน บินไป ไร้แสงสี แค่แรงมี ฝืนอยู่ สู้ลมหนาว เพื่อนที่เห็น เป็นสี ที่แพรวพราว คือดวงดาว บนท้องฟ้า ดูพร่าพราย อีกนานไหม จะกลับเป็น เช่นกาลก่อน ยามนี้ถูก รอนแรง แสงสลาย ก่อนนี้เคย ส่งสี พรรณราย วั
อก เอ๋ยเคยรักกันวันยังค่ำ หัก ระกำซ้ำซากยากนักหนา รัก ไม่สม ล่ม-ไม่รอด ตลอดมา คุด หักคา หารักใครไม่เคยเจอ ตุ๊ด ยังมีคนรักตุ๊ดเป็นสุดรัก หนี เรานักรักหนีเราเหงาเสมอ พริ้ตตี้ ยิ่งห่างไกลไม่มีเจอ เมิน เวิ่นเว้อ เพ้อพก อกหัก เซ็ง เวิ่นเว้อ = วุ่นวาย + เยิ่นเย้อ (ศัพท์แสลง พ.ศ. 2554)
หลายวันนี้จากพี่ไป เป็นไงบ้าง อยู่อ้างว้างหรือเอมอิ่ม ยิ้มสยาย ส่วนพี่อยู่เปล่าเปลี่ยวเพียงเดียวดาย ไม่ถึงตาย แค่อกหักรักคุกคาม รักของพี่ไม่ดีพอ พี่ขอโทษ พี่ไม่โกรธ เข้าใจและไม่ถาม เมื่อใจน้องแจงถ้วนกระบวนความ ว่าหวงห้ามความรักพี่ ไม่มีใจ ไม่รักพี่ พี่ตามใจไม่เคยว่า ยังตั้งหน้ารักมั่นไม่หวั่นไหว ประสาพี่ที่รักแล้วไม่แล้วไป นานเท่าไรไม่อ่อนเปลี้ย ไม่เสียดาย .. แค่อกหักรักเศร้า ไม่เท่าไหร่ ยังหายใจอยู่เฉยๆเหมือนเคยหาย เจ็บนิดๆไม่คิดว่าจะลาตาย ยังทนได้ทนดี พี่มันทน จะไปดีมีใหม่ก็ไปเถอะ ขอให้เจอะคนดีๆทุกที่หน หากไปแล้วมีแววว่า เข้าตาจน ก็จงด้นกลับมานี่ ให้พี่รัก
โอ้ชีวิตที่ผ่านแสนเศร้านัก แม้มีรักก็ต้องพรากห่างไกลแสน พรากจากเธอที่ฉันรักดั่งดวงแดน แลหวงแหเธอยิ่งกว่าชีวีตน คนเขาว่าละครเน่ากว่าชีวิต คนเขาคิดละครเวอร์ชวนสับสน แต่ละครก็เลียนจากชีวิตคน ที่เล่นกลจนทำเราเสียน้ำตา ใครจะรู้ว่าฉันต้องพรากจากรัก ต้องอกหักเพราะปัจจัยอย่างที่ห้า ต้องยอมพ่ายสิ่งที่เรียกว่าเงินตรา ต้องจากลาเธอที่ฉันรักหมดใจ ช่วงเวลาสามปีที่พ้นผ่าน ฉันเฝ้าสานต่อความรักจนสดใส แต่วันนี้เธอต้องพรากจากกันไกล เธอรู้ไหมฉันทั้งเจ็บและทรมาน ทำให้เกิดเป็นรอยแผลแสนสาหัส มันถูกกัดกร่อนจนเกินจะผสาน เป็นแผลเป็นในดวงใจที่ร้าวราน เกินประมาณความเจ็บปวดที่ฉันมี ยิ่งเธอบอกไม่ต้องรอหรอกที่รัก ยิ่งช้ำหนักจนตัวฉันอยากจะหนี ไปให้ไกลที่ที่ผู้คนไม่มี ไปรักษาดวงฤดีก่อนกลับมา แต่อย่างไรชีวิตนี้ต้องเดินต่อ ไม่ย้อท้อแม้เจ็บปวดเกินรักษา ขอบคุณเธอกับทุกสิ่งที่ให้มา ขอบคุณฟ้าที่ให้เราได้รักกัน ขอให้เขารักเธอกว่าที่ฉันรัก ให้ทอถักดูแลเธออย่างสุขสันต์ เอาใจใส่ปกป้องเธอทุกคืนวัน ให้รักกันเนิ่นนานกว่าที่เคยมา ส่วนชีวิตของฉันต่อจากนี้ ขอแค่มีคนที่ดีเข้ามาหา คนจริงใจที่มาช่วยฉันเยียวยา ช่วยรักษาใจที่เจ็บให้หายพลัน เราต่างต้องเดินหน้าไปกับชีวิต อย่ายึดติดสิ่งที่ทำให้โศกศัลย์ ขออวยพรให้เธอสุขทุกคืนวัน ขอให้ฉันพ้นความเจ็บทุกวันคืน
