30 พฤศจิกายน 2550 12:50 น.
bananaleaf
นั่งแต่งกลอน อ้อนหนุ่ม กลุ้มเหลือหลาย
เอวฉันหาย ไปหมด อดแน่เหวย
คงจะไร้ ใครแอบ แนบชิดเชย
อาจต้องเกย คานทอง น้องหวั่นใจ
เริ่มมีชั้น แล้วหนอ ขอบอกกล่าว
ครูตัวขาว ร้าวราน สะท้านไหว
มัวแต่หยิก แกมหยอก หลอกบางใคร
พุงมาเยือน เมื่อไร ไม่รู้ตัว
หยิบกระโปรง มาสวม หลวมหายหมด
แสนสลด โศกเศร้า เราปวดหัว
นี่ขนาด เกียจคร้าน เรื่องงานครัว
ยังเมามัว เรื่องหม่ำ ประจำเลย
25 พฤศจิกายน 2550 16:22 น.
bananaleaf
จันทร์กระจ่างพร่างพรมทอห่มฟ้า
ต้องน้ำตาข้าน้อยคอยรักหวน
ใต้คืนหนาวพราวเพ็ญเห็นแสงนวล
นางหนึ่งครวญรำพันฝันลำพัง
แว่วเสียงเพลงเพียงแผ่วแก้วระทึก
ย้อนรำลึกอดีตกรีดใจฝัง
อวลด้วยกลิ่นไม้ดอกตอกภวังค์
ภาพความหลังผุดพรายดังสายธาร
ยลราตรีชูช่อลออตา
ปวดอุราคราประจักษ์รักถูกผลาญ
เพียรฝังรอยเจ็บไว้ในห้วงกาล
ยังคืบคลานคอยเตือนเหมือนเงาตน
พี่มั่นคงแน่วแน่แม้ไกลห่าง
นวลน้องนางเชื่อเถิดหนาอย่าสับสน
คิดระแวงแคลงไยให้ร้อนรน
เจ้าหน้ามลน้องสาวจักร้าวราน
ใครกันหนอลืมคำที่ย้ำฝาก
ลับลาจากพรากแล้วสิ้นแววหวาน
สุดระกำช้ำตรมแทบซมซาน
เป็นบำนาญตราตรึงสุดซึ้งทรวง
โอ้กระไรไฉนเล่าช่างเขลาแท้
เฝ้าคอยแลเป็นไปด้วยใจหวง
มิอาจยื้อรั้งชิด ฤา คิดทวง
เร้นความห่วงอยู่ห่างอย่างเดียวดาย
ถ้าโลกนี้มีแต่แค่เราสอง
จักร่วมปองภิรมย์สมดังหมาย
หากต้องยั้งหยุดจิตคิดละอาย
จำจบวายสวาทวอดกอดเพียงลม
คราได้ยลรอยยิ้มอันพริ้มพักตร์
ก็สุขนักกว่าสิ่งไหนแม้นไม่สม
สถิตแนบแอบรักภักดิ์ภิรมย์
ขอชื่นชมยามเหงาเพียงเงาคุณ
14 พฤศจิกายน 2550 23:58 น.
bananaleaf
บนลานโลกโบกชวนมาป่วนรัก
ได้ประจักษ์ภักดิ์มั่นพลันสุขสม
คู่เคียงเคล้าเศร้าร้างห่างระทม
ชี้ชวนชมพรมสุขทุกทิวา
บนลานใจใครหนอพะนอน้อง
เป็นคนคล้องบ่วงเล่ห์สิเน่หา
รัดด้วยห่วงไออุ่นหนุนนำพา
ติดตรึงตราพาซึ้งคะนึงนวล
บนลานกลอนอ้อนออดพรอดเช้าค่ำ
แสนชื่นฉ่ำพร่ำกานท์ผลาญกำสรวล
เพียงพิไลรำพันกระสันครวญ
ดั่งต้องตรวนหวนคิดลิขิตคำ
บนลานลมชมเชยรำเพยแผ่ว
หวีดหวิวแว่วแซวมาพาขบขัน
ร่ายเสนาะเพราะสำเนียงมาเคียงกัน
เร้าโรมรันฝันหาทุกราตรี
บนลานฟ้าพร่าพราวดาวลอยเกลื่อน
เฉกดังเพื่อนเยือนยลคลายหม่นศรี
จำเรียงถ้อยร้อยคำฉ่ำชีวี
รื่นฤดีสุขสันต์รัญจวนใจ
บนลานรุ้งมุ่งหมายในชายหนึ่ง
เป็นผู้ซึ่งตรึงอุรากว่าคนไหน
คิดแนบทรวงดวงแดแก่บางใคร
แต่แสนไกลสุดคว้ามาภิรมย์
บนลานเหงาเราเงียบเลียบเศษหวัง
ไร้กำลังยั้งหยุดสุดขื่นขม
ครวญฝากเพลงลอยไปในสายลม
จักชื่นชมตรมอย่างไรไม่รู้เลย
4 พฤศจิกายน 2550 22:54 น.
