กลอนอกหัก รักหวานซึ้ง

เสน่หา ตรึงตราทุกคำนึง

หอมดอกลำดวน


อันความรักเปี่ยมในหัวใจข้า
รักบรรดาบทประพันธ์วรรณศิลป์
รักขงเบ้งปรีชารู้ฟ้าดิน
รักนรินทร์ร่ายคำโคลงคร่ำครวญ
รักสุนทรท่านภู่อยู่ไม่ขาด
รักศรีปราชญ์ร้องร่ำเพลงกำสรวล
รักเสียงเร่เห่เรือชมกระบวน
รักรัญจวนเสียงปี่พี่อภัย
รักยอดหญิงสุพรรณกัลยา
รักบุษบาเนื้อทองงามผ่องใส
รักอิเหนาเจ้าชู้อยู่ร่ำไป
รักน้ำใจทานปันเวสสันดร
รักพรหมินทร์อินทราเทวราช
รักเก่งกาจหนุมานชาญสมร
รักทั้งสินสมุทรสุดสาคร
รักสะท้อนสัจจานางกากี
รักระบำโนห์ราช่างน่าพิศ
รักกามนิตเกี้ยวพาวาสิฎฐี
รักพระลักษณ์พระลอเลิศอินทรีย์
รักกินรีลงสรงคงคาลัย
รักฤทธิ์เดชขุนแผนแสนสะท้าน
รักกษัตริย์ใจหาญทุกกาลสมัย
รักทั้งหมดที่กล่าวสักเท่าใด
ก็ยังไม่แน่นหนักเท่ารักเธอ....

เพาะรัก

แสงศรัทธา


เพาะรัก
 
เพราะรัก...
จึงตระหนักคุณค่าของคืนหนาว
จึงระลึกถึงราตรีดาวพร่างพราว
จึงรู้รสขื่นคาวความเศร้าตรม
ด้วยรัก...
จึงประจักษ์ความงามในความขม
จึงสัมผัสลมหายใจของสายลม
จึงสุขสมแย้มยิ้มอยู่เดียวดาย
พลังรัก...
จึงปกปักดูแลแม้เจียรตาย
จึงเป็นดั่งแสงไฟดวงสุดท้าย
จึงมอบใจมอบกายให้แก่กัน
ความรัก...
จึงเป็นแหล่งพิงพักคนหลับฝัน
จึงเป็นมือฉุดดึงเชื่อมสัมพันธ์
จึงเป็นเธอเป็นฉันและเป็นเราฯ
 
“แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า”

คำปฏิญาน ที่ฉันรักษาไว้เพียงผู้เดียว

AngealBlade


รักแล้วร่ำร้องร่ำไร
ทวงถามถึงที่ใจไหนข้า
ผู้หนึ่งผู้ใดอยู่หนใดฤ
ผู้ซึ่งพร้อมร่วมทุกข์ไม่ใช่ร่วมแต่สุขได้ พอทุกข์ก็ทิ้งกัน

บทเพลงถึงดวงดาว

ศิวสิโรมณิ


 
ส่งบทเพลงล่องบรรเลงถึงดวงดาว
ที่พร่างพราววาวระยับปลายลับฟ้า
เปล่งทำนองแว่วหวานดุจวาจา
เอ่ยเอื้อนมาแทนหัวใจไปให้ดาว...
Monday 5.43 p.m., June 10, 2013
ศิวสิโรมณิ

อาลัยรัก

Soidow


    โอด..โอด..โอย.. โหยหวน... ครวญสะอื้นน้ำตารื้น...เลียบเลียบเลาะ...คลอตาใส
ค่อย..ค่อย..หลั่ง.. หยาดหยด...รดฤทัย
ซึม..ซึม..ซาบ.. ซับใน... หลั่งไหลริน
     ชุ่ม..ชุ่ม..ชื่น..ดื่มด่ำ...ฉ่ำหยาดหยด
ซึม..กำซด..ทั่วอณู... ไม่รู้สิ้น
สะอึก...สะอื้น..เบาเบา.. เว้ายลยิน
เฝ้า..ถวิล...รักลา..ด้วยอาลัย...........
   
