กลอนอกหัก รักหวานซึ้ง

สบตา

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


ตามองตาพาให้ใจสะทก
ตื่นตระหนกดั่งตากวางคว้างหวาดไหว
เหมือนตานกหลงฟ้าเวหาไกล
เกรงอันใดไม่เกรงเท่าเขารู้ตา
จึงมองผาดผ่านไปกระไรเลย
ทำอย่างไรใจเอ๋ยไม่เคยกล้า
หากยังขลาดแม้แต่แค่สบตา
ก็อย่าหวังวันข้างหน้า ว่าสบใจ

ความคิดถึง ปราณีใครที่ไหนบ้าง

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


รู้ว่าต้องเจ็บมากหากคิดถึง
แล้วเราจึงเตือนใจว่าอย่ากลับหวน
หากไปแล้วภาพในฝันพลันย้อนทวน
เจ็บล้วนๆนี้โทษใครไม่ได้เลย
อย่าไปเลยถิ่นที่เก่าเราเคยผ่าน
อย่าทำหาญเยือนเหย้าพักที่รักเผย
อย่าทำเป็นไม่ปวดใจดั่งไม่เคย
อย่าหยอกเย้ยยั่วเย้าความเศร้าตรม
ความคิดถึง ปราณีใครที่ไหนบ้าง
ความอ้างว้างห่างเหินนั้นเกินข่ม
ความคิดถึงจึงล้นหลามลามอารมณ์
ตราบสิ้นลม ตรมสิ้นรักตระหนักใน
โบราณว่า ความรู้ท่วมหูหัว
ยังเอาตัวไม่รอดได้ไฉน
นี่ความรักท่วมทั่วทั้งหัวใจ
มันจะรอดอย่างไรไหว นะใจเอย

จดหมายรัก

Saran


อยากให้รู้ว่ารักและคิดถึง
จึงทำซึ้งหยิบปากกาออกมาเขียน
กลั่นเป็นคำจากใจแล้วร้อยเรียง
ด้วยสำเนียงเรียบง่ายแต่ใจจริง
ย่อหน้าแรกส่งผ่านความรู้สึก
ลึกลึกแล้วข้างในฉันใจหาย
ถึงวันนี้ไร้เธอแนบเคียงกาย
หนาวไม่วายทุกวันคืนทุกคืนวัน
ย่อหน้าสองเขียนถึงความห่วงใย
ที่มีให้ไม่จางแม้กาลผัน
ต่อให้นานดาวหมดฟ้าร้างรากัน
หัวใจฉันยังคงอยู่ที่เธอ
หน้าถัดมาหัวใจมีคำทัก
ว่ายังรักคอยห่วงอยู่เสมอ
แม้ตัวไกลไร้โอกาสผ่านพบเจอ
หลงละเมอถึงเธอทุกคืนวัน
รอยยิ้มหวานที่เธอเคยให้ฉัน
พบกับมันทุกคราที่นอนตื่น
จะเก็บไว้ไม่มีวันมอบให้คืน
ใส่ห่อผืนผ้าสวยในหัวใจ
ย่อหน้าท้ายลงท้ายคำว่ารัก
ให้ประจักษ์ให้รู้แจ้งถึงความหมาย
ปิดผนึกใส่ซองแนบดวงใจ
วอนสายลมส่งไปให้ถึงเธอ
ส่งถึงเธอผู้ซึ่งเป็นที่รัก
จดหมายฝากจากใจมีคำถาม
แม้นเธออ่านครั้งใดเห็นข้อความ
ตอบกลับมาถึงฉันจากใจเธอ