วันวานยังหวานอยู่ แต่วันนี้กลับหดหู่รับปีใหม่ หรือเกิดเหตุอาเภทใด โน่นปีเก่าผ่านไปปีใหม่มา แว่วเสียงเพลงบันเทิงเถลิงศก แต่เรากลับตระหนกได้ไงหว่า กี่ปีผ่านเราก็ผ่านกาลเวลา แห้งโรยราย่อยยับไปกับวัน วันวานยังหวานอยู่ แต่วันนี้กลับหดหู่ไม่สุขสันต์ แม้นฤกษ์งามยามดีปีใหม่วัน ดูซิฉันกลับผ่านโดนผลาญวัย จะปีใหม่วันใหม่ช่างใครเถอะ ฉันไม่เซอะว่างามตามเงื่อนไข เก็บวันวานหวานกรุ่นพออุ่นใจ ยิ้มละไมกับกาลที่ผ่านมา วันวานยังหวานอยู่ แต่วันนี้กลับหดหู่ไม่เข้าท่า ว่าจะยิ้มสักนิด...อนิจจา รอยตีนกากลับเด่นเห็นเป็นรอย จึงจำใจกล้ำกลืนฝืนยิ้มแหย โบกมือรับความแก่อยู่เหงาหงอย โอ้ความหนุ่มยากยื้อยุดมันหลุดลอย เหลือเพียงน้อยนับสั้นทุกวันคืน วันวานยังหวานอยู่ แต่วันนี้แม้นหดหู่จะขัดขืน จะเรียกวันหวานๆในวานซืน มาหยิบยื่นความหวานในวันนี้ ฉันจะยิ้มรับขวัญวันปีใหม่ ฉลองวันฉลองวัยให้สุขี ให้ทุกวันเป็นวันหวานซ่านฤดี ตีนกามี...ผมสี(ขาว)บ้าง...ช่างหัวมัน
ก่อกองฟืนผิงไฟไล่ลมหนาว เล่าเรื่องราวผ่านเพลงบรรเลงหวาน ท่องทำนองโศกเหงาแกมร้าวราน ไหวสะท้านผ่านพรมลมรำเพย ใกล้ยี่เป็งเร่งรอต่อเติมรัก หวั่นใจนักสะทกสั่นอกเอ๋ย ลมหนาวล่องท่องถามตามคุ้นเคย ไม่คิดเลยจะลับกับวันเดือน ปากรำพึงรำพันว่าฝันเฝ้า ใจของเจ้าใหลหลงคงไม่เหมือน ท่ามค่ำคืนดึกดื่นชื่นชมเดือน คงมีเพื่อนเชยชิดสนิทใจ สายลมหวนหอบข่าวร้าวรานบอก ลุ่มเจ้าพระยาเขาหลอกรู้บ้างไหม ยกคำอ้างช่องว่างความห่างไกล แล้วปันใจเป็นอื่นในคืนลวง
ยิ้มรับโสด กับน้ำตา ผสมเหล้า มันช่างเข้า กลมกล่อม หอมหวาน รินใส่ปาก ฝากน้ำใจ ให้วันวาน ที่เนิ่นนาน ต้องล้ม เพราะลมคน ฉลองความโสด อย่างชื่นสม นั่งภิรมย์กับรสเหล้า อย่างสับสน เพราะภาพเก่ามันเศร้า เข้าเยือนยล จนตาจน โทรมร่าง ทรมาร ฝืนหัวเราะ ยิ้มเย้ย เลย ร้องไห้ ถามหัวใจ ไยเศร้า ไม่อาจหาญ ทั้งที่รู้ ว่ารักนี้ ที่ทรมาร ยังอาจหาญ ไปเลยเส้น เป็นรักกัน รักด้านมืด ในมุมอับ จับต้องยาก เพียงรักฝาก เพียงลม มาห่มฝัน เพียงชั่วครู่ ชั่วครั้ง ที่รักกัน ไม่มีวัน จะชื่น ได้รื่นรมย์ นำน้ำเหล้า เคล้าน้ำตา มาไล่รัก ที่โซมนัก เพราะไข้ใจ ให้ขื่นขม รักเอ่ย จงถอนพิษเจ้าไปให้นานนม ฝากรักขม กับน้ำเหล้า เคล้าน้ำใจ ฯขุนพ่ายสุรา