11 พฤศจิกายน 2550 18:20 น.
banmoh
เราทั้งสองครองรักปักใจมั่น
จะสร้างฝันเป็นจริงทุกสิ่งสรร
รักเราสองสดชื่นทุกคืนวัน
ชีวิตคู่เรานั้นมั่นคงจริง
สู้ความจนทนอุตส่าห์กัดเกลือก้อน
ศรีสมรไม่บ่นทนทุกสิ่ง
ใครจะว่าอย่างไรไม่ประวิง
เธอนั้นนิ่งก้มหน้าน้ำตาคลอ
ญาติรุมด่าว่าเธอนั้นคิดผิด
ที่มาติดคนจนจนจริงหนอ
จะชักหน้าไม่ถึงหลังยังไม่พอ
ทั้งแม่พ่อห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง
ไม่เนิ่นนานที่เราสู้สุดชีวิต
จากอดีตไม่เนิ่นนานกาลหนหลัง
มาเดี๋ยวนี้ใกล้เศรษฐีมีสตางค์
คนเคยชังกลับมารักอยากสอพลอ
เหมือนฟ้าผ่ายามแล้งแกล้งต่อฉัน
เพราะเธอนั้นเป็นโรคร้ายไม่มีหมอ
จะเยียวยาอย่างไรโรคไม่รอ
สุดท้ายก็จากไปไม่กลับคืน
ชีวิตฉันรันทดสลดยิ่ง
ขาดยอดหญิงสุดระทมตรมสุดฝืน
คิดถึงเธอยอดรักทุกวันคืน
ไม่อาจฝืนน้ำตากลั้นพลันไหลริน
ไปดีเถิดที่รักจักบวชให้
รักษาจิตรักษาใจไม่ไร้ศีล
อุทิศใจไร้รักไร้ราคิน
แด่ยุพินด้วยดวงใจมอบให้เธอ
แด่เธอผู้เป็นที่รัก
9 พฤศจิกายน 2550 21:04 น.
banmoh
"อันธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ
ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ"
เป็นสำนวนโบราณที่เสร็จสรรพ
หวังต้อนรับทุกท่านผ่านเข้ามา
แต่หลายท่านผ่านไปไม่ทายทัก
น้อยใจนักอุตส่าห์จ้องคอยมองหา
"ไปไม่ลา มาไม่ไหว้" อย่างไรนา
เอ๊ะ..หรือว่า กลอนของเราไม่เข้าที
อย่างน้อยควรบอกว่า "เข้ามาเยี่ยม"
"สวัสดี" ก็เต็มเปี่ยมในศักดิ์ศรี
หรือบอกว่า"เข้ามาผูกไมตรี"
ก็ยังดีกว่าไปโดยไม่ลา
เห็นบางกลอนเข้าไปตั้งหลายร้อย
มีเพียงน้อยนิดเดียวเทียวมาหา
แล้วบันทึกน้ำใจงาม"นามปากกา"
เห็นคุณค่าเจ้าของกลอนตอนคิดชม
กว่าจะได้แต่ละตอนนั่งนอนคิด
กลัวจะผิดใจใครให้ขื่นขม
สรรหาคำสละสลวยด้วยคำคม
ช่วยนิยมกันลงนามตามธรรมเนียม...เถอะนะเพื่อนนักกลอน
9 ตุลาคม 2550 07:52 น.
banmoh
ทิวเขาป่าไม้งาม ที่มีนาม "บ้านป่าลัน"
ดินแดนที่สำคัญ พระอรหันต์กำเหนิดมี
หลวงพ่อทูลหลวงพ่อใหญ่ กำลังใจให้สุขศรี
ปัจจุบันหลวงพ่อทวี ท่านเป็นที่ยึดจิตใจ
มาจากดอยแม่ปั๋ง มาอยู่ยั้งถิ่นแดนไพร
วัดอรัญวิเวกไซร้ ท่านจึงได้มาพัฒนา
โรงครัวและห้องน้ำ มากหลายล้ำทั้งศาลา
อุบาสกอุบาสิกา มีผู้มาร่วมสร้างบุญ
ท่านเตรียมสร้างเจดีย์ เฉลิมบารมีแด่ไอสูรย์
แปดสิบสี่พรรษาพูน เพื่อเทิดทูนพระราชา
พร้อมบรรจุพระธาตุ ดารดาษเสด็จมา
มากมายนับคณา เป็นที่น่าอัศจรรย์
เจดีย์มีเก้าองค์ จะดำรงชั่วกัปกัลป์
ต้นโพธิ์เก้าต้นนั้น เป็นอัศจรรย์กำเนิดเอง ๆ ๆ
เป็นบทขับร้องที่ประพันธ์ขึ้นเพื่อขับร้องในงานทอดกฐินเมื่อปีกลาย มาปีนี้ได้รับการติดต่อจากคณะขับร้องของชาวบ้านป่าลัน ขอให้แต่งกลอนเกี่ยวกับวัดให้อีก จึงขอเรียนเชิญท่านนนักกลอนทุกท่านได้ร่วมกันทำบุญในครั้งนี้ โดยการแต่งบทขับร้องทำนองสรภัญญ เพื่อใช้ขับร้องในงานกฐิน ทอดวันที่ 27 ตุลาคม 2550
วัดป่าอรัญญวิเวก ตั้งอยู่ที่ บ้านป่าลัน หมู่ 5 ต.ปงน้อย อ.ดอยหลวง จ. เชียงราย หลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต หลานของหลวงปู่แหวนเป็นเจ้าอาวาส และที่กล่าวถึงหลวงพ่อทูลในบทขับร้อง ก็คือ หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ แห่งวัดป่าบ้านค้อ ต.เขือน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี หลวงพ่อทั้งสององค์ท่านบรรลุธรรมขั้นสุดท้าย ณที่วัดอรัญญวิเวกแห่งนี้
และในโอกาสนี้ขอเชิญชวนทุกท่านไปร่วมกันเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคีในครั้งนี้ด้วย และจำนำชื่อท่านผู้แต่งบทขับร้องนี้ไปแจ้งให้ทุกท่านที่มาร่วมงานได้ทราบว่า บทขับร้องครั้งนี้มาจากกลอนไทยในอินเตอร์เน็ตเชียวนะ
ขออนุโมทนาล่วงหน้า
หมอบัญชา ทิพย์อักษร
1 ตุลาคม 2550 20:34 น.
banmoh
..................
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
อย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
มนุษย์นี้ที่รักมีสองสถาน
บิดามารดารักมักเป็นผล
ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แก่กายตน
เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา
แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ
ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
...................รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
(ไม่รู้ว่ากลอนของใคร...เพราะจับใจจัง สอนดีอีกด้วย เหมาะกับุทกยุคทุกสมัย และทุกสถานการณ์....ใครรู้ว่ากลอนของใคร ช่วยบอกคนรุ่นหลังหน่อยนะ)