ดอกฟ้า

Saran


ดอกฟ้าเอยเจ้าสูงไปไกลลับตา
สุดปัญญาจะเหนี่ยวโน้มลงมาหา
เป็นดอกไม้ที่งดงามบนนภา
ไม่คู่ควรจะลงมาสู่แดนดิน
เกสรงามสีสวยดั่งดวงหน้า
กลีบดอกฟ้าหอมหวนชวนถวิล
หมู่แมลงแฝงใกล้หวังราคิน
เวียนวนบินหมดสิ้นต่างเฝ้ามา
เปรียบบนนั้นไกลเหลือเกินจะไขว่คว้า
เหวกับฟ้ามิอาจเอื้อมแตะถึง
เหลือแค่เพียงห่วงใยครุ่นคำนึง
จากผู้ซึ่งอยู่ไกลที่เฝ้ามอง
ขอให้เธอเจอรักมิลวงหลอก
อย่าได้ชอกเจ็บช้ำเศร้ามัวหมอง
แม้นน้ำตาของเธอไหลเอ่อนอง
มีอีกคนที่ต้องปวดหัวใจ
ถึงอย่างไรยังรอเพื่อคอยถาม
กี่หมื่นล้านโมงยามไม่ไปไหน
ต่อให้นานตราบนานแม้สิ้นใจ
หวังเพียงให้สักครั้งเธอเหลียวมา

อย่า!ได้ไหม

แทนคุณแทนไท


อย่าเห็นฉันนั้นเป็นคนกั้นเหงา
หัวใจใช่ว่างเปล่าเท่าที่เห็น
ถ้าเธอเห็นในแววตาที่ฉันเป็น
เธอจักรู้ว่าฉันเร้นลำเค็ญใจ
โทรศัพท์รับสายปลายทางนี้
คนโทรมายังมีหัวใจไหม
ถึงไม่รู้ว่าเรื่องราวที่เป็นไป
คนรับสายปวดใจไม่ต่างกัน
เถิดอย่าเพียงแค่เหงาจึงโทรหา
อยากระบายก็โทรมาเวลานั้น
มีไหมคำ คิดถึง ห่วงใยกัน
ให้หัวใจซ่านสั่นวันได้ฟัง
ถ้าเป็นได้แค่คนไว้แก้เหงา
ค่าแค่เบอร์ให้คลายเศร้าไร้ความหวัง
ถ้ามีนะ แค่น้อยหนึ่งคงซึ้งจัง
คำที่ทำให้คนฟังรู้สึกดี
สบายดีหรือเปล่าเหงาหรือไม่?
เจ็บป่วยหรืออย่างไรในวันนี้?
เป็นอะไรไยเสียงไม่เข้าที?
หรือเธอมีปัญหาใดให้บอกมา?
คิดถึงนะ ไม่เห็นหน้าหลายวันแล้ว
ฉันนับวันคืนแพร้วจะไปหา
คืนนี้พบกันในฝันตามสัญญา
หนาวฉันก็จะห่มผ้า เหมือนห่มเธอ
อย่าเห็นฉันนั้นเป็นคนกั้นเหงา
รู้หรือเปล่าเธอสำคัญมั่นเสมอ
ขออย่าเอาความภักดีไปบำเรอ
อารมณ์เศร้าของเธอยามเหงาใจ
MV ส่งใจ ...
http://www.youtube.com/watch?v=zsV4AJKPooI

ตายังมีความหมาย ในสายตา ถึงแม้ว่าสิ้นความหมาย ในสายใจ

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


"เมื่อขาดเธอไป..
อยู่ที่ไหนก็เหงา*"
ยังจำภาพเธอได้ในเพลงเก่า
เพลงที่เรา เคยพร้องร้องพร้อมกัน
เคยรักมาก เท่าไรในใจนี้
เคยฝันดี ที่ฝันใฝ่ในใฝ่ฝัน
เคยซุกซอนซ่อนรักไว้ในคืนวัน
ไม่เคย..ฉัน ไม่ลืมแค่แม้นาที
ไม่เคยลืมละเลยที่เคยรัก
ไม่เคยพักใจปลีกหรือหลีกหนี
กี่ปีผ่านนานเคลื่อนกี่เดือนปี
แต่ใจพี่ยังไม่แพ้แก่เวลา
มองที่ว่างระหว่างที่ใจพี่ว่าง
ตาอ้างว้างยังมีหวังพลังกล้า
ตายังมีความหมาย ในสายตา
ถึงแม้ว่าสิ้นความหมาย ในสายใจ
* บางตอนพลงจากโฆษณา เครื่องดิ่ม เป๊ปซี่ สมัย พ.ศ. 2526
http://www.youtube.com/watch?v=9eiyuVKEebI&feature=related