    
    
     

คุกรัก

Soidow


ทุกข์ระทม..ขมขื่น...สะอื้นจิตรักทำพิษ..ขื่นขม...ระทมหมอง
ทุกข์ระทม..อกตรม...น้ำตานอง
อกกลัดหนอง...ทุกข์ระทม..ขมขื่นใจ
   ต้องกล้ำกลืน.... ฝืนข่ม..ระทมทุกข์
ใจติดคุก..ขื่นขม..ระทมไห้
ต้องฝืนข่ม..ความขมขื่น...สักเพียงใด
กว่าฤทัย...จะพ้นทุกข์...คุกระทม

พี่ขอโทษ

นักดาบ


..........พี่ขอโทษแม่น้องนางที่เปรียบไว้
ดั่งเทพไท้ที่ ปราบมาร ดุร้ายนี้
เป็นเหตุให้แม่นั้น ระอาที
ตัวพี่นี้ผิดไปแล้ว แม่แก้วตา
..........ขอแม่ จงยกโทษ โกรธสักครั้ง
แม่อย่างรังเกลียดเลยนะแม่หนา
เพียงครั้งแรก แม่อดโทษให้สักครา
ในครั้งหน้าพี่จำไว้พี่ไม่ทำ
...........ทำอย่างไรให้นางฟ้าคืนมาได้
ทำอย่างไร ให้นางฟ้าอย่าได้หนี
บอกหน่อยเถิด นอนได้ยากทุกราตรี
แม่คนดีนางฟ้าข้าอย่าจากไป
............ความผิดนี้ ถึงจะใหญ่แสนหนักหนา
แต่เป็นคราครั้งแรกไม่เท่าถึง
ตัวข้านี้ก็สุดแสนจะลำพึง
แม่อย่าดึงโทสาจนนานที
............เทพองค์ใดหากท่านได้รับรู้
คอยเฝ้าดู มาเห็นทุกข์ข้านี้
ฝากความบอกแม่นางฟ้าของข้าที
ว่าข้านี้สำนึกแล้ว ทิพย์วิภา

ความรัก

แสงศรัทธา


ความรัก
1.สบตา
คล้ายแสงทองส่องทาบนผืนโลก
คล้ายลมไหวพลิ้วโบกโยกดอกหญ้า
คล้ายเดือนช่วงเด่นฟ้ากระจ่างตา
คล้ายดาราเด่นตากระจ่างใจ
คล้ายอิ่มอุ่นละมุนฝันอัศจรรย์ยิ่ง
คล้ายทุกสิ่งลอยนิ่งหยุดเคลื่อนไหว
คล้ายใจน้อยดวงนี้หลุดลอยไกล
คล้ายสายใยสานสายใจเข้าหากัน
คล้ายหวาดกลัวแต่ใจกลับแข็งแกร่ง
คล้ายอ่อนแรงแต่ใจแกร่งมิหวาดหวั่น
คล้ายจะทุกข์กลับอิ่มสุขทุกคืนวัน
คล้ายภาพฝันแต่ก็คล้ายความเป็นจริง
คล้ายสวรรค์ดลใจให้ใกล้ชิด
คล้ายจิตสื่อถึงจิตเป็นขวัญมิ่ง
คล้ายใจเชื่อมถึงใจ - แหล่งพักพิง
เกิดเพียงเสี้ยวยามหยุดนิ่งตาสบตา.
2.
เรียนรู้
เมื่อดวงตาสบตาประจักษ์จิต
ดั่งแสงทองแห่งชีวิตผลิคุณค่า
เมื่อดวงใจสบใจปรารถนา
ดั่งผลิห้วงเวลาค่าอนันต์
เมื่อดวงใจสองใจมั่นคงนิ่ง
ดั่งทุกสิ่งคือภาพจริงใช่ภาพฝัน
เมื่อความรักเกี่ยวก้อยผูกสัมพันธ์
ดั่งค่ำคืนสุขนิรันดร์นั้นยาวนาน
เมื่อความรักค่อยผลิบานลงหว่างใจ
ดั่งดอกใบออกผลที่โปรยหว่าน
เมื่อสองคนเรียนรู้รักอย่างอาจหาญ
ดั่งตะวันที่เดือดดาลพลันดับลง
เราต่างจากที่มาเพื่อร่วมสู้
เราต่างรู้น้อมประจักษ์ใช่ลุ่มหลง
เราต่างผูกสัมพันธ์ใจใฝ่ประจง
เราต่างคงเคียงคู่รู้ค่ารัก.
3.
นัยรัก
รักก็เป็นเช่นนี้นั้นแหละเจ้า
มีอ่อนหวานบางเบาและหน่วงหนัก
มีร้อนหนาวอุ่นเย็นมาทายทัก
มีทุกข์สุขเป็นหลัก มีร่มเย็น
รักก็เป็นเช่นนี้นั้นแหละเจ้า
มีโง่เขลาซ่อนเล่ห์อย่างที่เห็น
มีอิ่มอดปวดร้าวเศร้าลำเค็ญ
มีหอม

ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์

ธดา


ที่ใด...ไหนล้วนประะจักษ์
มีรัก...รัดรุมลุ่มหลง
ที่นั่น...น้ำตาบ่าลง
มีทุกข์...ยิ้มส่งทายท้า

ที่ใด...ประสบพบเห็น
มีรัก...ดังเช่นหินผา
ที่นั่น...ชอกช้ำชินชา
มีทุกข์...ทาบทาถักทอ

ที่ใด...เร่งเร้าริเริ่ม มีรัก...ไว้เสริมเติมต่อ ที่นั่น...มีการเฝ้ารอ มีทุกข์...มีท้อปะปน ที่ใด...ที่ใด ที่ใด มีรัก...อยู่ไหน? สับสน! ที่นั่น...อยู่ในใจคน มีทุกข์...มากท้นหลั่งริน ที่ใด...ที่ใฝ่ที่ฝัน มีรัก...ให้ฉันไม่สิ้น ที่นั่น...ยังย้ำยังยิน มีทุกข์...ก็ชินเสียแล้ว!

สู่คนไกล

ไผ่ลู่ลมม


ไผ่ลู่ลม ร้อยเรียง สำเนียงอ้อน
สื่ออักษร อารมณ์ ผสมศิลป์
จากไพรพง บรรจง ถึงบุรินทร์
ฟ้าสีนิล จารจด บทกวี
รังสิมันต์ เลื่อนหลบ สงบแสง
ดาราแจ้ง ดื่นดาษ ประกาศศรี
วาโยผ่าน พร่างพรม ห่มฤดี
ณ ราตรี คิดถึง ซึ่งคนไกล
ร้อยกำมือ เม็ดทราย มากมายนัก
น้อยกว่ารัก จากดิน ได้ยินไหม
ล้านดวงดาว ไม่เท่า ความห่วงใย
ของหนึ่งใจ ที่ให้ นิรมล
ระหว่างทาง พร่างพราย ประกายฝัน
ใต้เงาจันทร์ เยื่อใจ อย่าคลายหม่น
ฤดูผ่าน นานไป ให้อดทน
คงได้วน มากอด ยอดหทัย
ร่ายรำพันธ์ กลั่นฝาก จากห้วงจิต
เผยความคิด กลอนกานท์ นำขานไข
อยู่ขุนเขา เขตเขื่อง ส่งเมืองใหญ่
ใช่ร่ำไร หมายปอง กรองแก้วตา
ปากกาหยด หมดหมึก เกินนึกเขียน
คอยแวะเวียน ใจริน ถวิลหา
จะหลับตื่น ซึมทราบ คราบน้ำตา
มารุตพา รับรู้ สู่คนไกล
ไผ่ลู่ลม

