29 มกราคม 2553 11:52 น.
bananaleaf
ครั้นเมื่อสายลมพัดสะบัดไหว
เห็นใบไม้..หล่นปลิวก็หวิวหวั่น
อกสะท้อนอ่อนองค์..พะวงครัน
ว่าผู้นั้นรู้ไหม..เล่าใครครวญ
ในทุกถ้อยสัญญาเมื่อคราก่อน
ยังตามย้อนกรีดย้ำให้กำสรวล
..จะอย่างไรมิผันรักมั่นนวล..
คำนั่น..ดั่งโซ่ตรวนที่ตรึง..ตรอม
รินหลั่งเถิด..อาลัยแห่งใจนี้
เผื่อจะล้าง..วจี..ที่หวานหอม
กับทุกบทรสเร้า..อันเปล่าปลอม
หมายหยาดย้อมทรวงช้ำ..จากคำชาย
เมื่อวิถีแห่งพรหมไม่สมสร้าง
จึ่งรอยหมาง..ทอถักให้รักพ่าย
กว่าสำเหนียก..ก็นานจน..หวานวาย
นิ่ง..เดียวดาย..สงัดอยู่..อย่างรู้ตน
ถ้วนถวิลอันใดที่ในหล้า
ไม่น้อมนำปรารถนาสักคราหน
ซุ่มกอบเกี่ยวเศษฝันมา..ปัน..ปรน
ข่มจาบัลย์ผันพ้นทุกหน..ยาม
มาคราวนี้..ลมผ่านใยซ่านซึ้ง
ทุกคำนึงซ่อนนัย..อันไหวหวาม
ฤา..ว่าลมพัดหวน..มาทวนความ
เพื่อทวงถามสัญญา..ที่ว่า..คอย ?
17 มกราคม 2553 13:11 น.
bananaleaf
ท่ามอาลัย..ใครหนึ่ง..ขอพึงรู้
แต่เพียงผู้..โศกาก็หาไม่
ทุกกระแสแห่งลมที่พรมไป
แทรกความนัย..ซ่อนซุกอยู่ทุกยาม
ครั้นเมื่อลมสัมผัสกระหวัดล้อม
นั่นแทนอ้อม..อาลัย..ที่ไหวหวาม
จะคงพัดปรนเปรอ..เสมอตาม
เพื่อทวงถามอาวรณ์..แต่ก่อนมา
สายลม..กับเสียงใจที่ไหวเต้น
ฤาว่างเว้นรูปรอยเฝ้าคอยหา
ลมนั้นอาจหันเห..บางเวลา
แต่ไม่แม้..สักครามิคำนึง
รับรู้เถิด..ห้วงใจของใครนั้น
ที่ออดอ้อนรำพันใฝ่ฝันถึง
ในทุกบท..กานท์กรองพ้องรำพึง
แทรกความหนึ่งคอยย้ำ..ให้จำจาร
เมื่อสำเหนียกพระพาย..นั้นหมายว่า
ความห่วงหา..อาทร..อันอ่อนหวาน
มิเคยลับ..เลือนหายกับ..สายกาล
เป็นบำนาญมอบซึ้ง..เพียงหนึ่งใคร