จำไว้หนำประจำใจไว้ประจาน ว่าร้าวรานลึกล้ำเพราะ จำ-เลย

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


เจ็บเท่าไรใจนี้หนอก็ไม่จำ
ทุกข์กระหน่ำย่ำใจให้ชาด้าน
ช้ำแสนช้ำกระหน่ำท้นก็ทนทาน
เพียงไม่นานก็อภัยที่ใครทำ
ไม่จำเจ็บไม่เก็บแค้นให้แน่นทรวง
แม้เจ็บล่วงค่ำยันเช้ายาวหลายค่ำ
จำแต่รัก ไม่จำร้าย คล้ายไม่จำ
คิดย้ำคำ ต้องผ่านเลยที่เคยราน
ให้ผ่านเลยใจเคยรานผ่านให้หมด
ไม่เก็บกดอาการไว้ให้ฟุ้งซ่าน
จำ-เลยไป ไม่จำใจในวันวาน
ผ่านวันผ่าน ทุกข์หายสบายใจ
แล้วลมรักก็พัดหาย้อนมาหวน
พัดย้อนทวนกลิ่นรักเก่ามาเย้าใหม่
ใจเปี่ยมหวังไม่ระวังยั้งระไว
ที่ไหนได้ เพียงลมหลอกมาหยอกเรา
เจ็บคราวนี้จะโทษใจใครไม่ได้
จำเลยร้าย คือใจนี้ที่โง่เขลา
เพราะไม่จำ ที่ช้ำใจแม้ไม่เบา
บทเรียนเก่า ที่หลอกลวงหมดดวงมาน
เจ็บนี้หนอขอ "จำใจ" ไว้ที่นี่
เป็นครั้งที่เจ็บชัดอย่างจัดจ้าน
จำไว้หนำประจำใจไว้ประจาน
ว่าร้าวรานลึกล้ำเพราะ "จำ-เลย"

ทนพิษบาดหมาง ไม่ไหว..

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


เคยเป็นคนทนเข้มอย่างเต็มข้น
สู้อดทนรับแผลได้หลายสิบแผล
สู้เมื่อไหร่ใจเพียงสู้ไม่รู้แพ้
กายย่ำแย่ แค่ก้ำกึ่งไม่ถึงตาย
แผลที่กาย แค่ไหนก็พอทำเนา
เพราะใจเรา ยังพอรั้งไม่พังพ่าย
แต่วันนี้เธอทิ้งไปใจจะวาย
ทนพิษบาดหมางไม่ได้..  จะตายแล้ว
เห็นคนลง status ใน fb แล้ว น่าสนใจเอามาแต่งกลอน แต่ คำมีหกพยางค์ และไม่คล้องจอง แถมเป็นคำเสียงยาว เลย ฝืดๆไปหน่อย