วันนี้ไม่มีเธอ

ชากร


จำสัมผัส งดงาม ความอบอุ่น
จากมือคุณ สองเรา ตอนอยู่ใกล้
กุมมือแนบ ถ่ายทอด ความในใจ
กลิ่นอุ่นไอ รักเคล้า เริ่มถักทอ
จำดวงตา สดใส รับใบหน้า
จากแววตา คู่นั้น รักเกิดก่อ
หน้าต่างใจ ดวงน้อย เฝ้าคอยรอ
เปิดรับต่อ นงเยาว์ เข้าครอบครอง
จำสองแก้ม เนียนขาว ราวผิวไข่
บริสุทธ์ สดใส นัยน์ตาจ้อง
ห้วงภวังค์ คล้อยเคลิ้ม ทอดตามอง
แก้มทั้งสอง จดจำ จิตยากลืม
ทุกๆความ ทรงจำ จดบันทึก
ทุกๆความ รู้สึก หัวใจปลื้ม
ทุกๆครั้ง คิดถึง จึงยากลืม
ทุกๆครั้ง ด่ำดื่ม ในห้วงภวังค์
แม้วันนี้ไม่มีเธอ/ทิวากร
9/7/56

ตรมแต่ไม่ตาม

บวบ


ฉันจะรักเสมอไปแม้ไกลแสน
จะหวงแหนเสมอไปแม้ในฝัน
จะติดตามชมชื่นทุกคืนวัน
จะคงมั่นไม่ปันใจให้ใครเลย
ขอเธอจงเคียงอยู่เป็นคู่ฉัน
แค่ในฝันเท่านั้นพลันเฉลย
ขอเธออย่าเอ่ยเอื้อนไปอันใดเลย
ฉันอยากเผยบอกกล่าวความเศร้าตรม
จะขอหยุดความรักเราเท่านี้เถิด
รักควรเปิดหัวใจให้ความหวัง
รักของเธอที่แสนดีมีพลัง
คอยส่งหวังกำลังใจให้ใครกัน
ตลอดมาที่เราเฝ้าถนอม
ความรักปลอมจากเธอละเมอหา
ในใจเธอมีแต่เขาตลอดมา
จนปัญญาจะช่วงชิงวิ่งไล่ตาม

หลงรักมนุษย์เม็นส์

เชษฐภัทร วิสัยจร


หากโหมด-โหดมากแม้น..........ปีศาจ
สาวคลั่ง-สั่งข้าวถาด............ใหญ่แท้
ยังเหวี่ยง-เยี่ยงหวังตวาด.............แฟนตลอด
ด่าใหญ่-ได้อย่าแก้...................โกรธเจ้ามนุษย์เม็นส์

เช่นนี้-ชี้เน้นบอก...............ชายไทย
พบรัก-พักรบใจ...............ระงับกู้
อย่าเถียง-เยียงท้าใคร............หาเหตุ ผลนอ
ยอมก่อน-ย้อนกล่อมสู้.........เสน่ห์สร้างภายหลัง พลังรัก-ผลักรั้งเหตุ...............ให้เห็น ยอมนิ่ง-ยิ่งน้อมเย็น............ย่อมชี้ อย่าเหวี่ยง-เยี่ยงว่าเป็น..............เม็นส์แข่ง เธอนอ หนักรับ-นับรักนี้...............นอบน้อมถวายเธอ

