กลอนข้อคิด

เรามันคนจน

เปลวเพลิง


ถึงเกลอแก้ว
เราเลิกแล้วเลิกหวังสิ้นทั้งหมด
เรายอมแพ้ยอมพ่ายให้คนคด
ที่คอยซดเลือดเนื้อเถือหนังเรา
เราบ้านนอกคอกนามาแต่เกิด
ใครจะเทิดศักดิ์ศรีเรานี้เล่า
เราไร้ซึ่งเงินตรามาบรรเทา
เพื่อรับเอาการศึกษายกค่าตน
เราไม่มีเส้นสายที่ใดหรอก
มีแต่ดอกแต่หนี้มีเงินต้น
เราได้ชื่อลือชาว่าคนจน
จึงต้องทนรับกรรมทำกันไป
เขาทำงานบนตึกสูงละลิ่วฟ้า
เราแบกหามทำนาเยี่ยงข้าไพร่
หยาดเหงื่อเราหมดสิ้นที่รินไป
คงจะใช้อาบแทนน้ำได้สามปี
เราเลี้ยงชีพไม่ร่ำรวยด้วยสุจริต
เขายังคิดอำนวยช่วยกดขี่
เราอดอยากตลอดมาทั้งตาปี
เขาเร็วรี่กอบกินบินขึ้นฟ้า
เกลอแก้วเหอ
น้ำตาเราล้นเอ่อแล้วเกลอจ๋า
แม้เรารู้เราเห็นเป็นธรรมดา
ด้วยโลกบ้าเราจึงอยากมาระบาย
แต่ไม่ว่าเกิดชาติหน้ากี่คราหน
เราขอเกิดเป็นคนจนอีก, สหาย
ดีกว่ารวยเพราะโกงเมืองที่เรืองราย
คงอับอายขายหน้ายิ่งกว่าจน

อยากรักก็รักเลย

ยิปซี4


เสียงโทรศัพท์ค่อยๆดังมาตามสาย
ทั้งหลานชายหลานสาวให้พาไปดูหนัง
เรื่องที่จะดูนั้นก็สุดแสนจะดัง
ชื่อของหนังก็คืออยากรักก็รักเลย
เลยต้องพาวัยรุ่นไปดูทั้งสองคน
คน 3 คนหมดเงินไป สองร้อยสิบ
เสียเท่านี้ไม่เป็นไรเรื่องจื๊บจิ๊บ
แค่เจ็ดสิบมันก็คุ้มดูหนังไทย
ใครรู้สึกอย่างไรผมไม่รู้
เพราะผมดูด้วยสติไม่ไหลหลง
ดูแล้วก็คิดสุดท้ายก็คือปลง
แล้วก็คงนำมาไว้เพื่อสอนตน
คนเรามีรักได้ทั้งชายหญิง
เป็นเรื่องจริงที่รับได้ในวันนี้
ขอแค่เพียงความเข้าใจนำชีวี
รักที่มีก็คงมีทางที่ให้เดิน

