อารมณ์รักเป็นเช่นไรไม่รู้จัก ยามอกหักเจ็บเพียงใดไม่รู้เห็น ดวงตาบอดเพราะรักไม่เคยเป็น หัวใจเต้นเมื่อเจอใครไม่พบพาน แล้ววันหนึ่งกามเทพเล่นตลก เล็งตรงอกแผลงศรจนอ่อนหวาน ฉันมีเธอคู่คิดจิตสำราญ ทอสายใยเบ่งบาน ณ ลานใจ หารู้ไม่เธอแค่เหงาเข้ามาคบ ไม่คิดสบสายตาให้หวั่นไหว คุยกับฉันแต่มีเขาอยู่ทั้งใจ เอ่ยคำรักทำไมหากไม่จริง หรือเพราะเขาเผลอทำเธอช้ำชอก คำที่บอกเพียงก่อกองไฟผิง ฉันเป็นตัวแทนเขาเคล้าแอบอิง ทำทุกสิ่งลงไปใยไม่ตรองรู้บ้างไหมใครคนหนึ่งคิดลึกซึ้ง เมื่อวันลามาถึงจึงหม่นหมอง หยาดความเศร้าเข้ามาน้ำตานอง แก้มทั้งสองเปรอะเปื้อนคราบคำคน จนเผลอตนทำไปดูไร้ค่า ยังอุตส่าห์ห่วงใยแม้ไม่สน รู้ทั้งรู้ใจเธอช่างวกวน แค่หนึ่งคนหนึ่งใจไม่น่าจำ ใยถึงยังอยากยืนอยู่เคียงข้าง ในยามเธออ้างว้างชวนยิ้มขำ ความรู้สึกปวดร้าวขอเก็บงำ ไม่แสดงความช้ำจากภายใน ความผูกพันวันนี้ยังมีอยู่ คอยเฝ้าดูทุกก้าวคราวเคลื่อนไหว ภาวนาให้ลืมเธอได้เร็วไว ให้หัวใจแรมร้างเหลือเพียงเงา ขอส่งใจให้เธอมีแรงสู้ มีแรงอยู่แม้วันนี้อาจไร้เขา เหมือนที่ฉันฝืนอยู่แม้ไร้เรา ก็แค่เหงาเหมือนเดิมไม่เป็นไร ฉัน : ^_^ เธอ : - - ฉัน : ^_^ เธอ : - - ........................ ....................... ........................ ....................... ...................... ( ฉัน : T_________T )
ยามลมหนาว โปรยหวล ชวนคิดถึง ในคำนึง ความผูกพัน ยังหวั่นไหว ทุกเรื่องราว ในยามพราก จากคนไกล ร่ำพิไล เย้ายวน ครวญเหมือนลม.... นับวันจาก จวบวันนี้ หลายปีผ่าน ความร้าวราน มิเจือจาง ยังค้างขม ยามลมหนาว โปรยปราย ร่ายภิรมย์ ความระทมย่างก้าว ร้าวทุกที.... รอยอดีต ของความหวาน ที่ผ่านหาย ไม่ละลาย กลับฝังห้วง ดวงใจนี้ ยามรำลึก นึกย้อน อ่อนทุกที ใจดีดีเคยมั่น กลับหวั่นลง... ลมหนาวโรยโปรยลูบ จูบใบหน้า คราบน้ำตาความห่วงใยอาลัยหลง คืนวันผ่าน ใจกลับปลื้ม ลิมไม่ลง จิตจำนง คงมั่น ฝันเรื่อยมา...... ในยามนี้ คนไกลอยู่ไหนเล่า รู้ไหมเจ้า ดวงใจ ใครเพ้อหา หวังคนดี ตอบพจน์ กำหนดมา ถึงโนราห์คนเก่า ที่เหงาใจ.... ยามลมหนาวโปรยหวลชวนคิดถึง เธอคำนึง ถึงรอยฝัน ครั้งนั้นไหม ในวันนี้ แม้ฝันจาง บนทางใจ อุ่นอวลไอ รักหวล ยังครวญคราง... ทิพย์โนราห์ พันดาว .....