เมื่อนางฟ้าบอกรัก

เชษฐภัทร วิสัยจร


โลกทั้งโลกจึงงดงามด้วยความรัก
เมื่อรู้จักนางฟ้าตรงหน้าฉัน
ที่ฟ้าส่งมาให้ห่วงใยกัน
คือของขวัญคุณความดีในชีวิต
เพราะมีเธอฉันนี้มีความหมาย
ที่เลวร้ายที่ตกต่ำเคยทำผิด
เธอมาเปลี่ยนภาพนิยามและความคิด
เนรมิตเป็นถ้อยคำกำลังใจ
ขอแค่มีนางฟ้าตรงหน้าฉัน
เป็นคู่คิดทุกคืนวันไม่หวั่นไหว
ยิ่งมีแรงสู้ประเด็นความเป็นไป
ฉันจึงมีชีวิตใหม่ในวันนี้
ยิ่งฟังคำนางฟ้าว่าคิดถึง
ยิ่งซาบซึ้งหัวใจไปทุกที่
ฉันยิ่งอยากปรับเปลี่ยนตนเป็นคนดี
เพราะว่ามีนางฟ้ามาบอกรัก

.ลมเช้า....

ทิพย์โนราห์ พันดาว


.ลมเช้า....

ลมเช้าโลมอรุณ กรุ่นแสงสา
ตะวันทาฟ้ากว้างกระจ่างสวย
ลมรินร่ำโปรยรื่นชื่นระรวย
เจ้าแพงพวยไหวดอกหยอกคันนา....
ตะวันงามสาดคลุมสุมทุมไม้ ยะโย้กย้ายร่ายระบำฉ่ำหรรษา บัวหลีกใบหมายเคล้าเจ้า... ภุมรา หมู่หญ้าคาเริงเร้า... เย้าสายลม... น้ำในบึงสงบนิ่งดิ่ง..ล้ำลึก พะวงนึกอารมณ์ทรวงห่วงผสม ณ ภายนอกสงบงามท่ามสายลม ภายในตรมระทมดื่น..พื้นที่ใจ.. คิดถึงเธอแต่บางเบาเพราะเหงาหนัก จากใจภักดิ์ต่อคนดีที่มีให้ ในยามไม่เหงาบ้าง หรืออย่างไร ทวงถามใจคนไกลห่าง บางเวลา....

คนไม่ดี

เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย


เธอปลูกรักปักลงตรงกลางจิต
มโนคิดสร้างรักประจักษ์สม
มีเธอใกล้ใจฉันฉ่ำชื่นรื่นรมย์
มิต้องตรมให้ใจเจ็บเพราะเดียวดาย

แต่วันล่วงคืนผ่านก็ประจักษ์
สิ่งฟูมฟักไม่เหมาะสมแลเสียหาย
เธอมีเมียเธอลวงหลอกให้ฉันอาย
ให้ถูกหมายตราหน้า....ผู้หญิงเลว ปล. เริ่มสร้างเพจ https://www.facebook.com/MaeMuPhuDeiywDay ติดชม หรือเข้าไปคุยได้นะคะ โพสตอบแบบนี้ไม่ค่อยคุ้นอ่า อีกอย่างต้องบิ้วอารมณ์ก่อนแต่ง+ เข้ามาคุยบ่อยไม่ไหว ทำงานเพลียจิต+เหนื่อยกายมากมาย

รอยพิรุณ

ทิพย์โนราห์ พันดาว


รอยพิรุณค้างใบในวสันต์
เหมือนจาบรรณในเราคราวสมัย
เพียงหยดหยาดชำแรกก็แปลกใจ
ติดตรึงในทรวงซ้อน..ซ่อนอำพราง...
บนทางเก่ากลายร้างมาห่างเหิน
ออกย่ำเดินเดี่ยวด้นจนรุ่งสาง
เพียงหยดหยาดค้างใบในปลายทาง
คืนเลือนลางจางไป..ใจชื่นเย็น...
และแล้ว...แสงสุรีย์สาด.ก็ราดร้อน
จำต้องซ่อนอารมณ์ในมิให้เห็น
แสร้งแย้มรับแสดง..แสร้งว่าเย็น
ฤทัยนเร้นให้ร้อนรุ่ม.. สุมอกทรวง
เช้า..หลังพายุฝนในค่ำคืน...
หน้า / 50  
ทั้งหมด 839 กลอน