ลูกกูดี...ขี้กูหอม

อิทิตย์


อันชื่อเสียงเงินทองกองตรงหน้า
แลกยศถาพาศักดิ์อันบาตรใหญ่
แยกชนชั้นสูงต่ำกลางร่ำไป
เส้นกูใหญ่จะทำไมใครกล้าคาน
แค่ไม้ซีกริจักงัดซุงต้น
มึงแค่คนต่ำต้อยร้อยสังขาร
ก็มีแบ๊คตัวโตอันโอฬาร
ย่อมสำราญไร้ผิดลิขิตพาล
อันลูกกูข่มขืนกำแหงข่ม
อยากดอมดมเมียใครได้ผสาน
ฤาลูกใครสวยสดกดกายนาน
ผิดมิคร้านหลุดรอดไป่กลัวเกรง
ยอมอยู่ใต้อำนาจอันบาตรเขื่อง
ยอมขายเรื่องศักดิ์ศรีลี้ข่มเหง
ให้กูรอดกูพ้นกูนักเลง
กูได้เบ่งใครล้มช่างหัวมัน
น่าอนาถความคิดสติอ่อน
ศีลธรรมนอนถับถมดูขำขัน
เอาตัวรอดกอดอำนาจยศถากัน
ศักดิ์ศรีนั้นความเป็นคนเสื่อมถอยลง
ยินคำพูดดูดสติได้สลด
สังคมหดเสื่อมสิ้นน่าสารสง
คุกมีไว้ ขังหมา ขี้เรื่อนปลง
อีกหนึ่งบ่ง คนจน ไร้ทางเดิน
อันกูรวยเงินทองอำนาจส่ง
กฏหมายคงไร้หมายมิขัดเขิน
ทุกวันนี้ตัวกูต้องเผชิญ
ความเจริญเหยียบย่ำธรรมจรรยา
พระท่านว่า
"ต่อไป  คนจะเห็นกงจักรเป็นดอกบัว  ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก  ไร้ศีลธรรมจรรยา"
ใครจะทำไม ??

คำของครู (วันครู 2554)

อ.วรศิลป์


ความอดทนส่งผลให้ได้สำเร็จ
แม้นเหนื่อยเหน็ดจงพากเพียรเรียนเสมอ
ทำข้อสอบคำตอบเล่าอย่าเผลอเรอ
และอย่าเซ่อให้ใครหลอกปอกลอกตน
จงขยันทุกวันอย่าได้ขาด
รู้ฉลาดก่อไมตรีมีเหตุผล
สร้างกรรมดีสมกับที่เกิดเป็นคน
อย่าซุกซนเอาแต่เล่นไม่เห็นงาม
รู้ประหยัดอดออมถนอมทรัพย์
รู้ขานรับครับขาคราถูกถาม
รู้รักษากิริยาอย่าให้ทราม
รู้จักความกตัญญูรู้คุณคน
อย่าใช้จ่ายมากมายจนเกินตัว
อย่าไปกลัวความลำบากหากหวังผล
อย่าประมาทกับวิถีชีวีตน
อย่าคบคนพาลชั่วกลัวต่ำทราม
พึงรักษาหน้าตาให้ใสสะอาด
พึงฉลาดการแต่งกายไม่วาบหวาม
พึงรู้ทันไม่พันพัวกิเลสกาม
พึงเกรงขามอุบัติภัยไม่คึกคะนอง
และอื่นอื่นอีกมากมายหลายพันคำ
เสียงครูย้ำในสำนึกยังกึกก้อง
คิดถึงครูคราใดใจลำพอง
ศิษย์ทั้งผองเพราะครูไซร้จึงได้ดี
ขอพุทธบารมีจงปกป้อง
คืนสนองพระคุณครูให้สุขี
สบอดุลย์พูลสวัสดิ์พิพัฒน์ทวี
รอบวันครูปีห้าสี่และตลอดไป

ถิ่นกาขาว

สีเมจิก


อีกาดำ ธรรมดา ตามองเห็น
สิ่งนั้นเป็น ปกติ มิผิดเพี้ยน
กาลสมัย บรรจบ ครบรอบเวียน
สมเด็จฯ เขียน จารึกร้อย ฝากถ้อยความ
ช่วงเวลา ถิ่นกาขาว ในราวนี้
ผู้คนมี ความเห็นผิด น่าคิดถาม
มองอีกา ตัวมืดคล้ำ ดำวับวาม
พิศว่างาม ขาวดังหงส์ น่าปลงใจ
เห็นสีดำ เป็นขาว ราวสวรรค์
หมื่นร้อยพัน อวิชชา มาครอบไว้
กระเบื้องแผ่น ฟูฟ่อง ล่องลอยไป
น้ำเต้าไหล ถอยจมลง ในคงคา
ผีโขมด จากป่าวิ่ง สิงสู่เมือง
คนเล็กเขื่อง ทำโตใหญ่ ได้พรรษา
ปราชญ์บัณฑิต เดินถอยร้าง ห่างเมืองมา
มุ่งเข้าป่า หาธรรมะ ประดับตน