ในทุ่งกว้างคว้างไกลไร้ขอบเขต มีอาเพทมากมายหลายสถาน มีสุขทุกข์ โศกเศร้า แลร้าวราน มีล้มลุกคลุกคลานมีซานซม ท่ามแดดจ้าฟ้าใสแต่ใจหม่น คิดถึงคนเคยชิดจิตขื่นขม มันเวิ้งว้างคว้างเปล่าร้าวระบม อยู่อย่างคนทนทุกข์สุขเร้นไกล แต่กับความลึกซึ้งครั้งหนึ่งนั้น ยังประหวั่นพรั่นจิตคิดไฉน ความหวานปานน้ำผึ้งยังตรึงใจ คล้ายมันไหลรินหลั่งทั่วทั้งฟ้า ตราบจนวันจันทราเลือนลาลับ ดาวจะดับลับดวงสิ้นห่วงหา นิยายแห่งทุ่งกว้างก็ร้างรา เหมือนศรัทธาจากใจใครบางคน
พัทยา หน้าหนาว เมื่อคราวนั้น ขณะฉัน ยังสาว พราวเสน่ห์ มาพักผ่อน กินลม ชมทะเล ยามโพล้เพล้ พลบค่ำ ฟ้ารำไร พัทยา แห่งนี้ ที่ฉันช้ำ ยังจดจำ ได้ดี คืนปีใหม่ เขามาทัก เกี้ยวพา น่าตื่นใจ จนหวั่นไหว คล้อยตาม ความจำนง คำออดอ้อน เยินยอ ปนฉอเลาะ ช่างไพเราะ รัญจวน ชวนลุ่มหลง เชื่อสนิท สัมพันธ์ จะมั่นคง จิตซื่อตรง ต่อกัน มิผันแปร ณ.ชายหาด คืนนั้น ฉันแพ้พ่าย ยอมมอบกาย หมดหวง หน้าดวงแข ฝากความหวัง พร้อมพลี ฤดีแด เป็นบาดแผล แก่ตัว ชั่วชีวี พัทยา ราตรีนี้ มิมีเขา เจ็บนักเรา สูญรัก สิ้นศักดิ์ศรี เฝ้ารอเขา งมงาย ผ่านหลายปี ยังโศกี เสียใจ ไม่อาจลืม
สัญญารัก จะสำคัญ มากกว่านี้ ถ้าเธอมี ความห่วงใย ให้แก่กัน แต่วันนี้ เธอบอกว่า ไม่รักกัน อะไรกัน ไหนสัญญา รักยืนยง ตัวฉันนั้น คงทำ ได้แค่นี้ ทำความดี ให้กับเธอ ทุกๆวัน แม้ตอนนี้ ตัวเธอนั้น ไม่รักกัน แต่ใจฉัน จะมั่นคง แค่เพียงเธอ แม้ตัวฉัน จะชอกช้ำ มาพอควร ใจเรรวน อย่างเธอ ยังพอทน แต่อะไร ตัวเธอ สัปดน ฉันสับสน กับตัวเธอ จริงๆเลย เธอบอกว่า จะมีใหม่ ใคร่คนอื่น เด็กวานซืน อย่างฉัน ทนไม่ไหว บอกกับเธอ ว่าฉันนั้น จะตัดใจ รักคนใหม่ สบายใจ กว่ากันเอย
มองจันทร์เสี้ยว เกี่ยวฟ้า คราลมล่อง คนหม่นหมอง รำพึง ถึงความหลัง ค่ำนี้ทน ทั้งหนาว ร้าวใจจัง เรไรดัง ดั่งเหมือน มิเลือนไกล หนาวแบบนี้ ปีก่อน เคยอ้อนเจ้า เมื่อสองเรา เคียงกัน ชมจันทร์ใส เจ้าหนาวเนื้อ พี่มี แพรสีไพร หยิบคลุมไหล่ ให้นาง แนบข้างกาย แล้วจันทร์เสี้ยว เลี้ยวลง ตรงทิวไผ่ ลาลับไป ปล่อยดาว ให้พราวฉาย กลิ่นดอกแก้ว ละมุน