หากจะไป ขอหมดลม ตรงหน้าเธอ

ทะเลลม


รักกันมา เนิ่นนาน เมื่อกาลผ่าน
มีทั้งหวาน ทั้งขมระทมบ้าง
แต่ไม่เคย คิดร้างไป ไกลหนทาง
ยังร่วมสร้าง ทางฝัน ของสองเรา
แต่วันนี้ มีเรื่องราว ที่เราสอง
ไม่อาจมอง เห็นทาง สว่างจ้า
อุปสรรค มากมาย ก่ายกองมา
ก็หวังว่า จะฝ่าไป เคียงคู่กัน
ใช้พลัง ความหวัง และความฝัน
เข้าฝ่าฟัน ก้าวไป ในข้างหน้า
เพื่อหวังกอบ กู้ความสุข เราคืนมา
หวังว่าฟ้า คงเปิดทาง ให้กับเรา
จะเนื่อยกาย ทุกยาก ลำบากจิต
ไม่เคยคิด ท้อถอย ให้ห่างหาาย
ยังเอาแรง มุ่งสู้ เหงื่อโทรมกาย
ยังไม่ตาย คงผ่านไป ใด้สักวัน
มาวันนี้ มีบางอย่าง ได้บังเกิด
ทางที่เปิด ขึ้นมา ด้วยใจฝัน
คนที่มา บั่นทอน หัวใจกัน
คือเธอนั้น ที่ฉันหวัง กำลังใจ
ความลำบาก ทำเธอ เริ่มท้อถอย
จากที่คอย ห่วงใย ไม่หน่ายหนี
เธอที่เคย คอยเป็น เส้นชีวี
มาวันนี้ เธอคนนี้ ได้เปลี่ยนไป
เริ่มมีความ เหินห่างขึ้นกลางจิต
ด้วยเธอคิด ปันใจไปใช่ไหม
เริ่มมีคน มาใหม่ ให้เปิดใจ
อยากจะไป ไกลจากฉัน หรือคนดี
ทั้งที่เคย รักกัน เป็นมั่นเหมาะ
หรือจะเพราะ ลำบากไป งั้นใช่ไหม
จึงเปิดรับ ใครอีกคน ที่หัวใจ
รู้บ้างไหม มันทำร้าย หัวใจกัน
ฉันหมดแรง สิ้นพลัง จะสู้ต่อ
แสนทดท้อ ห่อเหี่ยวใจ ทนไม่ไหว
ความอ่อนแอ ถาโถม สู่หัวใจ
รู้บ้างไหม แทบอยากตาย ไปจากกัน
ตั้งแต่วัน ที่รู้ ผู้มาใหม่
แทรกมาใน หัวใจ ของเธอนั้น
ต้องอยู่อย่าง ไร้เรี่ยวแรง แหล่งพลัง
หมดความหวัง สู้ต่อไป เพื่อใครดี
ทุกๆวัน ต้องคอย หวาดระแวง
กลัว

วันนี้เมื่อปีก่อน

คนกรุงศรี


จากวันนั้น ถึงวันนี้ หลายปีพ้น
ดวงกมล สู้ข่ม ความขมขื่น
เพราะฤทัย ใสพิสุทธิ์ มีจุดยืน
แม้กล้ำกลืน ทุกข์ตรม ก็ข่มเอา
เพราะความหลัง ฝังใจ มิวายคิด
เหมือนสถิตย์ อยู่ท่าม กลางความศร้า
ทุกข์หรือสุข อยู่เคียง เพียงสองเรา
บางครั้งหนัก บ้างเบา ก็เข้าใจ
ณ.วันนี้ พี่อยู่ คู่กับเจ็บ
แม้หนาวเหน็บ ทนอยู่ เธอรู้ไหม
ต้องโดดเดี่ยว เอกา สุดอาลัย
ด้วยเธอไป ไกลลับ มิกลับคืน
เมื่อวันนี้ ปีเก่า เรามีสุข
คอยปลอบปลุก แรงใจ ให้สดชื่น
แต่วันนี้ พี่ซ้ำ สุดกล้ำกลืน
วันสดขื่น ครั้งหลัง ยังฝังจำ
หนาวลมเหนือ เมื่อสาง ช่างสับสน
เคยกังวล ห่วงเจ้า เฝ้าพูดพร่ำ
สิ่งใดถูก ใดดี ช่วยชี้นำ
ทุกถ้อยคำ ย้ำอย่าง ผู้หวังดี
ไม่กังวล ไม่ห่วงใย ไม่ไต่ถาม
เหลือเพียงความ หงอยเหงา เศร้าสุดที่
กับคิดถึง สุขเก่า เราเคยมี
อีกกี่ปี จะคลาย ……หายอาดูร

ห่วงใย

ผ.อ.สมพิศ


เดือนสิบเอ็ด ย่างกราย ปลายหน้าฝน
สายลมวน พัดล่อง ลงต้องผิว
มองข้าวกอ ช่อไสว เอนใบปลิว
แลลิบลิ่ว เขียวขจี ที่ปลายนา
หนาวลมเหนือ เมื่อก่อน ตอนปีเก่า
เคยนั่งเศร้า สิ้นสุข ทุกข์นักหนา
ทั้งหนาวนอก เหน็บใน ใจวิญญา
วันนี้มา  บรรจบ พบอีกคราว
คนมีคู่ เคียงกัน มิหวั่นไหว
แต่ฉันไร้ เราจึง ถึงทนหนาว
อยู่คนเดียว อ้างว้าง อย่างยืนยาว
เจ็บปวดร้าว กมล จนชาชิน
พอหนาวกาย คลายด้วย ผ้าผวยห่ม
เมื่อหนาวลม ฝากั้น มันก็สิ้น
แต่หนาวใจ รักเลาะ มาเกาะกิน
จะหันหิน หน้าไป พึ่งใครเอย
จะแก้หนาว ให้อุ่น ต้องหนุนแขน
มีสาวแทน ต่างหมอน นอนเขนย
แอบอกอุ่น เนื้ออ่อน นอนเสบย
ก็มิเคย คิดไว้ เมื่อไรกัน
นั่งเขียนกลอน ตอนดึก รู้สึกเหงา
คิดถึงเขา อยากรู้จัก เพื่อนนักฝัน
หนาวจะเยือน เดือนนี้ ไม่กี่วัน
สาวคนนั้น ฉันห่วงใย รู้ไหมเธอ
ผอ. สมพิศ
พระนครศรีอยุธยา