คุณค่าของผู้มีคุณค่า

ไหมไทย


มีชายหนุ่มรูปหล่อขอทำงาน
ผู้จัดการสัมภาษณ์ตามเงือนไข
มีคะแนนสะสมมากเท่าใด
หรือเคยได้ทุนศึกษาเด็กเรียนดี
ชายหนุ่มนั่งยืดตรงสง่างาม
ตอบคำถามมั่นใจสมศักดิ์ศรี
คะแนนเต็มทุกวิชาบรรดามี
ไม่เคยที่สอบตกจนอับอาย
ทุนศึกษาไม่เคยขอใครเขา
ตั้งแต่เยาว์มีแม่ให้จับจ่าย
งานซักผ้าแม่ทำไม่เว้นวาย
ชายหนุ่มเพียรบรรยายให้รับฟัง
คุณเคยช่วยทำงานกับแม่ไหม
ต้องตั้งใจเล่าเรียนตามแม่สั่ง
ผู้จัดการจึงบอกด้วยเสียงดัง
คืนนี้นั่งล้างมือแม่ก่อนเข้านอน
ถึงเวลามานั่งตรงข้างแม่
ดึงมือแผ่ลูบไล้ใจไหวอ่อน
แสนหยาบกร้านนั้นหรือมือมารดร
จิตเร่าร้อนน้ำตาไหลใจรำพัน
ขอบคุณท่านผู้จัดการแนะให้รู้
เหมือนเป็นผู้อกตัญญูมือไม้สั่น
แม่ทนเหนื่อยให้ลูกสุขชีวัน
ยอมกัดฟันทำงานหนักรักล้นทรวง
จงรู้จักคุณค่าของผู้มีค่า
คือมารดาของเจ้าเฝ้าห่วงหวง
พระคุณแม่มากค่าสิ่งทั้งปวง
จวบชีพล่วงทดแทนพระคุณไม่พอ

เล่าเรื่อง

ร้อยฝัน


เสียงโทรศัพท์ดังกริ๊ง กริ๊ง เป็นกริ่งเรียก
เสียงสำเนียกเข้ามาน่าใจหาย
เฮ้ย มึงดูรึเปล่าเล่าโขนควาย
มันเล่นร้ายแหมถึงใจได้ลุ้นกัน
พ่อพระเอกนั่งแท่นเป็นพระยา
ด้านล่างเป็นบรรดาเสนานั่น
มีประเด็นถกเถียงเกี่ยงงอนกัน
เลยประชันน้ำลายร้ายซะจริง
ไอ้ตัวดำตัวด่างขออ้างสิทธิ์
ป้ายความผิดความชั่วมั่วทุกสิ่ง
ไร้เหตุผลไร้หลักฐานด้านอ้างอิง
แต่ยังตื๊อท้วงติงทุกสิ่งอัน
ไอ้ตัวแดงตัวขาวราวก้อนหิน
ไม่มียินดีร้ายอะไรนั่น
ใครจะทำอะไรใช่ตัวมัน
อยากประชันก็เชิญมั่วชั่วกันเอง
เบื่อก็ลุกเดินออกไปมิได้สน
จะกังวลทำไมใครจะเบ่ง
พ่อพระยาจะชี้หน้ามิยำเกรง
ปล่อยให้เคว้งสภาล่มจมน้ำลาย
มึงรู้ไหมจะบรรลัยทั้งโรงโขน
พวกมันโค่นเสาหลักหักจำหน่าย
โรงโขนยุบหักพับทับควายตาย
เสียงโวยวายดังก้องถึงท้องนา
เลยโทรมาบอกข่าวมาเล่าเรื่อง
คนในเมืองอย่างมึงได้รู้ว่า
คนบ้านนอกอย่างกูนั้นระอา
ขอร้องอย่าเล่นโขนควายให้ควายดู
ควายอย่างกูโง่เง่าแต่ซื่อตรง
และมั่นคงต่อคนดีที่มีอยู่
ใช่เป็นเพียงอ้าปากอยากมุดรู
ทั้งที่รู้ว่าขุดล่อด้วยบ่อเงิน

