ฉันไม่รู้ตัวฉันมีสองเพศ ถูกอาเพศเป็นชายให้อ่อนหวาน เกิดมาหล่อและสวยดั่งวิมาน ในร่างกายชายชาญของฉันเอง ฉันยอ่อนโยนเกินกว่าชายแท้ๆ ฉันอ่อนแอไม่ชอบการข่มเหง ฉันไม่ชอบแสดงออกดั่งนักเลง ที่จะเป็นจุดเด่นในสั่งคม มีคำถามจากเพื่่อนที่สงสัย เหตุไฉนเกิดเป็นชายไม่อวดเก่ง ฉันเป็นตัวตัวของตัวฉันเอง ไม่จำเป็นต้องเด่นเหมือนใครๆ ฉันเป็นชายที่รักความอ่อนหวาน ถูกกล่าวขานผิดธรรมเนียมเป็นไหนๆ จะชายแท้หญิงเทียมแล้วอย่างไร อยู่ที่ใจใช้เพศเป็นสำคัญ ถ้าเลือกได้ใครจะเลือกเกิดผิดเพศ อณาเขตจำกัดขนาดไหน ถูกสังคมดูถูกก่าวใครๆ ลองเปิดใจมองเราให้เข้าที เรานี้หรือเขาว่าวิปริต เป็นโรคจิตไม่มีอะไรดี อยากถามว่าใครกันที่แสนดี หรือเศรษฐีมั่งมีด้วยเงินตรา จงมองที่คุณค่าก่าวที่เห็น ที่ผมเป็นอย่างนั้นอย่าสงสัย อันความรักความชอบเกิดจากใจ ใช้อยู่ที่เพศกายใคร่ควรมอง จะเพศไหนอย่างไรก็น่ารัก ถ้ารู้จักทำตัวไม่หม่นหมอง จำเป็นหรือต้องแคร์สายตามอง เป็นครรลองปิดกั้นตัวตนเรา
เปิดจอมาจ่อใจ แล้วก้าวไกลสู่สากล อย่ามัวหาตัวตน เปือกตมติดจนปิดตา เปิดจอลืมเปิดใจ มิอาจไกลกรอบกะลา ยึดติดคืออวิชชา คล้ายคนบ้าหลงตัวเอง สื่อใจส่งผ่านจอ ซ้อนลวงล่อเลวละเลง เพ้อพล่ามไปตามเพรง คิดเท้งเต้งขาดกลั่นกรอง เปิดจอเหมือนย่อโลก ซ่อนโสโครกแค่ปิดทอง ปัญญาหยิบมาตรอง ใช่เหล่มองด้วยสายตา เปิดจอลืมชั่งใจ พานพบภัยพิษนานา จ้องจอจ้อเจรจา ผ่านเวลาวัยหมดเปลือง เปิดจออาจตกใจ รายเหลวไหลดันรุ่งเรือง ใจแคบแค่นแค้นเคือง วางปมเขื่องปากปีจอ ฤๅ โลกไร้พรมแดน ไร้แบบแผนที่ดีพอ แซมรักร่วมถักทอ ยังพ่ายต่อทุรชน กี่จอเฝ้าใส่ใจ วินิจฉัยคัดกรองคน ไล่เปรตที่ปะปน ขับฉ้อฉลป้องคนดี เปิดจอแล้วเปิดใจ ฉันสื่อนัยในกรณี คิดเหุตผลกลวิธี ตามวลีอารมณ์กลอน./
อาณาเขตโรงงานโอฬารล้ำ ถนนทำเลียบตึกลึกสุดแสน ด้านหนึ่งเป็นกระจกป้องปกแทน ล้วนหนาแน่นลำบากยากกล้ำกราย ทางคดเคี้ยวยิ่งนักสุดจักหยั่ง มีผนังหลังคามาสุดสาย หน้าประตูสู่ตึกลึกเบื้องปลาย คือจุดหมายปลายทางต่างรุดไป ถึงประตูเข้าตึกผนึกแน่น กระจกแผ่นบานหนึ่งซึ่งสวยใส คนภายนอกห้ามผ่านทำการใด คนภายในรู้รหัสสลัดกลอน บานประตูจะเปิดเกิดเพียงครู่ เพียงพอผู้หนึ่งผ่านดาลไถ่ถอน วันหนึ่งนกหลงทางหว่างสัญจร มันบินร่อนพลัดมาฝ่าเผชิญ นกคู่สองลืมตัวมัวพร่ำพรอด