กรุ่นกำจาย แว่วเสียงคล้าย ขลุ่ยบรรเลง เพลงราตรี จากวันนั้น ถึงวันนี้ หลายปีพ้น เมื่อไร้คน เคียงใจ ไม่สุขี ทุกหนาวเยือน เตือนใจ ในทุกที ถึงคนที่ จากไกล แล้วไม่คืน สัญญามั่น วันก่อน ตอนเคียงใกล้ ทุกถ้อยคำ จำได้ ไม่เป็นอื่น รักของเรา คงยัง ต้องยั่งยืน จะขมขื่น ปวดเจ็บ เก็บในมาน ลมหนาวมา ครานี้ อีกปีแล้ว ยังไร้แวว คนใด ใคร่สงสาร คงจะเจ็บ เหน็บหนาว อีกยาวนาน เขียนกลอนกานท์ ปลอบตน คนหนาวทรวง คนกรุงศรี ฯ ๐๒/๑๒/๒๕๕๔
เพราะไม่รู้เลยหนา...ว่าชอบฉัน พึ่งจะรู้...รักกันวันที่สาย สมองช้าล้าหลัง...ทั้งขี้อาย ผลสุดท้าย...เธอไปไม่กลับมา ฉันขอโทษทำไป...เพราะไม่รู้ ทุกวันอยู่..อย่างเหงาเศร้าหนักหนา โปรดอภัยให้ฉัน..นั้นสักครา ใจร่ำร้อง...เรียกหาอย่าไกลกัน เพราะไม่รู้จริงๆ...สิ่งเธอให้ ซึ่งกลั่นจาก..จิตใจในรักมั่น คอยห่วงใยไต่ถาม...ถึงทุกวัน ทำไมฉัน...มองผ่านการกระทำ พึ่งจะรู้ว่ารัก...ก็มักสาย มันยากเกินอธิบาย....ใช่เหยียบย่ำ ฉันมิได้...ตั้งใจให้เธอช้ำ ขอบอกซ้ำทำไป.....เพราะไม่รู้
ยังห่วงหาอาวรณ์นอนไม่หลับ นอนนับแสงแห่งสรวงห้วงสวรรค์ นับนาทีที่นานยาวราวนิรันดร์ นับคนนั้นเป็นหนึ่งแน่แท้ที่ใจ อยากจะกอด แต่คนไกลไม่อาจกอด ใจเจียนวอดหวิวหวามความหวั่นไหว เคยเคียงกันพลันต้องพรากจากกันไกล ยังหวังไว้ว่าวันหนึ่งจะถึงวัน.. ที่หลับตา ยังรู้ว่าอยู่ใกล้ เพราะหัวใจใกล้หัวใจไร้สิ่งกั้น เมื่อใดใจใกล้ใจสุดใกล้กัน เมื่อนั้น.. ใจเจ้าเอ๋ยจะเผยใจ
คลื่นสายชลพ้นผ่านวันวารก่อน หลายคนจรร่อนเร่พลัดถิ่นฐาน แม้นน้ำใจไหลท่วมอ่วมสายธาร สูญเสียบ้านอาศัยไว้อยู่กิน เราร่วมด้วยช่วยเหลือเจือจุนแล้ว มิคลาดแคล้วห่วงใยในทรัพย์สิน ต้องลำบากยากไร้ในชีวิน ขอให้สิ้นเวรกรรมที่ทำมา วิกฤตนี้ตีแผ่กระแสคลื่น ยามหลับตื่นฝืนทนคนห่วงหา ฉันอยู่รอดปลอดภัยในกายา พ้นธาราแผ้วพานระรานกัน เธออยู่ไหนใครเลยจะล่วงรู้ มิอาจดูให้เห็นเช่นในฝัน เพียงคำรักจากใจได้แบ่งปัน ร่วมฝ่าฟันทุกข์ยากที่มากมี ประเทศเราบอบช้ำระกำนัก เกินห้ามหักหัวใจไม่ถอยหนี แม้นมากล้ำน้ำตาในวารี สร้างสิ่งดีเข้มแข็งเป็นแรงใจ เห็นผองเพื่อนร่วมทุกข์มีสุขแล้ว แต่วี่แววเธอเล่าเฝ้าอยู่ไหน ฉันยังมีวิกฤตติดค้างใจ เสาะหาไปใต้ฟ้าธาราธร มอบด้วยใจในรักและคิดถึง ที่สุดซึ้งในทรวงดวงสมร คลื่นเหนือน้ำย้ำใจให้แรมรอน ไม่บั่นทอนความรักประจักษ์จริง ก่อนอรุณเบิกฟ้าจะมาถึง ตะวันซึ่งทอแสงแห่งทุกสิ่ง กระแสรักในใจได้พักพิง ใช่ถูกทิ้งจมหายในสายชล
ในสายตา ของเธอ ฉันนั้นชั่ว คิดแต่มั่ว กามารมณ์ อยู่เสมอ หมดซึ่งรัก เยื่อใย จากใจเธอ พร้อมเสนอ ทางออก บอกเลิกกัน ในสายตา ของเธอ เขานั้นดี เอ่ยวจี แสนอบอุ่น ละมุนฝัน ให้กำลังใจ ปลอบใจ ทุกวี่วัน เธอสุขสันต์ อยู่ใกล้เขา สบายใจ พูดกับฉัน เธอบอก แสนอึดอัด เบื่อชะมัด เอ่ยปาก ยากไฉน เธอเฝ้าถาม ฉันไม่ตอบ อึดอัดใจ ต่อนี้ไป ขอปฏิวัติ จัดให้คืน ในสายตา ของฉัน เธอแปรเปลี่ยน ไม่แวะเวียน เหมือนเก่า เศร้าสุดฝืน เฝ้าเรียกร้อง วันเก่า ย้อนกลับคืน นอนสะอื้น ชอกช้ำ ระกำทรวง ในสายตา ของฉัน เขาก็ชาย มีที่หมาย เหมือนกัน ขอทักท้วง มีกาเมความรักอยากทั้งปวง ใจหมายล่วงล้ำหญิงยามหลับนอน ฉันขอเอ่ย ยอมแพ้ แน่นอนนัก จำใจพัก ต่อสู้ มิ่งสมร แต่ขออยู่ เพื่อลูก นะบังอร โปรดอาทร สักนิด หากคิดคืนดี ฯ อรุโณทัย ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔
แหวนนี้ พี่สวมให้ จองขวัญใจ หมั้นไว้ก่อน หนาวหน้า อย่าเกี่ยงงอน พี่จะย้อน ตอนวิวาห์ลาไกล ไปทำกิจ เลิกหงุดหงิด จิตผวา คำนึง ถึงสัญญา ว่าเราจัก มั่นรักเดียวแม้นใคร หมายเกี้ยวพา ขอแก้วตา อย่าแลเหลียว ขับไส ให้พ้นเชียว ใจเด็ดเดี่ยว งดเกี่ยวพันนงราม ต่างความหวัง คือพลัง กำลังขวัญ เป็นเพื่อน เตือนชีวัน ให้เร่งสรรค์ ความมั่นคงพี่รู้ สู้ยืนหยัด คอยระมัด ตัดลุ่มหลง อาบเหงื่อ เพื่ออนงค์ ขอน้องจง หมดสงกายามใด ใจคลอนแคลน โปรดดูแหวน ทดแทนหน้า ชายหนึ่ง ซึ่งบูชา จะกลับมา มิช้าเชือนที่ย้ำ พร่ำพิไร เพราะห่วงใย กว่าใดเหมือน แสนรัก จึงตักเตือน เอื้อนสอนสั่ง ด้วยหวังดีรักนวล สงวนกาย รอพี่ชาย ห้ามหน่ายหนี ก่อนพราก ฝากวจี จากว่าที่-สามีเธอ
