เคยขลาดเขลาวัยเยาว์เราอ่อนหัด รักกระหน่ำซ้ำซัดกลัดกร่อนถอย เซถลำเคราะห์กรรมตอกย้ำคอย ทั้งชีวีเศร้าสร้อยรอยน้ำตา เก็บใจตัวเก็บรักสิ้นหักเห เกรงซวนเซสั่นคลอนวอนดินฟ้า หลาบจำแล้วหลีกหนีอย่ามีมา ขอเถิดหนาดินฟ้าจงปราณี อย่าให้เราใจอ่อนดังก่อนเก่า อย่าให้เราเปิดใจใครบ่งชี้ อย่าให้เขาเอาไปทั้งชีวี อย่าให้เขามามีอำนาจใด สุดจะห้ามหัวใจหวั่นไหวจิต สุดจะห้ามใจคิดติดตรึงไว้ สุดจะห้ามใจนี้มีห่วงใย สุดจะห้ามหัวใจแม้ซ้ำรอย
บัวสามดอก สามวัย อยู่หน้าบ้าน เหมือนสื่อสาร เป็นนัย ให้ความหมาย ชีพอุบัติ เติบใหญ่ แล้วมอดมลาย สิ่งสุดท้าย ชีวิต อนิจจัง บังงอกงาม ให้ชม เพียงครู่ยาม บัวรุ่นหลัง โผล่ตาม มาข้างหลัง บัวเกิดก่อน ดับก่อน คือสัจจัง วันทิ้งร่าง ประโยชน์ยัง เจ้าดอกบัว ขอบคุณเจ้า บัวน้อย ที่ส่งสาร เป็นธรรมทาน เพื่อจิตคน พ้นมืดสลัว ได้เป็นไท จากบ่วงกรรม ที่พันพัว ขอบคุณนะ เจ้าดอกบัว .... สื่อแห่งธรรม (เสาร์ 14 มกราคม 2555 : วันเด็กแห่งชาติ)
ทุกเวลา นาที ที่ผ่านพ้น ลูกต่างคน เติบใหญ่ ก้าวไปหน้า พ่อ,แม่กลับ ระโหย ร่วงโรยรา เปลี่ยนเชื่องช้า อ่อนแอ แก่เฒ่าลง พ่อ,แม่ล้วน อาทร จึงสอนสั่ง มุ่งยับยั้ง ห้ามปราม ความลุ่มหลง หวังให้ลูก สุขสันต์ ยืนมั่นคง สมจำนง อิฐผล เป็นคนดี สัญชาตญาณ ยิ่งใหญ่ ในพ่อ,แม่ คือเหลียวแล บุตร,ธิดา โดยหน้าที่ ชี้จุดหมาย แนวทาง สร้างชีวี เอื้ออารี ปกปัก รักเอ็นดู ลูกจะโต เปลี่ยนแปร แม้เพียงไหน พ่อ,แม่ไซร้ คงเห็น เป็นเจ้าหนู ยังรักเหมือน เด็กน้อย คอยค้ำชู ลูกย่อมรู้ แน่แท้ อยู่แก่ใจ ทุกเวลา นาที ที่ร่อยหรอ ลูกลูกเคย ทดแทนต่อ พ่อ,แม่ไหม หันใคร่ครวญ สักนิด คิดห่วงใย ใช่รอไว้ ประณต ตอนหมดลม
รักกันใหม่ๆอะไรก็ดี เชิญชมชวนชี้วจีขับขาน โลกช่างสดใสหัวใจเบิกบาน สุขสมสำราญทุกาลเวลาหญิงชี้ดูนกวิหคผกผิน ชายว่านกบินหมดสิ้นกังขา หญิงชี้นกพลัน อุ๊ย นั่นคือปลา ชายตามกานดาอ๋อปลาจริงๆ เพราะรักจึงยอมจึงพร้อมทุกอย่าง ความรักจัดวางเข้าข้างชายหญิง แม้นน้ำต้มผักพอรักแอบอิง ก็หวานเสียยิ่งหยดน้ำตาลใด ฝ่ายใดเคืองขุ่นทำวุ่นทำงอน อีกฝ่ายเว้าวอนมางอนง้อได้ กระเซ้าเย้ายิ้มถึงปริ่มหัวใจ ข้าวมันปลาใหม่สดใสร่าเริง แต่พอรักจางทุกอย่างก็แย่ รักที่ว่าแน่กลับแปรยุ่งเหยิง โลกที่สดใสเป็นไฟลุกเพลิง กระเจิดกระเจิงกระจัดพลัดพราย ถ้อยคำอ่อนหวานมิคลานเข้าหู ไอ้ อี มึง กู พรั่งพรูหลากหลาย ซากรักหักพังอยู่ซังกะตาย น้ำตาลกลับกลายจืดชืดฝืดคอ ....รักกันใหม่ๆอะไรก็ดี แม้นผ่านหลายปีรักนี้ยังก่อ ผลิดอกออกใบสดใสลออ รักยังแตกกอมิง้อวันวัย อย่าปล่อยให้รักถูกหักถูกผลาญ เป็นรักพิการผ่านอายุขัย หวานอมขมขื่นกล้ำกลืนกันไป นอนกอดกองไฟ...ผลาญใจร้อนรน....