บทกวีเพื่อชีวิต 2002

นายตุ้ม


บทกวีเพื่อชีวิต
2002
ทับไม่ร้อง  ท้องไม่รับ  ศัพย์ตลก
พูดวนวก  ยกมา เฮฮาลั่น
ทับแล้วร้อง  น้องคราง  อย่างเมามัน
หายกระสันต์  วันท้อง  ต้องทุกข์ตรม
รักสนุก  สุขเสนอ  มีเกร่อหนอ
ไปหาหมอ  ขอยา  คราขื่นขม
ทำแล้วคิด  ผิดนัก  รักโสมม
ถูกทับถม ก้มรับ  กับผลพวง
ไปทำแท้ง  แหล่งที่  มีหมอเถื่อน
เพื่อกลบเกลื่อน  เบือนบิด ผิดหมดห่วง
ฆ่าเลือดเนื้อ  เชื้อไข  ได้แสบทรวง
ต้องลับล่วง    ดวงวิญญาณ  มารหัวคน
ไม่กลัวบาป  หยาบช้า  มาทำแท้ง
ข่าวแจกแจง  แดงถี่  ตีแผ่ป่น
ทารกดับ  นับศพ  พบแยบยล
แม่ซุกซน  สนใจ  ใฝ่เสพกาม
รักสนุก  ทุกข์ถนัด  กำจัดทิ้ง
ทั้งชายหญิง  วิ่งลัด  ผลัดกันห้าม
ทำเหลวไหล  ใจดำ  ต่ำช้าทราม
ยังลุกลาม  ตามนิยม  สังคมไทย
ศีลธรรมเสื่อม  เหลื่อมล้ำ  อำมหิต
วิปริต  จิตคน  บนโลกใหญ่
ชั่วระยำ  คนทำแท้ง  แล้งน้ำใจ
คนที่ไป ให้ทำ  กรรมตามเธอ
สองพันสอง  ร้องแย่  แม่พี่กลุ้ม
สิ่งกองสุม รุมทับ  รับแก้เก้อ
เอ็นจีโอ  โธ่…วาย  อายจริงเออ
ใบ้แบเบลอ  เซ่อกิน  สิ้นท่าที
นายตุ้ม  คลองสามวา
ชมรมนักกลอนบึงกุ่มวรรณศิลป์
ชมรมนักกวีเพื่อชีวิตคลองสามวามหากล

IoOoI ถามหา.. กำลังใจ IoOoI

มวลภมร


o กำลังใจ หาได้ จากไหนเล่า
ที่ตัวเรา ต้องอยู่ สู้ปัญหา
ร้อยคนบอก ล้านคนกล่าว หรือจะมา
เทียบแค่ใจ รู้ว่า ต้องสู้ไป
o กำลังใจ หาได้ จากไหนเล่า
ต่อใครเขา หลายคน เทใจให้
แต่ใจเรา ไม่คิด จะสู้ไป
จะอีกกี่ กำลังใจ ไม่อาจคืน
o กำลังใจ หาได้ จากไหนเล่า
หรือต้องเฝ้า ให้คน มาชมชื่น
แล้วตัวเรา ไม่มีจิต คิดลุกยืน
หรือต้องรอ ใครอื่น มาประคอง
o กำลังใจ หาได้ จากไหนเล่า
เป็นแค่เงา ผ่านไป ให้หม่นมอง
จะมีใคร ไหนเล่า เฝ้าประคอง
มายืนมอง จนแผ่นดิน กลบหน้าเรา
o กำลังใจ หาได้ จากใจนั้น
ต้องฝ่าฟัน ผ่านสุข ทั้งทุกข์เศร้า
กำลังใจ อยู่ที่ ใจของเรา
ตะวันขึ้น ยามเช้า ทุกเช้าไป
...พรุ่งนี้ก็เข้าแล้ว..