เก็จถะหวา

กันนาเทวี


ปลูกดอกไม้ไว้ต้นหนึ่ง    ไม่เคยซึ้งถึงคุณค่า
ปลูกรักด้วยใจปอง         หวังเคียงครองเปี่ยมศรัทธา
ทุ่มเทด้วยใจคอย           วันเดือนคล้อยกาลเวลา
กลิ่นหอมอวลตามลม       ได้ชื่นชมสมเจตนา
ดอกขาวพราวพิสุทธิ์        ชื่อดอกพุดหรือเก็จถะหวา
ต้นกล้าเจ้ากร้านแกร่ง       ฤๅร้อนแล้งไร้วาสนา
ขาดฝนคนใส่ใจ              เป็นดอกไม้ธรรมดา
รกร้างหญ้ารกเรื้อ            ผึ้งผีเสื้อมินำพา
ก้านใบยังชูช่อ               ยืนต้นรอฝนหลั่งมา
ดินดอนรากหยั่งลง         เจ้ายืนยงคงชีวา
ชุ่มเอยชุ่มน้ำฝน            น้ำใจคนทักทายมา
คำคุ้นยังมิลืม                ใจสุดปลื้มเคยสัญญา
อยากปลูกรักถนอม        ชิดดมดอมเจ้าเก็จถะหวา
วาจาแท้คือลม              หลงจ่อมจมเศร้าอุรา
รักแท้คืออะไร              อยู่ที่ไหนกันเล่าหนา
สุขแท้คือการให้            รักห่วงใยร่วมฟันฝ่า
คิดถึงด้วยใจมั่น            เข้าใจกันซึ้งสัจจา
ต่างคนทำหน้าที่            ไกลแสนลี้ห่างแค่ตา
แรงใจเปี่ยมพลัง            ให้สมหวังทุกทิวา
ห่วงกันมั่นเสมอ             ขอให้เธอเดินก้าวหน้า
รอยทางมากขวากหนาม  ให้ฝ่าข้ามภัยนานา
ฝากย้ำดูแลตน              ยามดั้นด้นผ่านมรรคา
ชีวิตแม้อดทน               ควรผ่อนปรนรู้คุณค่า
พักเพียรเป็นกำลัง          ยามสิ้นหวังและอ่อนล้า
ปลูกดอกไม้ไว้ต้นหนึ่ง     ใจสุดซึ้งปรารถนา
ปลูกรักรอรื่นรส              ถักร้อยบทอักษรา.....