ได้ยินข่าว ครูจากไป ใจหายวาบ เพื่อนโทรฯ แจ้ง ให้ทราบ เมื่อเช้านี้ หมดเรี่ยวแรง แข้งขาอ่อน ลงทันที โศกทวี น้ำตานอง ปริ่มสองตา ข้ายกมือ ประนม เสมออก หมายจะยก ใจไปสู่ ครูนั้นหนา ครูผู้เป็น เช่นบิดร และมารดา ทั้งชีวา ข้าได้ดี ก็ที่ครู รอยไม้เรียว วันเก่า ยังจำได้ คำสอนใจ ครูพร่ำบอก คอยกรอกหู ให้อดทน และตรงเที่ยง เยี่ยงตราชู รู้อดสู ละอายใจ ไม่ทำเลว ชีวิตข้า เคยตกต่ำ ถลำลึก ใคร่ครวญนึก วันที่ตน พ้นปากเหว แม้ใครใคร จะตราหน้า ข้าคนเลว ครูเปรียบเปลว แสงธรรม นำพ้นมา ครูฉุดข้า ขึ้นมา จากกองขยะ เศษสวะ ขยะสังคม คนหยามหน้า ครูใส่ใจ ครูให้รัก ให้เมตตา จนวันนี้ ข้าเชิดหน้า สู้ตาคน ตั้งใจไว้ ปีใหม่ ได้หันกลับ เพื่อไปกราบ เท้าครู อีกสักหน วันคืนเดือน เคลื่อนไป ใจร้อนรน ได้ยินเสียง ครูอีกหน เมื่อไม่กี่วัน ***************** อนิจจา ครูของข้า ไม่อยู่แล้ว จิตแน่แน่ว ขอส่งครู สู่สวรรค์ ชาติหน้ามี ศิษย์คนนี้ ขอพบกัน สัญญามั่น " ชีวิตนี้....ดีเพื่อครู "
อารมณ์ดี...มีรอยยิ้ม พริ้มบนหน้า ส่งแววตา หน้าสดใส ให้สุขสันต์ อารมณ์ร้าย...คล้ายโกรธใคร ได้ทั้งวัน ไม่สรวลเส เฮสันต์ กันกับใคร อารมณ์เลว...เหมือนเปลวไฟ ไหม้ทุกอย่าง ใครกีดทาง มาขวางกั้น มันเผาไหม้ อารมณ์คน...มันก็เคลื่อน เหมือนเลื่อนไป เร็วทันใจ ไม่ทันเปลี่ยน เวียนหมุนพลัน อารมณ์ร้อน...ก่อนจะเย็น เหมือนเป็นบ้า ใครพูดมา หาเสียงใด ไม่ขบขัน อารมณ์เย็น...เป็นเช่นนี้ ดีทั้งวัน มีแต่เรื่อง เฟื่องขำขัน พลันเฮฮา อารมณ์คุณ...คุ้นว่าเป็น เช่นแบบไหน ดีหรือร้าย คล้ายเลวร้อน ค่อนหนักหนา อารมณ์ไหน...ใคร่ควรรู้ คู่ปัญญา และรู้ว่า อารมณ์ไหน ควรใคร่เป็น