รออะไรกับใจเศร้า ไม่เข้าที กับใจที่ช้ำลึกและสึกหรอ รอไม่นานคร้านจะหน่ายคลายการรอ เพราะใจท้อมันไม่ง่ายจะหายไป วันผันวัน จากจันทร์หนึ่งถึงอีกจันทร์ แต่กับฉันมันหยุดนิ่งไม่ติงไหว เวลาตายลงแล้ว กับแววใจ เวลาใดก็ไร้สุขทุกเวลา โลกในใจคนโศกเป็นโลกนิ่ง ต่างจากโลกความจริงอันเจิดจ้า หากอยากเห็น ก็ให้ลองมองสองตา จะพบว่ามัน หม่น เหงา เทา มืด เย็น ตาใจบอดมอดสนิทปิดตลอด มีทางรอดมารอทักไม่ยักเห็น เธอรอนานรำคาญใจในลำเค็ญ ไม่ใจเย็น ทิ้งฉันช้ำเพียงลำพัง โปรดสำรวมใจรั้งประทังจิต โปรดเลิกคิดเมตตาใจที่ไร้หวัง จะสงสารใจคนท้อ ขอระวัง หากผิดพลั้งอีกครั้งหนึ่ง เขาถึงตาย
คิดถึง.. จนฝันหาว่าคิดถึง สุขซึ้ง ถึงเพียงนี้เทียวหรือหนอ แล้วเธอฝันไหมเล่าว่าเฝ้ารอ อย่าด่วนท้อ ..ขอให้ฝันรอฉันคืน จะหวนกลับรับขวัญในวันหนึ่ง เป็นวันซึ่งซึ้งสราญ หวานและชื่น สิ้นการรออันรวดร้าวแสนยาวยืน หัวใจฟื้นคืนประทับกับหัวใจ ไม่อยากเอ่ย"คิดถึง"ให้ ใจแปลบป่น จะแก้กลนี้ผ่านด้วยการใกล้ แล้วจะพร่ำคำพรอดตลอดไป จะกอดไว้แล้วกระซิบ ..ไม่คิดถึง พักกลอนอกหัก กลับมาเขียนกลอนรักบ้าง
แม้เป็นนกปีกหักยังรักบิน ยังมุ่งจินต์ ไม่ฟังแม้แต่คำห้าม หมื่นคำปลอบ หรือจะย้ำแสนคำปราม ไม่สนความคำเหล่านั้น ดันทุรัง จะหารักแม้ในที่ไม่มีรัก จะพิงพักในผืนดินที่สิ้นหวัง จะคงรักด้วยเศษใจใกล้ภินท์พัง จะอยู่ยั้งประทังใจไม่ยอมตาย สารรูปสกปรกนกลากปีก หัวอกฉีกใจช้ำชา แววตาหาย ขาดริ้วๆคือเศษฝันพันตามกาย มองไม่คล้ายเป็นสิ่งที่มีหัวใจ ดื่มกินน้ำตาต่างอาหาร ยิ่งร้าวราน ถะถั่งหลั่งรินไหล ยิ่งกินกลับมาเติมตรมสะสมไป จากน้ำใส ในวันนี้มีเลือดปน อย่าปลอบฉันเลยหนา ขออย่าปลอบ ทำความชอบกับคนนี้ไม่มีผล เมื่อสิ้นรักก็สิ้นค่าราคาคน โปรดอย่าสนคนไร้ค่าอย่าได้แล อย่าเหนี่ยวรั้งยั้งไว้ในคำห่วง อย่าเหนี่ยวหน่วงใส่คำหวานสมานแผล อย่าได้ให้หางตามาเหลียวแล เดี๋ยวโรคแพ้รักจะไพล่ไปเปื้อนเธอ