ตกอยู่ใน ฤดู...เหงาฤดี

จ้อง - เจรียงคำ


ดวงตะวัน..ผันเวียน...แดด  เปลี่ยนทิศ
แต่ดวงจิต..เปลี่ยนทาง...คว้างสับสน
เหมือนไม่เคย..เปลี่ยนทัน...ผันใจพ้น
จากวังวน ความเปลี่ยว...อันเดียวดาย
โลกส่วนต่าง...ยังคงดำรงอยู่
ผลัดฤดูผันจาก...ความหลากหลาย
แต่กับ  โลกส่วนตัว...มืดมัวคล้าย
คนโชคร้าย..จมอยู่ ฤดูเดียว
สภาพอันอ้างว้าง...คราร้างคู่
ผันเข้าสู่ความท้ออันห่อเหี่ยว
บรรยากาศแต้มขีดแต่ซีดเซียว
คนยึดเหนี่ยว..เหลียวแล...ไร้แม้เงา
เหมือนต้องทัณฑ์...ร่ำไป...ให้ครองโสด
เหมือนต้องโทษ...ซ้ำสอง...ให้ครองเศร้า
เหมือนข้อหาฉกรรจ์...เกินบรรเทา
เหมือนรุกเข้าชีวัน..หมายบั่นทอน
ตกอยู่ใน ฤดู...เหงาฤดี
ปกคลุมที่ ทรวงใน สุดไถ่ถอน
กินก็ขื่น..ตื่นก็เศร้า..เหงาก็นอน
คล้ายวงจร ถูก-วาด...ให้ขาดรัก
ในหัวใจลึกลึก...นึกแล้วร้าว
แต่ละก้าวหนาวเหน็บ...เกินเก็บกัก
ยามอ่อนล้า...หาไหล่ไหนพิงพัก
หาอ้อมตักไหนนอน...ยามอ่อนโรย
ทั้งที่มีหัวใจ...เหมือนใครหมด
ฟ้ากำหนดหรือไร...ต้องไห้โหย
เมื่อไหร่ความร้าวรวด...ที่หวดโบย
จะถูกแทนที่โดย…หนึ่งผู้ใด
ถ้า! ผลัดเปลี่ยนเวียนสู่...ฤดูรัก
ฤดีจักซื่อตรงอสงไขย
สมกับที่ถวิลแทบสิ้นใจ
ถนอมไว้ร่วมเรียงเคียงประคอง
อยากเอ่ยคำว่ารัก..ดูสักหน
อยากเป็นคนหนึ่งที่...มีเจ้าของ
อยากจะสาน สายใย...สายตามอง
อยากผูกคล้อง สองใจ...ไว้ผูกพัน
อยากห่วงใยไถ่ถามยามใกล้ชิด
อยากร่วมคิด..ร่วมเคียง..ร้อยเรียงฝัน
อยากใช้แขนที่ว่าง...เกี่ยวข้างกัน
อยากเป็นคนสำคั

"ขอโทษ"

แทนคุณแทนไท


ขอโทษ
คิดว่าใครขึ้งโกรธไปถึงไหน
ถ้าหัวใจลองได้นึกรักใคร
เธอไม่ต้องเหนื่อยใจมาง้องอน
ถ้าฉันรู้ว่าใจสบายแล้ว
จะกลับมาหนุนตักแก้วเหมือนวันก่อน
แต่วันนี้ใจยังรินรินรอน
ขอห่างเธอไว้ก่อนเดี๋ยวอ่อนแอ
อย่าขอโทษ
ฉันอาจโฉดชั่วดีย่อมมีแน่
ขออภัยที่วันนี้ไม่ดูแล
เพราะไม่อยากรังแกกระแสจินต์
ความนึกคิด
ถึงได้เงียบเชียบสนิทในถวิล
ที่โหยหาเหมือนฟ้าอยู่ไกลดิน
แต่ได้กลิ่นหอมล้นหลังฝนโปรย
ใจหาย
คิดถึงวันอยู่ใกล้ให้หายโหย
มาไกลกันนับวันยิ่งฝันโรย
ต้องรีบโบยบินกลับไปรับคำ
ว่าอภัย
สารภาพความในที่ไหวส่ำ
ในละเมอยังเผลอประจานจำ
ชุ่มดวงตารินร่ำฉ่ำหมอนรอง
คิดถึง
ทรมานปานประหนึ่งอกขึ้งหนอง
รู้แล้วว่าโลกนี้ที่ฉันปอง
มีเธอนั้นหมายครองตลอดไป
วันนี้
ฉันจักเล่าใจที่มีให้ฟังไหม
ตั้งแต่เมื่อแรกพบผิแผกไป
จนล่วงมานานไกลในหลายวัน
ครั้งแรก
ใจฉันแปลกเหมือนใครสมัยนั้น
ที่เคยบอกว่าย่อยแยกกว่าใครกัน
รู้ว่าใจสั่นสั่นรู้สึกดี
ส่วนลึก
ในรู้สึกส่วนถ้อยใช้สร้อยศรี-
สุนทรคำมาซ้ำย้ำความมี
ฉันจักพลีจำแนกแจกแจงใจ
ครั้งแรก
เราคือคนที่แปลกหน้ามาใหม่
มาทายทักรักไมตรีมีมาลัย
คล้องประทับกันไว้ห้อมอารมณ์
มีน้ำใจโอบเอื้อเฟื้อน้ำมิตร
สนมสนิทคิดว่าสนิทสนม
ในจินต ภารภาพเหมือนฉาบมนต์
ฟ้าดาลดลให้ได้พบน้ำใจงาม
เมื่อมีทุกข์
ก็ปลอบปลุกป่วนปั่นไม่หวั่นหวาม
และเสมอไม่เคยจะเลยลาม
ทุกนิยามความรู้สึกลึกลึกมี
ยามป่วยเจ็บมาเยี่ยมเต็มเปี่ยมจิต
อยูใกล้ชิดแ