นิทานเซ็น ตอน พระคุณแม่

กระบี่ใบไม้


พระ “โซจุน” ปฏิบัติธรรมอย่างสิ้นหวัง
ขณะไร้สิ้นกำลังแห่งมรรคผล
คิดกระโดดน้ำตายอย่างมืดมน
เพื่อดับความสับสนในหัวใจ
“...อธิษฐานแห่งหัวใจต่อสายน้ำ
ขอทิ้งร่างนี้ลงตามห้วยน้ำไหล
หากชีพนี้มีความหมายต่อใครใคร
โพธิสัตว์จงช่วยไว้มิให้ตาย
หากชั่วชาติชีวิตนี้ต้องมัวหม่น
จงสูบข้าใต้วังวนสิ้นสลาย...”
ขณะที่สำลักน้ำอย่างงมงาย
จิตประวัตินึกขึ้นได้ถึงมารดา
“เกิดเป็นลูกผู้ชายใดใจท้อแท้
คนที่เจ็บปวดแท้คือแม่ข้า
ร่างนี้ไม่ควรเป็นสิทธิ์ของหมู่ปลา
พระคุณแม่เหนือคงคาและสายธาร”
อาศัย“พระคุณ”ผู้กำเนิดเชิดหน้าสู้
พร้อมดำรงชีวิตอยู่อย่างกล้าหาญ
ก่อเกิดเป็น “พระอิคคิว” ในตำนาน
ย้ำเตือนถึง “พระในบ้าน” รีบแทนคุณ
พระโซจุน เป็นนามเดิมของพระอิคคิว(อิคคิวซัง) ขณะที่บวชที่วัดไซกอนจิ เมื่อครั้งหลวงพ่อเคนโอมรณภาพ ด้วยความกตัญญู โซจุนจึงออกจากวัดไซกอนจิไปพักที่วัดอิชิยามา เพื่ออดอาหารเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน สวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้หลวงพ่อเคนโอพระอาจารย์ของตนเองต่อหน้าพระโพธิสัตว์ แต่ก็ยังไม่สามารถคลี่คลายความสับสนในจิตใจได้ จึงบังเกิดความเศร้าหมองและสิ้นหวัง ไม่รู้ว่าจะมีชีวิต ต่อไปอย่างไรและเพื่ออะไร ความสิ้นหวังนี้เกิดขึ้นรุนแรงจนทำให้โซจุนตัดสินใจกระโดดน้ำตายที่แม่น้ำเซตะ ทางตอนใต้ของทะเลสาบบิวาโกะ แต่เพราะคำว่า “แม่”คำเดียวที่ทำให้เขาระลึกขึ้นได้ และตัดสินใจดำเนินชีวิตอยู่อย่างกล้าหาญ โลกจึงได้รู้จักพระอิคคิวได้จนถึงป

จิตอธิษฐาน...

แมงกุ๊ดจี่


พนมกรกราบลงหน้าองค์พระ
ตั้งสัจจะ...น้อมจิตอธิษฐาน
พร้อมธูปเทียนดอกไม้นำใส่พาน
ขอนมัสการพระธรรมชี้นำดล...
หมอบลงกราบจิตมั่นในวันนี้
กุศลกรรมที่กระทำจงนำผล
พบหนทางสว่างใสในกมล
ได้หลุดพ้นบ่วงกรรมเคยทำมา...
นับจากนี้อาราธนารักษาศีล
พาชีวินน้อมธรรมช่วยรักษา
ตัดกิเลสเหตุแห่งกรรมที่นำพา
เกิดชาติหน้าหลุดบ่วงเขาลวงใจ...
ลูกขอน้อมพระธรรมเป็นที่พึ่ง
ช่วยฉุดดึง...จากนรกที่หมกไหม้
มีปัญญามองเห็นความเป็นไป
เพื่อเข้าใจสัจจธรรมธรรมดา....