ถึงคราวโศก โลกจะหลับ ดับสลาย อีกกี่กาย จะหายพ้น คนรอดหนี จะเหลือรอด ปลอดภัย ไหมชีวี ถ้าโลกนี้ พิโรธ โกรธแค้นเรา เขาจะล้าง สร้างโลกใหม่ ให้แปรเปลี่ยน จะหมุนเวียน เขียนโลกไป ตามใจเขา สร้างสิ่งนั้น สรรค์สิ้งนี้ ที่อยากเอา ยกเว้นเรา เงามนุษย์ สุดเลวทราม ทำร้ายโลก ให้โศกแทบ จะแสบสัน ทนมานาน ผ่านกัปกัลป์ มันสุดหยาม เอาชีวิต จิตวิญญาณ สันดารทราม ไปสังเวย สวาปาม ตามพอใจ เมื่อโลกโกรธ จะมาโทษ โกรธเคืองโลก เขาต้องโศก โลกร้องไห้ ใครรู้ไหม มนุษย์ทำโลก โศกทุกข์ ลุกเป็นไฟ แล้วจะมา พิร่ำพิไร ทำไมกัน ตอนนี้ถึง ซึ่งเวลา โลกฆ่าคน เหตุและผล คนฆ่าโลก ให้โศกศัลย์ โลกเอาคืน ฝืนชะตา หาได้ทัน หนีทุกวัน มันไม่พ้น คนต้องตาย น้ำท่วมโลก โชคร้ายซัด พัดมาหา รู้ชะตา ว่าโลกพัง กำลังสลาย ช้าไปแล้ว แคล้วไม่พ้น ชนย์วางวาย ถึงคิดได้ ก็ต้องตาย กันอยู่ดี
วันหมุนเปลี่ยนเวียนเวลามานานครัน วันเป็นวันก็เมื่อมันได้ผันเปลี่ยน วันเป็นวันเมื่อมันผันวันมาเวียน เราได้เรียนอะไรไหมในทุกวัน ว่าคนเราก็เช่นวันที่ผันเปลี่ยน เราวุ่นเวียนวุ่นแท้ไม่แปรผัน หากวันเปลี่ยนไม่ได้เรียนอะไรกัน เสียดายวัน มันหมุนไปไม่หมุนทวน บางทีที่จิตไหวใจก็หวั่น ในบางวันอาจว่าวอน ขอย้อนหวน ถึงวันเก่าที่เราร่ำเคยคร่ำครวญ แต่ก็ล้วนครวญเปล่าปลี้ไม่มีมา ผ่านวันหนึ่งซึ่งผ่านแล้ว แล้วผ่านพ้น ผ่านทุกหนพ้นทุกแห่งเสียแรงหา ไม่มีใคร อาจหาญหวนทวนเวลา จงจำว่า "ฆ่าเวลา คือ ฆ่าตน" . ..จำทุกหน "ค่าเวลา คือ ค่าเรา"
เกลียดบางคำ... ที่ตอกย้ำทำให้รู้สึกนึกเจ็บ เกลียดบางคำ... ที่ทำให้เก็บความอดกลั้นมันไว้ไม่ได้ เกลียดบางคำ... แต่ไยต้องทำเป็นเหมือนเห็นแล้วไม่ใส่ใจ เกลียดบางคำ... แต่ก็ฟังไว้แก้ไขตัวเอง ทั้งที่เกลียด...ไม่อยากฟังอีกครั้งทั้งที่เจ็บ ทั้งที่เกลียด...แต่ต้องเก็บเจ็บใจคล้ายใครข่มเหง ทั้งที่เกลียด...แต่ยิ้มร่าเฮฮาครื้นเครง ทั้งที่เกลียด...ยังร้องเพลงกลบอารมณ์ข่มใจ พยาม...ไม่ใส่ใจจะได้ไม่เจ็บ พยาม...ที่เก็บอารมณ์ข่มมันเอาไว้ พยาม...ที่จะไม่ไปสนใจ พยาม...ได้ยินแล้วผ่านไป...ช่างมัน!!!
