3 กันยายน 2550 02:21 น.
bananaleaf
หยาดน้ำตารินไหลรดใจแล้ว
ด้วยดวงแก้วลาไกลไม่คืนหวน
สายสัมพันธ์สะบั้นขาดพิลาสครวญ
โอ้ว่านวลร้างไกลไม่เยี่ยมเยือน
แม้นสัมผัสมินานสราญจิต
เป็นมิ่งมิตรเคียงใจหาใดเหมือน
ถึงต่างทิศไกลห่างดั่งร่วมเรือน
เป็นเสมือนเพื่อนพี่น้องเคยพ้องพาน
ด้วยห่วงน้องเกรงถลำโดนตำหนิ
จึงดำริห้ามไว้หมายสมาน
รีบยับยั้งดวงสมรก่อนเกินการณ์
หวั่นร้าวฉานหมางเมินเกินสมดุล
เจตนาที่หวังพังลงสิ้น
โฉมยุพินเหล่าสหายมลายสูญ
กลับรังเกียจเดียดฉันท์พลันอาดูร
ทวีคูณเทวษร้างเพราะหมางใจ
หากล่วงเกินสิ่งใดอภัยพี่
ความหวังดีที่มอบนั้นมิหวั่นไหว
จะฝังสุขเคยเสพสมภิรมย์ฤทัย
แนบตรึงในใจดวงน้อยด้วย รอยจำ
1 กันยายน 2550 23:27 น.
bananaleaf
ยังหายใจดีอยู่แม้รู้เจ็บ
อย่าหมายเหน็บฝันข้าให้ล้าถอย
ถึงโรยแรงแฝงร้างอยู่อย่างคอย
โปรดอย่าได้ซ้ำรอยเรียมระทม
อาจเยาะเย้ยความเขลาของเราบ้าง
แม้นอ้างว้างโรยรื่นแสนขื่นขม
ยังยินดีอยู่รอไม่ขอชม
หากจักต้องซานซนขอตรมเดียว
ใยคิดย้อนถอนพิษแรงฤทธิ์ร้าย
คราวกลับกลายหายหน้าไม่มาเหลียว
ทิ้งรวงข้าวอ่อนค้อมน้อมรอเคียว
ไร้ใครเกี่ยวเปลี่ยวป่วนรัญจวนจินต์
หยาดน้ำคำพร่ำหวานซาบซ่านนัก
จำขืนหักฤทัยไม่ถวิล
ครั้งก่อนเชื่อหลงปองหมองชีวิน
พอรักสิ้นผินผ่านร้าวรานทรวง
หวามรัญจวนสิเน่หาในคราจาก
ทิ้งเศษซากเสแสร้งแกล้งห่วงหวง
พระพายพลิ้วพัดพรมชมรักลวง
ติดในบ่วงลมลิ้นจวบสิ้นใจ
อาจจะยิ้มไม่ชื่นระรื่นสุข
ทับโถมทุกข์หมางเมินเกินต้านไหว
เพียงเศษเสี้ยวความหลงปลงฤทัย
ตัดอาลัยยังเหลือรอยไว้คอยเตือน
ขอเราอยู่อย่างแพ้อย่าแลหมิ่น
ตราบชีพสิ้นดินกลบลบรอยเฉือน
แผลแห่งรักสลักไว้ไม่ลางเลือน
ผันปีเดือนเคลื่อนคลายมิวายจำ
หยุดเสียเถิดพอทีที่ผ่านพ้น
ทางมืดมนเบื้องหน้าอย่าถลำ
หยดน้ำตาแทนน้ำกรวดล้างกรรม
น้อมธารธรรมห่มใจกายคลายอาวรณ์