หากฉันตายในวันนี้ที่เยาว์วัย (กลอนจากเพลง)

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


ฟังเพลง If I die young ของวง the band perry มา แล้วก็เกิดแรงบันดาลใจ
ของเขาเป็นคนละเนื้อหา กลอนนี้มิใช่การแปลเพลง
แต่ คำว่า if I die young มันกระทบใจแค่นั้น
สรุปว่า.. มิใช่เขียนจดหมายเพื่ออำลาใครไปไหนนะครับ อิ อิ
หากฉันตายในวันนี้ที่เยาว์วัย
ขออย่าได้โศกอาวรณ์ห่อนไห้หา
ได้พบแล้วชีวิตดีมีราคา
เกิดกายมา มีพ่อแม่รักแท้จริง
เคยสมหวังเคยผิดหวังเคยพลั้งพลาด
วันนี้กวาดเก็บหัวใจไว้บนหิ้ง
ไม่ดิ้นรน ไม่ค้นไกลไม่ช่วงชิง
รักนิ่งๆไม่ร้อนใจอะไรเลย
เคยเที่ยวท่องข้ามฟ้ามหาสมุทร
เห็นจนสุดก็แค่นั้น มันเริ่มเฉย
เที่ยวคนเดียวกับเป้หลังก็ยังเคย
วันผ่านเลย เลยผ่านล่วงไม่ห่วงใด
เป็นมาแล้วทั้งแกล้วกล้าและตาขาว
พบเรื่องยาวและเรื่องสั้น เรื่องหวั่นไหว
มีเพื่อนดี มีเพื่อนกิน เพื่อนสิ้นใจ
เคยยากไร้ไม่ระย่อ พอมีกิน
พอใจแล้วกับชีวิตที่ผ่านมา
หากแม้ว่าชะตาสั้นมันผันผิน
หากจะต้องถึงคราวตายวายชีวิน
ก็จะขอจบสิ้น อย่างง่ายงาม
อยากให้ฝังฉันไว้ใต้ไม้ร่ม
อาจเป็นทิวต้นลั่นทมหรือมะขาม
หรือต้นไม้ใหญ่ๆใดก็ตาม
ครั้นเมื่อยามลมพัดไกวจะได้เย็น
แถมมีเพลงใบไม้คอยร่ายกล่อม
หรือดอกหอม-สวยให้ใครได้แลเห็น
เอื้อประโยชน์อยู่ประจำเพียรบำเพ็ญ
ฉันอยากเป็นอย่างไม้ใหญ่ที่ใจดี
เพื่อระลึกถึงฉันวันสุดท้าย
ให้ช่วยโปรยดอกไม้ปราย หลายๆสี
ฝังไปกับ หนังสือกลอน-บทกวี
เผื่อจะมีเวลาอ่านเมื่อนานไป
หากเธอคิดถึงฉันในวันเหงา
ก็จงเอาบทกลอนกานท์มาขานไข
หรื

คำว่า รัก และ ขอโทษ

อัญชิตา


คำว่ารัก ช่างง่ายนัก จักเอื้อนบอก
คำว่ารัก ที่ลวงหลอก ชอกช้ำไหม
คำว่ารัก หากไม่รัก จริงจากใจ
คำว่ารัก บอกออกไป ไร้คนฟัง
คำขอโทษ ช่างยากนัก จักเอื้อยเอ่ย
คำขอโทษ โกรธยังเฉย-เมยใช่ไหม
คำขอโทษ หากไม่คิด ติดที่ใจ
คำขอโทษ บอกออกไป อภัยกัน