หมายหลุดรอดทางกระจกระหกระเหิน พบประตูทางเข้าที่เขาเดิน มันบินเพลินชนกระจกตกมาตาย คู่รักมันตามมาหาจนพบ เห็นซากศพนอนนิ่งยิ่งใจหาย พลันร้องเรียกฉุดดึงตัวพึ่งตาย แต่ร่างกายแน่นิ่งยิ่งร้อนรน คนผ่านมาพอดีที่เกิดเหตุ สุดสังเวชเหตุการณ์พานฉงน กระจกใสลวงตาพานกชน ส่วนอีกตนบินหายกับสายตา เปรียบโลกนี้มีชีวิตให้คิดนัก ชนจมปลักภาพลวงล่วงสังขาร์ ล้วนวุ่นวายหลายหลากมากมายา จนชีวาล่วงลับอัประมาณ เห็นกงจักรเป็นบัวมัวคว้าไขว่ แต่สิ่งใดได้ไปในสงสาร ตกบ่วงบุญบ่วงบาปตราบเท่านาน ยากก้าวผ่านเวรกรรมที่ทำมา พระสุคตศรีมุนีพลีชีวิต ทรงอุทิศเทิดธรรมย่ำตัณหา แหวกข้ามพ้นสงสารด่านกามา ด้วยปัญญารู้แจ้งสำแดงองค์ เผยนิพพานพ้นทุกข์คือสุขเลิศ หยุดการเกิดการตายมากมายหลง สุขอื่นใดไม่เที่ยงเพียงปลดปลง อย่างายงงไตรภพเป็นศพนอง. ..
เพชรอย่างดีมีค่าราคายิ่ง ยื่นให้ลิงจะรู้ค่าราคาหรือ คนตาดีมีปัญญาย่อมหารือ ลิงคงยื้อแย่งแตงมัวแข่งกัน เป็นจริงบ้างเท็จบ้างในบางที่ ตามแต่มีประโยชน์แฝงการแข่งขัน รสนิยมบุญเก่าบ้างในบางวัน กรรมเก่ากั้นดลบันดาลการคิดครวญ ปราชญ์เห็นปราชญ์รู้ดีว่านี่ปราชญ์ ผีเห็นผีไม่มีพลาดประกาศสวน โจรรู้จังหวะปล้นโจรทบทวน สาวหน้านวลเมคอัพดูรู้กันดี ต่อให้เพชรมากคุณค่าราคายิ่ง อยากให้ลิงต้องดูกาลสถานที่ เมื่อมีกล้วยมีแตงแย่งตบตี เพชรคงไม่ต่างจากขี้วิ่งหนีกัน
กระเพื่อมไหววิบวับระยับแสง อวดสำแดงหนึ่งว่าเพชรเกล็ดวาวใส ยามพระพายพริ้วพรมโลมลงไป น้ำผืนใหญ่กลับตื่นเป็นคลื่นพลัน สาดกระเซ็นกระเด็นลู่เข้าสู่ฝั่ง โถมถาถั่งเซาะหินดินทรายนั่น พัดกัดเซาะกะเทาะร่อนกร่อนทุกวัน กลับกลายพลันเป็นสันทรายในธารา สรรพสิ่งเปลี่ยนผันในวันนี้ คุณความดีดุจเพชรใสนั้นไร้ค่า ระลอกคลื่นแห่งความดีเคยมีมา ไร้ราคาเป็นแค่ทรายในสายธาร ไม่มีเหลือสิ่งใดให้ยึดถือ ชีวิตคือสิ่งใดเจ้าจงเล่าขาน ฤาเป็นเพียงเรื่องเก่าอันยาวนาน เพียงเจือจานหล่อเลี้ยงไว้ในใจคน ฤาสันดานคือสันทรายในใจนี้ พอน้ำมีกลับหายให้ฉงน พอน้ำลดจึ่งเห็นเช่นเล่นกล เหมือนใจคนเดี๋ยวร้ายดีมีหมุนเวียน