แล้วปีเก่า ก็แปรผัน สิ้นวันเก่า สุขทุกข์เคล้า วนเวียน เปลี่ยนสับสน มีเกิดแก่ เจ็บตาย ว่ายเวียนวน หัวใจคน วุ่นวาย ว่ายวนเวียน จะเอา อะไรแน่ แก่ชีวิต ถูกหรือผิด ยากแก้ เหตุแปรเปลี่ยน อดีตคือ ข้อกำหนด เป็นบทเรียน ความพากเพียร คือรอยต่อ ความพอดีชีวิตซึ่ง จะก้าวไป ในวันหน้า สร้างศรัทธา ด้วยรัก ด้วยศักดิ์ศรี อนาคต คือความหวัง ที่ยังมี ชีวิตนี้ มิย่อท้อ สู้ต่อไปถึงปีใหม่ จะเปลี่ยนใหม่ อีกหลายหน ถึงใจคน จะหมุนเวียน เปลี่ยนคนใหม่ ถึงน้ำตา จะไหลพร่าง อยู่ข้างใน ก็พอใจ ให้เป็น เหมือนเช่นเคย จะอยู่สร้าง ภาพฝัน รอวันดับ จะทนกับ สำเนียง เสียงเยาะเย้ย ซื่อบื้อบ้าง หยิ่งบ้าง อย่างเชยเชย มิขอเอ่ย คำพ้อ ต่อผู้ใดมอบความปรารถนาดี ให้ชีวิต โดยถือสิทธิ์ ฤกษ์ดี ขึ้นปีใหม่ ด้วยความรัก ความหวัง กำลังใจ พร้อมจุดไฟ ความฝัน วันนี้แล้ว ฯ สมยศ เปียสนิท
๐ ยามที่ต้อง ประสบ พบเรื่องหนัก ยามที่เจอ อุปสรรค และปัญหา ยามที่เรา ไร้สุข ทุกข์อุรา แหงนมองฟ้า แล้วจะมี กำลังใจ ๐ มองท้องฟ้า เมฆมัว สลัวหม่น อีกไม่นาน ลมบน ที่เคลื่อนไหว จะพัดพา เมฆหาย สลายไป ท้องฟ้าจะ แจ่มใส ได้อีกครา ๐ เปรียบชีวิต ยามนี้ ที่หมองหม่น ก็เหมือนเมฆ มัวมน ที่บนฟ้า อีกไม่นาน พ้นผ่าน กาลเวลา จะกลับมา แจ่มใส ได้เช่นกัน ขอให้เมฆหมอกในชีวิตทุกคน.. ผ่านไปโดยไว
ปลาบู่..น่าเบื่อเชื่อหรือ ? เชื่อถือ ทื่อถ้อย ปล่อยข่าว กุเก่งเปล่งเปรื่องเรื่องราว ตู่เก่าเต้ายามสามตา ได้ยินได้ฟัง ยังหวั่น ! หากมันนั้นแน่ แท้หนา ปลาบู่ รู้ยิ่งจริงว่า อวิชชา ท้าทายผายผล ยังมีส่วนหนึ่ง คะนึงนี้ วิธี วิพากษ์มากล้น รักตัวกลัวตายวายชนม์ หลงกลจนทุกข์ สุขไม่ พุทธะ.. จะแจ้ง คำสอน จงนิ่งแน่นอนผ่อนไว้ ทุกสิ่งเห็นชัด ปัจจัย เบ็ดเสร็จ เท็จไคล้ ..ในความ กาลามสูตร ..หยุดได้ ตรัสไว้ ไตร่ตรอง มองข้าม ควรเชื่อหรือไม่? ใช่ตาม ๑๐ ความ.. อย่าเชื่อ เมื่อเจอ ! @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ปลาบู่ถามผมว่าอีก 27 ปี พ.ศ.อะไร ? (2544) จะมีเครื่องบินชนตึก อีก 30 ปี พ.ศ.อะไร ? (2547) จะเกิดคลื่นยักษ์คนจะตายกันมาก อีก 35 ปี พ.ศ.อะไร? (2552) จะเกิดแผ่นดินไหวในต่างประเทศ แต่อีก 38 ปี (2555) จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง " ในเวลายามสองในคืนปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนาน เกิดแผ่นดินไหว มีคนตายมากมาย" (ยามสอง คือประมาณเวลา 22.00 24.00 น.) @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ กาลามสูตร คือ พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกอีกอย่างว่า เกสปุตติยสูตร หรือเกสปุตตสูตร ก็มี) กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ ปั