ความต่าง - ความสุข

ภัคพล


ต่างความรู้ต่างความคิดต่างความฝัน
ต่างมุ่งมั่นต่างอดทนต่างฝึกฝน
ต่างแข่งขันต่างแกร่งแย่งต่างดิ้นรน
ต่างสับสนต่างครุ่นคิดต่างจิตใจ
มีสมองมีมือมีแข้งขา
มีเวลามีความหวังมีไกลใกล้
มีพลังมีดวงดาวมีทางไป
มีสายใยมีความรักมีผูกพัน
ก้าวต่อก้าวก้าวต่อไปถึงที่สุด
ก้าวเร่งรุดก้าวเร่งรีบก้าวล้มนั่น
ก้าวที่ดีก้าวรอบคอบก้าวฟ่าฟัน
ก้าวที่มั่นก้าวค่อยค่อยก้าวดีดี
พักผ่อนได้พักก่อนเถิดพักสักครู่
พักลองดูพักไตร่ตรองพักทุกที่
พักเก็บแรงพักเติมใจพักสักที
พักวันนี้พักวันไหนพักเพียงพอ
เพียงแค่คิดเพียงแค่ฝันเพียงเพื่อสร้าง
เพียงเดินทางเพียงศึกษาเพียงเติมต่อ
เพียงสามารถเพียงเคียงคู่เพียงอยากรอ
เพียงเกิดก่อเพียงสืบสานเพียงหวังเอง
วันข้างหน้าวันไหนวันนี้หรือ
วันนั้นคือวันสดใสวันเราเก่ง
วันแห่งฝันวันแห่งสุขวันครื้นเครง
วันที่เล็งวันที่ได้วันหมายปอง
สุขทั้งกายสุขทั้งใจสุขล้ำยิ่ง
สุขเสียจริงสุขสันต์สุขฉลอง
สุขเพราะรู้สุขเพราะคิดสุขเรืองรอง
สุขเป็นของสุขตัวเราสุขที่ดี.

จงสูจำ

ตราชู


จงสูจำ
“เปิบข้าวทุกคราวคำ
จงสูจำเป็นอาจิณ
เหงื่อกูที่สูกิน
จึงก่อเกิดมาเป็นคน”
อ่านคำทุกคราวคำ
จงสูจำซึ่งความจน-
ผองทาสผู้ทุกข์ทน
โศกขื่นถมสังคมไทย
“จิตร ภูมิศักดิ์” พ่อ
เจตน์จดจ่อจากจริงใจ
เกียรติเชิดหวังเกิดชัย
มวลชนชัดจำรัสฉาน
คำคิดท่านขีดเขียน
คือคำเธียรคงทนทาน
เตือนนามเป็นตำนาน
อันแตกหน่อในธรณิน
“ฟ้าลวกด้วยเปลวเลือด
ระอุเดือดทั้งแดนดิน
วอดวายทุกชีวิน
แต่คนยังจะหยัดยืน”
ปวงคนย่อมเปี่ยมค่า
ใช่สัตว์ป่าสังเวยปืน
เปลวไฟจากปวงฟืน
จักฟูมฟ้าเจิดเฟื่องฟู
แล้วคนก็ลุกขึ้น
ตระหนักตื่นขึ้นพันตู
ผองพาลอันพล่านภูว์
ต้องพ่ายแพ้ประชาพล
อ่านคำทุกคราวคำ
จงสูทำอย่างสู้ทน
เจนนำ อย่าจำนน
ต่อหนามไหน่ในธานี
“ฟ้ามืดเมื่อมีได้
ก็ฟ้าใหม่ย่อมคงมี”
คำ “จิตร” พิจิตรพจี
ตรูตราจิต ตรึงติดใจ
“แก้กฎที่เดือดดุ
ที่พังผุเป็นพิษภัย
ท่าวรื้อด้วยมือไทย
และสร้างกฎขึ้นทดแทน
กฎใหม่อำไพผ่อง
จะทาบทองแก่ด้าวแดน
สังคมที่คลอนแคลน
จะมั่นคงไร้วงทราม
แก้ชีพใช่ที่โชค
หากแก้โลกให้งดงาม
สังคมที่คุกคาม
ต้องมือคนสิกู้คืน
สังคมนี้กินคน
อย่าหลงกลให้กินกลืน
กำหมัดหยัดกายยืน
ยืนหยัดสู้...กู้โลกา”
(ร่างเดิม พ.ศ. ๒๕๔๘ เสริมแต่ง พ.ศ. ๒๕๕๒)
หมายเหตุ
๑.กาพย์ยานีในเครื่องหมายอัญประกาศนั้น ผมคัดตัดตอนบางช่วงจากบทกวีของ “ท่านจิตร ภูมิศักดิ์” มา ดังมีรายนามผลงานต่อไปนี้ครับ
ก.วิญญาณหนังสือพิมพ์ (คำเตือนจากเพื่อนเก่าอีกหน)
ข.โคลงสรรเสริญเกียรติก