เธอจึงคิด ทำตน เป็นคนใหม่ มิยอมให้ ใจนั้น มันสลาย เราร่ำร้อง ฟูมฟก หัวอกวาย เธอเพียงปราย ตาดู มิคู่ควร เพียงแค่ปราย สายตา หน้ามิเหลียว แม้สักเสี้ยว เศษใจ เก็บไปถ้วน มิกังวล ว่าใคร ไหนรัญจวน ดูเร่งด่วน ตัดใจ เปลี่ยนใหม่พลัน พบใครที่ ดีกว่า ไม่ว่าแก้ว คงหมดแล้ว ในจินต์ สิ้นไฟฝัน เขาคนใหม่ ควรค่า มิว่ากัน ให้สุขสันต์ บั้นปลาย ตามหมายปอง วันใดกลีบ แก้วช้ำ จำหม่นหมอง เหลียวมามอง ความหลัง เราทั้งสอง จะรอซับ น้ำตา ที่บ่านอง วันนี้ครอง สุขี...นะที่รัก
ให้รักรักจะตอบความชอบให้ หากผลักไสรักจะเมินแล้วเดินหนี จะร้อยพันวาจาที่ว่าดี มิอาจมีคุณค่าเท่าท่าทาง คนพูดจาโผงผางใช่ร้างรัก ต่างประจักษ์มีหวานใจไว้แนบข้าง ถึงปากร้ายอ้อมใจมีให้นาง รักไม่จางเคียงคู่อยู่ถมไป ค่าของรักอยู่ที่ใจใช่คำพูด นี่คือสูตรแบ่งห่างต่างจากใคร่ กิริยาท่าทางก็ห่างไกล ใช่มิใช่ตรองดูจะรู้ดี ให้ความรักต่อกันนั้นดีแน่ เป็นทางแก้ความวุ่นวายในวิถี เปลี่ยนเรื่องร้ายหลากหลายให้กลายดี จึงควรมีรักไว้มอบให้กัน
เสียงร้องไห้จ้าละหวั่น-นั่นใครหนอ? น้ำตาคลอแก้มใส-น่าใจหาย มิต้องกลัวหรือหวั่นภยันตราย อยู่กับยายยายจะเลี้ยงกล่อมเกลี้ยงชนม์ ยายก็แค่คนจน-คนเก็บขยะ เนื้อตัวคละกลิ่นคลุ้งทุกขุมขน บ้านซ่อมซ่อคือหลักพักสกนธ์ แต่จะดลรักหุ้มคลุมแก้วตา คนจนจนยากไร้ในทรัพย์สิน ช่วยชีวินเพียงหมายมาดปรารถนา ทารกน้อยลอยเมฆขาวสกาวฟ้า ความเดียงสายังมิรู้อยู่ที่ใด แม้แม่เจ้าไม่รักประจักษ์จิต ยายจะชุบชีวิตนิมิตใหม่ ให้เติบโต เพลิดเพลิน เจริญวัย เป็นผู้ใหญ่ที่ทรงศักดิ์รักซื่อตรง เจ้าดอกไม้สีขาวพราวผืนหล้า เป็นคนดีในวันหน้าอย่าใหลหลง ยามเทียนทองของยายละลายลง ขอเจ้าจงหลอมหล่อรักต่อไป จริง-ถึงแม้จนทรัพย์พาอับค่า แต่ขออย่าอับจนกุศลใส มีชีวิตอย่าหมายทำร้ายใคร มีหัวใจหลั่งจิตคิดกรุณา ยายนอนพักกายใจอยู่ในห้อง น้ำตานองชื้นไปทั้งใบหน้า ยินลูกหลานที่ยายเลี้ยงกล่อมเกลี้ยงมา เรียกยายว่า นางฟ้า ประจำใจ ................................................... แด่...นางลัว เซียะหยิง หญิงชราผู้เป็นนางฟ้าของเด็กๆ เธอเก็บเด็กที่ถูกทอดทิ้งกว่า ๓๐ คน จากถังขยะบริเวณถนนต่างๆในจินฮัว มณฑลเจ้อเจียง โดยมีอาชีพหาเลี้ยงชีวิต เพียงแค่เก็บขยะเท่านั้น ปัจจุบัน นางลัวป่วยหนักด้วยโรคไตวาย และกำลังจะตาย..... ขอบคุณรูปภาพข้อมูลจาก www.postjung.com