ก่อนเคยคิด ว่ารัก จักหอมหวาน ชุบดวงมาน ให้ฉ่ำ ด้วยคำอ้อน หลงคารม คมถ้อย ร้อยคำวอน ฤทัยอ่อน จึงมอบ ตอบคำรัก เคยสัญญา มั่นแม่น หนักแน่นยิ่ง ทุกทุกสิ่ง ซึ้งฤดี ที่ประจักษ์ สุขกับความ สดชื่น รื่นรมย์นัก ใครท้วงทัก แสนเบื่อ มิเชื่อฟัง มินานใย ใจคน วกวนเล่า คำพูดเก่า จางไป ในความหลัง คำสัญญา เคยปลื้ม ลืมหรือยัง คำมั่นครั้ง ก่อนกล่าว เขานั้นเลือน คนรวนเร คบได้ แต่ไร้ค่า ให้อุรา เราช้ำ ระกำเหมือน ดั่งถูกมีด กรีดใจ ให้ฟั่นเฟือน เธอเชือดเฉือน มานเรา เอาโยนทิ้ง เจ็บอะไร ไม่เท่า เราเจ็บจิต รักเป็นพิษ ทำร้าย ฤทัยหญิง เขาเปลี่ยนไป ใคร่ขอรับ กับความจริง มิท้วงติง เราหนอ เพียงขอไกล จะอยู่อย่าง คนเหงา ปวดร้าวอก น้ำตาตก จนต้อง สุดหมองไหม้ สงบจิต รอแต่ เลียแผลใจ อีกเมื่อไร นั้นเล่า เลิกเศร้าทรวง ดอกแก้ว กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา ๖ / ๒ / ๒๕๔๓
มองบุหลัน วันเพ็ญ เห็นแล้วเศร้า ภาพครั้งเก่า เข้าเยือน เตือนใจอยู่ ที่เคยนั่ง ริมวารี มีพธู เราเคียงคู่ ปล่อยกระทง ลงธารา แสงจันทร์แจ่ม นวลจ้า ส่องหน้าเจ้า สุขใดเท่า วันนั้น ยังฝันหา รอวันเดือน เคลื่อนคล้อย คอยกานดา ทุกวาจา ยังจำ ถ้อยคำเปรย ค่ำคืนนี้ มองจันทร์ ดูมันหม่น เหมือนเย้ยคน เหว่ว้า นิจจาเอ๋ย ไร้คนคู่ อยู่ข้าง เหมือนอย่างเคย เพราะทรามเชย จากลา มิมาเคียง ก็หลายปี ที่ผ่าน แม้นานนัก เราเจ็บหนัก เพราะใจ แตกหลายเสี่ยง พรหมลิขิต ขีดเส้น ให้เอนเอียง ทิ้งไว้เพียง แต่เรา เฝ้าอาดูร คนกรุงศรี ฯ
เสียงฉิ่งฉับ กรับเกราะ เสนาะหู หญิงชายผู้ ชรา ใบหน้าหมอง นัยตามืด มิอาจ สามารถมอง เดินเยื้องย่อง ร้องเพลง บรรเลงไป ผมขอเศษ ส่วนทาน ท่านเจ้าขา โปรดเมตตา ตัวฉัน นั้นได้ไหม เพียงแค่เฟื้อง สลึง ก็พึงใจ สะสมไว้ พอมื้อ ซื้อข้าวกิน หมดที่พึ่ง พักพิง ยิ่งแสนยาก ทนลำบาก หม่นไหม้ ไร้ทรัพย์สิน ต้องเตร็ดเตร่ เร่ร่อน นอนกลางดิน เพราะสูญสิ้น ดวงตา มันฝ้าฟาง เราหากิน ไม่พอ จึงขอท่าน โปรดทำทาน ผ่านมา อย่าเมินหมาง อนาคต ที่อยู่ ดูเลือนลาง ปันสตางค์ สร้างกุศล ช่วยคนจร วณิพก เยื้องกราย ร่ายรำร้อง เพื่อปากท้อง อยู่ได้ ไม่หลอกหลอน เดินขับกล่อม ให้ครื้นเครง ด้วยเพลงกลอน แลกที่นอน ที่กิน ก่อนสิ้นใจ แต่ฉันเป็น วณิพก ผู้ตกต่ำ มาพรอดพร่ำ คำหวาน วอนขานไข หวังที่จะ สมาน สานสายใย รอสาวให้ ทานรัก เราสักคน คนกรุงศรีฯ