ผ่านฟ้าแล้วไปนรก

ลูกอ้อด


หากพรุ่งนี้ผมยังไม่ได้สอบ
แล้วพวกคุณจะตอบผมได้ไหม
หากตัวผมเรียกร้องประชาธิปไตย
เปิดได้ไหมถนน-คนจะสอบ ขอบคุณคับ
แดงอรุณยามเช้าช่างสดใส
เหลืองอำไพส่องแสงประกายฝัน
แดงเหลืองประสานกันและกัน
ให้โลกพลันสว่างไสวไกลมายา
เหลืองและแดงใครหนอแบ่งกำหนด
ใยพิโรธโกรธเคืองกันหนักหนา
ทำอะไรลงไปมันเดือดร้อนชาวประชา
ใยมิฆ่าสัตว์ร้ายที่ทำลายในกายตัว(เอง)

หมามวลชน

กระบี่ใบไม้


เป็นหัวหมาหัวหนึ่งถึงค่าน้อย
ดีกว่าร้อยหางทาสราชสีห์
ไล่กัดแขกแปลกด่านต้านไพรี
ก็ยังดีกว่าหมื่นค่ามหาโจร
เป็นหมาไทยต้ององอาจสมชาติหมา
ใช่ด้านหน้าหลอกตัวสวมหัวโขน
ความเป็นไทยทุกขณะถูกจะโคน
ถึงไม่ต้องร้องตะโกนก็เป็น “ไท”
ประชาชนจ้างเราไว้เห่าหอน
ขุดสันดอนพวกชั่วช้า - ท้าทายสมัย
หมาจะต้องรู้ลีลาว่าหมาใคร
ใช่เห่าใบตองแห้งแสร้งประจาน
เกิดเป็นหมาต้องรู้ดีหน้าที่หมา
ปวงประชาขุนเราไว้เฝ้าบ้าน
เลือดของหมาที่รินหลั่งต้องหลังอาน
พร้อมต่อต้านปรปักษ์หนักแผ่นดิน
หมาต้องไม่โต้ตอบเข้าลอบกัด
ทำตัวเป็นจรจัดหิวทรัพย์สิน
หมาต้องไม่ใช่หมาหมู่รู้จักกิน
แต่ต้องดิ้นรนสู้รู้จักพอ
หมาจะต้ององอาจสมชาติหมา
อย่าให้ใครก่นด่าถึงโคตรพ่อ
ต้องจำจดรสอาหารและการรอ
ซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์งานของตัว
แผ่นดินนี้ชื่อว่าไทยให้ที่เกิด
ภูมิใจเถิดแม้นไพรีจะมีทั่ว
คุ้มเจ้าของป้องผองภัยไยต้องกลัว
ดีกว่าชั่วราชสีห์...วิถีโจร
5 มีนาคม 2541
ที่ระลึกวันนักข่าวและสื่อมวลชน
ลพบุรีสาร
.................................................
หวัดดีครับ
วันนี้กระบี่ใบไม้ขอเอาบทกลอนเก่า ๆ สมัยเรียนปี 1 ในรั้ววิทยาลัยมาฝาก บังเอิญไปรื้อตู้หนังสือมา แล้วดันไปเจองานเขียนของตัวเองสมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ (ซึ่งงานเขียนเหล่านี้ ผมลืมไปหมดแล้วว่าตัวเองเคยแต่งมา) บอกตรง ๆ พออ่านปุ๊บแล้วขนลุกเลย ที่ขนลุกนี่ไม่ใช่เพราะเก่ง หรือแต่งไพเราะอะไรนะ แต่ขนลุกเพรา
หน้า / 28  
ทั้งหมด 467 กลอน