โบราณสอน วอนเรา เฝ้าศึกษา บอกชีวา ไม่แน่ อย่าแส่ส่าย อย่าได้หลง มายา จนบ้าตาย จะวอดวาย เสียที ที่เป็นคน หมั่นเตือนตน บนทาง ที่ย่างก้าว ฝนร้อนหนาว เปลี่ยนไป ให้ฝึกฝน อย่าประมาท พลาดพลั้ง ตั้งกมล หมั่นเตือนตน เสมอ อย่าเผลอใจ "เมื่อเจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า เจ้าจะเอา แต่สุข สนุกไฉน เมื่อเจ้ามา ตัวเปล่า จะเอาอะไร เจ้าก็ไป ตัวเปล่า เหมือนเจ้ามา" อันเงินตรา หาได้ ใช้เหมาะสม หมั่นอบรม กายใจ ในคุณค่า มนุษย์นั้น สติดี มีปัญญา จึงชื่อว่า มนุษย์ อย่าหลุดซีน! บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖
ปลุกรักดีดีเกิดประเสริฐสุข ปลุกแต่ทุกข์ทุกข์แน่ไม่แก้ไข ปลุกเร่าร้อนร้อนรุ่มดั่งสุมไฟ ปลุกอะไรได้สิ่งนั้นกันทุกคน ปลุกคนชั่วชั่วชังรุงรังจิต ปลุกความคิดคิดดีย่อมมีผล ปลุกสำนึกนึกถึงซึ่งตาจน ปลุกอดทนทนขยันนั่นแหละดี ปลุกทางเดินเดินทางสว่างไสว ปลุกดวงใจใจงามอร่ามศรี ปลุกปรับเปลี่ยนเปลี่ยนก่ออย่ารอรี ปลุกธาตุสี่สี่เพิ่มเติมทุกวัน ปลุกนักสู้สู้ทนอย่าบ่นเบื่อ ปลุกโอบเื้อื้อเื้อื้ออิงทุกสิ่งสรรพ์ ปลุกซึมซาบซาบซึมปลาบปลื้มกัน ปลุกปลอบขวัญขวัญอยู่คู่ปัญญา ปลุกตาธรรมธรรมสดับรับรู้แจ้ง ปลุกกล้าแกร่งแกร่งเรียนเพียรศึกษา ปลุกทุกสิ่งสิ่งชอบตามกรอบมา ปลุกเวลาลาหน่ายอย่าอายใคร ----แก้วประภัสสร-----
ที่นี่มีลูกสุนัขขาย เด็กน้อยเห็นป้ายอยู่ตรงหน้า เขาจึงเข้าไปสอบถามถึงราคา ตัวละ 30 เหรียญกว่า...คือค่าเงิน เด็กน้อยมีเงินอยู่ 5 เหรียญ แต่ยังคงเฝ้าวนเวียนอยู่นานเนิ่น เจ้าของร้านเห็นเด็กน้อยเลือกดูเพลิน จึงอุ้มหมาก้าวเดินมาให้ดู หมาตัวเล็กวิ่งขวักไขว่ดูน่ารัก มีตัวหนึ่งเศร้านักซ่อนแอบอยู่ เด็กน้อยจึงสุดสนใจแสนใคร่รู้ เจ้าตัวเล็กที่แอบอู้...มันเป็นอะไร? เจ้าตัวนี้มันเป็นหมาขาพิการ ไร้ขาหลังพอคืบคลานกระเผลกได้ หนูคงไม่อยากได้หมา...ไร้ขาไป ยังคงมีลูกหมาใหม่อีกหลายตัว เด็กน้อยยิ่งมองยิ่งสนใจ จับเจ้าหมาเอามาไกล้แล้วลูบหัว เจ้าหมาน้อยกระดิกหางระริกรัว ....ผมขอซื้อหมาหนึ่งตัว...คือตัวนี้ ตอนนี้ผมเงินไม่พอ...จึงขอผ่อน 30 เหรียญ ตามขั้นตอนจนหมดหนี้... เจ้าของร้านบอกว่าหมา ใช่หมาดี หนูอยากได้...ขอให้ฟรี ก็แล้วกัน เด็กน้อยเสียใจ ยืนร้องไห้ คงขอฟรี ไม่ได้เป็นแม่นมั่น ค่าชีวิตหมาทุกตัวเทียมเท่าทัน จะฟรีแค่...ตัวนั้น...ได้อย่างไร? เด็กน้อยพูดก่อนถกขากางเกงขึ้น เขาหยัดยืนได้เพราะเหล็กโยงยึดไว้ หมาตัวน้อยอาจต้องการ มากกว่าใคร เฝ้ารอคอยคนรู้ใจ...ซักหนึ่งคน... ..?????????...