bananaleaf
ณ วันหนึ่ง ซึ้งรัก สมัครสมาน
จึงคิดการณ์ สร้างชีวิต ดังจิตฝัน
ทุกข์หรือสุข ต่างแย่ง มุ่งแบ่งปัน
อยู่ร่วมกัน ด้วยไมตรี ชื่นชีวา
แล้วเมื่อกาล ผ่านผัน คืนวันคล้อย
รักจะน้อย ลดลง หรือเปล่าหนา
ที่เคยหวง ห่วงใย ยามไกลตา
จักคอยท่า รับขวัญ กันไหมเอย
ความเคารพ เกรงใจ ในเมื่อแรก
จะผิดแผก แตกต่าง อย่างไรเอ๋ย
หรือคิดว่า เธอและฉัน นั้นคุ้นเคย
จึงละเลย นบนอบ มอบต่อกัน
ถ้อยวจี หวานเพราะ เสนาะนัก
ที่ยอดรัก เรียงร้อย คอยเสกสรร
อาจกลายเป็น แข็งกร้าว ร้าวจาบัลย์
คอยเข่นเขี้ยว ฟาดฟัน ให้บรรลัย
ความเอ็นดู รักใคร่ ที่ได้รับ
ยังมากมาย คณานับ อยู่ใช่ไหม
หรือจ่ายแจก คนอื่น ดาษดื่นไป
ปันหัวใจ หญิงอื่น ให้ขื่นทรวง
ยิ้มให้กัน บ้างไหม ในวันนี้
มอบวจี หวานฉ่ำ ย้ำว่าหวง
ต่างเคารพ ให้เกียรติ มิเหยียดลวง
อย่าคิดควง คนใหม่ ให้ตรอมตรม
ค่อยถ้อยที เตือนตัก อย่าหักหาญ
มิพล่าผลาญ ด้วยวาจา พาขื่นขม
พร้อมยอมรับ ความเป็นไป ไร้ปรารมภ์
ร่วมชื่นชม ชีวิตคู่ อย่างรู้ทัน
ตระหนักใน หน้าที่ พึงมีต่อ
อย่าย่นย่อ ท้อถอย พลอยหุนหัน
และหมั่นเติม น้ำใจ ให้แก่กัน
เฉกเช่นวัน เริ่มปลูกรัก ก็จักดี
2 พฤศจิกายน 2550 22:13 น.
bananaleaf
ลืมเถิดหนอ ดวงใจ เคยใฝ่รัก
ได้ร่วมถัก ทางฝัน เมื่อวันหวาน
ทิ้งความหลัง ปล่อยไป ในสายกาล
ร่วมพ้องพาน พบแล้ว จึ่งแคล้วลา
ลืมให้สิ้น เยื่อใย จากใครหนึ่ง
รอยซ่านซึ้ง ตรึงฤทัย อาลัยหา
ทิ้งเสี้ยวสุข เคยลิ้ม ปริ่มอุรา
ล่องในสาย ธารา มิอาวรณ์
ลืมความหวง ห่วงหา ในคราห่าง
จงจืดจาง ร้างมลาย เพียรถ่ายถอน
ขอเลือนรัก ลืมรส หมดทุกตอน
หายไปดั่ง ตะวันรอน ก่อนรัตติกาล
ลืมลำนำ คำร้อง เคยก้องหู
ยอดพธู เรียงร้อย ถ้อยขับขาน
เสียงกระซิบ รำพัน ในวันวาน
พลิ้วลอยผ่าน สิ้นลับ ไปกับลม
ลืมสัญญา รักมั่น เมื่อจันทร์ฉาย
จงมลาย ผ่านผัน วันสุขสม
ซากเศษเศร้า ร้าวรวด ปวดระทม
ให้นวลแข พร่างพรม ถมทับรอย
มิอาจอยู่ ร่วมหวัง เหมือนดังปอง
ศักดิ์เราสอง ไม่เทียม เรียมจึงถอย
กี่นานหนอ จักสิ้นสุด หยุดวันคอย
ด้วยบุญน้อย จึงคล้อยลา น้ำตาริน