วันเดือน ที่เคลื่อนคล้อย ทิ้งร่องรอย ให้จดจำ จากรุ่งสาง จนย่ำค่ำ สิ่งที่ทำ มีมากมาย ชีวิต ผ่านเรื่องราว ทั้งสุขเศร้า มามากหลาย จากปีใหม่ เป็นปีกลาย เพื่อเริ่มใหม่ อีกครานี้ แสงสุรีย์ สาดส่องฟ้า ยามทิวา เรืองรัศมี ปรารถนา ความยินดี สุขทวี เยี่ยงแสงตะวัน สิ่งที่ ผ่านไปแล้ว เก็บเป็นแนว ทางสร้างสรรค์ วันหนึ่ง คงสักวัน ทั้งเราท่าน สุขสมใจ อำลา ปีห้าสี่ พุทธบารมี โปรดอวยชัย เข้าสู่ ศักราชใหม่ ด้วยหัวใจ ที่เปี่ยมหวัง ประทาน ความแข็งแกร่ง เสริมเรี่ยวแรง เปี่ยมพลัง และโปรด อยู่เคียงข้าง ร่วมเส้นทาง ที่สัญจร ขอพุทธะ เป็นหลักชัย ปราการใหญ่ กั้นทุกข์ร้อน ให้ไทย สุขสถาพร สิ้นทุกข์ร้อน เบียดเบียนเอย
เถาวัลย์พันกิ่งต้น......พึงยล ปีนป่ายไม้เลื้อยวน.....สิ่งนั้น คบหาแต่ปราชญ์ชน......อบร่ำ ..ปัญญา เกลือกชั่วเกลอดื้อรั้น.......ต่ำช้า...กุมใจ
อีกหนึ่งปี ล่วงไป นึกใจหาย ปีกลายคล้าย พริบตา พึ่งลาผ่าน วัน,เวลา ผาดผัง ดังสายธาร อายุกาล ชรา มาอีกปี เด็กรุ่นเยาว์ เข้มแข็ง แกร่งกว่าเก่า ส่วนผู้เฒ่า กลับร่วงโรย โหยแทนที่ สังขารคน เราหนอ ก็เท่านี้ ทุกนาที เปลี่ยนไป ไม่คงทน แก่หนึ่งปี สั้นหนึ่งปี ผองชีวิต มิมีสิทธิ์ อุทธรณ์ วอนเหตุผล เมื่อยังอยู่ กาลัญญู รู้ผ่อนปรน อย่าจำนน พ่ายแพ้ แก่อามิส ปีเก่าสร้าง ประโยชน์ หรือโทษไว้ ลองถามใจ ใคร่ครวญ ทวนจริต สิ่งใดพึง แก้ไข ใช่เพียงคิด เร่งพินิจ ขยับ ปรับปรุงตน ทำปีใหม่ ให้ดี เหนือปีก่อน บุญจะย้อน ทำนุ เกิดกุศล ขอพรเทพ เทวา เมตตาดล มอบปวงชน พูนสุข ทุกปีเทอญ
ยึดเอาไว้ไม่ปล่อยพลอยรานร้าว ปรุงเรื่องราวตามจิตคิดโหยหา เพาะเชื้อโลภโกรธหลงคงชินชา หารู้ว่าทุกข์หนักเกินจักทาน มั่นหมายไว้ไม่แจ้งเสียดแทงจิต ห้วงชีวิตจมปลักสุดหักหาญ วนว่ายเวียนซ้ำซากลำบากนาน ตราบสังขารเสื่อมทรุดพักหยุดกาย ถือเอาไว้ไม่วางสร้างก่อทุกข์ จุดไฟลุกเผาทรวงล่วงสลาย ดื้อดึงดันทุรังฝังใจกาย ถึงชีพวายฤาตระหนักหักด่านกรรม มั่นหมายใจไล่ฝันอันบรรเจิด ตายแล้วเกิดกี่หนทนถลำ มือถือถ่านไฟร้อนเก็บซ่อนงำ เลิกกุมกำปล่อยไป...ใจเบิกบาน...
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๕ อรุณฤกษ์ เบิกฟ้า คราปีใหม่ จงสดใส สิ้นทุกข์ สุขเสริมศรี สู่ก้าวใหม่ ก้าวมั่น วันเริ่มปี มุ่งคิดดี ทำดี มีโชคชัย มีสติ มั่นไว้ ไม่หลงผิด มีปัญญา รู้คิด จิตผ่องใส รู้หน้าที่ เพื่อสังคม ชมชื่นใจ สามัคคี กันไว้ ปีใหม่มา กระต่ายไป งูใหญ่มา พาดีขึ้น ให้ราบรื่น ชื่นบาน งานก้าวหน้า ให้กิจการ ค้าขาย ได้ราคา ให้เงินตรา มีใช้ ไปทั้งปี ให้เข้มแข็ง แรงดี มีคนรัก ให้ยศศักดิ์ ก้าวไป ในหน้าที่ ทำสิ่งใด ถูกโฉลก ล้วนโชคดี ให้สุขสม สุขศรี ปีใหม่เทอญ อาจารย์ฐปกรณ์ โสธนะ (ลุงรอง)