ตัวสูงใหญ่ใช้เวลามาเป็นโขลง เดินเล็มโป่งหญ้างามตามแนวไพร อยู่หากินแนวป่าคนทำไร่ ช้างหลงไปเก็บกินพืชพันธุ์ไม้ที่คนทำถางไร่ปลูกพืชพันธุ์ ทั้งสับปะรดอ้อยมันกล้วยเคลือใหญ่ ช้างเก็บกินอิ่มหนำเดินจากไป เข้าพงไพรในป่าพนาสันต์ช้างไม่เพิ่มจำนวนจวนลดลง ก็เพราะคงตายไปใช่อาถรรพ์ คนหวังงาไปขายต้องล้มมัน ตัดเอางาช้างพลันต้องสิ้นใจมีข่าวฆ่าแม่ช้างหวังเอาลูก ซุ่มยิงถูกกลางหัวแม่ช้างใหญ่ ค่อยๆซุดร้องสั่งก่อนล้มไป ให้หนีไกลคนชั่วก่อนตัวตายลูกช้างเห็นแม่ล้มเดินซมซาน พวกคนพาลใจชั่วยังมิวาย ตัดเอางาจับลูกช้างเดินรากหาย เอาไปขายนายทุนได้ราคา
พนมรุ้ง..สูงสง่าบนฟ้ากว้าง ปราสาทหินถิ่นร้างสร้างสถาน พันกว่าปีมีสมัย ไชยวรมัน ตั้งตระหง่านบนฐานเก่าภูเขาไฟ มหัศจรรย์บรรพชนแห่งคนขอม สร้างสรรค์พร้อมน้อมหนุนทูลถวาย ... โคนนทิศิวลึงค์ไศวนิกาย สถิตไว้ในสิบห้าช่อง ..มองตรงกัน ! ปริศนาปรากฏกำหนดเห็น 'ในยามเย็นเป็นแสงแห่งสวรรค์ อาทิตย์อัสดงตรงช่องมองเห็นกัน มหัศจรรย์พลันเกิด เลิศลาวัณย์ ในหนึ่งปี มีสี่ครั้ง เหมือนตั้งไว้ บรรพ์สมัยได้วางสร้างสถาน ปราสาทหินแดนดินถิ่นโบราณ ผ่านวันวารพันปีมีค่าควร มาคำนึงถึงสัจจะ ละให้คิด ว่าชีวิตปลิดลง ให้ปลงหวล ผู้ที่สร้างร่างสลายตายดับถ้วน ทิ้งซากมวลชวนดู..อยู่เดียวดาย ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ปรากฎการณ์มหัศจรรย์ดวงอาทิตย์ตกตรง 15 ช่องประตู ปราสาทพนมรุ้ง ที่ ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ นายอภินันท์ จันทรังษี ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยถึงปรากฏการณ์มหัศจรรย์พระอาทิตย์ตกตรง 15 ช่องประตู ปราสาทพนมรุ้ง บนอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ว่า นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางขึ้นไปเฝ้ารอชมปรากฏการณ์มหัศจรรย์ดังกล่าว ซึ่งเมื่อถึงเวลาดวงอาทิตย์ก็ได้ตกตรง 15 ช่องบานประตูของตัวปราสาทตามที่นักดาราศาสตร์คำนวณและคาดการณ์ไว้ สร้างความประทับใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เฝ้ารอชม ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ตกตรง 15 ช่อง จะเกิดขึ้นในวั