รู้เจ็บใจแต่ไม่รู้อะไรเลย ว่าเธอเคยรู้บ้างไหม ..รู้ใจกัน

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


เข้าในใจเต็มที่เข้าที่ใจ
ว่าต่อวันแต่นี้ไปใจคงเหงา
เมื่อขาดแล้วคนเคยเคียงเพียงเป็นเงา
รู้ต้องเศร้าแน่ๆดวงแดเอย
แต่ไม่รู้จะต้องเศร้ากี่เนานาน
กี่วันพรุ่งเผชิญผ่านราญร้าวเอ๋ย
รู้เจ็บใจแต่ไม่รู้อะไรเลย
ว่าเธอเคยรู้บ้างไหม รู้ใจกัน

คืนนี้เหงาเท่ากันไหม

ยาแก้ปวด


คืนนี้ไม่มีจันทร์
บนฟ้านั่นสว่างไสว
แต่ไม่เห็นหัวใจ
ของบางใครในคืนจันทร์
บนฟ้าคงไม่เห็น
หัวใจเต้นใช่แค่ฝัน
นับนาทีที่ใกล้กัน
จะมีฉันบ้างไหมเธอ
คืนนี้เหงาเท่ากัน
คงมีฉันตรมเศร้าเสมอ
ระหว่างฉันคงไม่เจอ
ไม่มีเธอไม่มีใคร
คืนนี้ไม่มีจันทร์
ปล่อยใจฉันเคว้งไปไหน
คิดถึงบางคนของบางใคร
ปล่อยหัวใจล่องคิดถึง
นับดาวบนฟ้าฟาก
คิดฝากรักละไมซึ้ง
ฝากรักอันตราตรึง
ฝากคิดถึงผ่านลมไป
แต่คืนนี้ไม่มีจันทร์
ไม่มีฉันและเธอให้
คิดถึงและห่วงใย
เมื่อหัวใจไม่มีกัน..

อยู่ที่นี่หรือที่นั่นก็หวั่นไหว อยู่ที่ไหนก็ไหวหวั่นถึงวันหวาน

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


ยังมีรักเหลือบ้างไหมในคำ "รัก"
ยังหวังจักสมหวังไหมในสิ้นหวัง
หมดไม่เหลือคำปลอบใดให้พลัง
ใจจะรั้งอยู่เยี่ยงไรเมื่อใจราญ
อยู่ที่นี่หรือที่นั่นก็หวั่นไหว
อยู่ที่ไหนก็ไหวหวั่นถึงวันหวาน
วันผ่านเลย ลับไม่หันอย่างวันวาน
มีแต่หว่านโศกใส่ในวันเวียน
จะมีใจของใครเล่าเศร้ากว่านี้
เขียนกวีตรมไหม้ใช่อยากเขียน
เจ็บเจียนใจจะขาดห้วนก็จวนเจียน
วันคืนเปลี่ยน เจียนสิ้นใจไปทุกวัน
ปลีกใจจากโลกจริงทิ้งไปก่อน
ยังอาวรณ์ซ่อนอาศัยในความฝัน
เป็นที่ที่รักยังชื่นชื้นชีวัญ
ณ ที่นั้น ฝันแจ่มจ้าจริงกว่าจริง
หน้า / 50  
ทั้งหมด 839 กลอน