13 กุมภาพันธ์ 2553 17:10 น.
bananaleaf
ร้อย..เรื่องราวบางสิ่งเท็จ-จริง..บ้าง
จะสืบสางให้ถ้วน..นั่นควรหรือ ?
บางสิ่งอาจเปล่าดายเมื่อ..ปลายมือ
จึ่งทำซื่อ,เซ่อ,นิ่ง ทุกจริงลวง
หยดน้ำค้างอ้อยอิ่งบนกิ่งไม้
ครั้นยามสาย..ก็ลับไปกับสรวง
บุหงาโชยกลิ่นชื่นระรื่นทรวง
ยังกลีบร่วงหล่นหายกับสายกาล
สรรพสิ่ง พบ-พราก ยากกำหนด
ในทุกรส สุข,รัก หรือหักหาญ
ความรื่นรมย์..เหงา-หมองที่พ้องพาน
ล้วนสั่งสมประสบการณ์..อันควรจำ
เพื่อเป็นฐานย่างเยื้อง..ในเบื้องหน้า
เก็บเหนื่อยล้า..ป้าย-เปรียบ..ที่เหยียบย่ำ
และรวมถึงหมื่น-ร้อยใน..รอยคำ
มาคูณค้ำสร้างแกร่ง..ทุกแหล่งเดิน
ก็เมื่อคิดโบยบินขึ้นถิ่นฟ้า
จักผงาดปีกท้า..เวหา เหิร
ท่องเมฆินทร์คว้าหมอก..มาหยอกเอิน
และ..เผชิญ..ทุกฟ้าที่ฝ่าไป
29 มกราคม 2553 11:52 น.
bananaleaf
ครั้นเมื่อสายลมพัดสะบัดไหว
เห็นใบไม้..หล่นปลิวก็หวิวหวั่น
อกสะท้อนอ่อนองค์..พะวงครัน
ว่าผู้นั้นรู้ไหม..เล่าใครครวญ
ในทุกถ้อยสัญญาเมื่อคราก่อน
ยังตามย้อนกรีดย้ำให้กำสรวล
..จะอย่างไรมิผันรักมั่นนวล..
คำนั่น..ดั่งโซ่ตรวนที่ตรึง..ตรอม
รินหลั่งเถิด..อาลัยแห่งใจนี้
เผื่อจะล้าง..วจี..ที่หวานหอม
กับทุกบทรสเร้า..อันเปล่าปลอม
หมายหยาดย้อมทรวงช้ำ..จากคำชาย
เมื่อวิถีแห่งพรหมไม่สมสร้าง
จึ่งรอยหมาง..ทอถักให้รักพ่าย
กว่าสำเหนียก..ก็นานจน..หวานวาย
นิ่ง..เดียวดาย..สงัดอยู่..อย่างรู้ตน
ถ้วนถวิลอันใดที่ในหล้า
ไม่น้อมนำปรารถนาสักคราหน
ซุ่มกอบเกี่ยวเศษฝันมา..ปัน..ปรน
ข่มจาบัลย์ผันพ้นทุกหน..ยาม
มาคราวนี้..ลมผ่านใยซ่านซึ้ง
ทุกคำนึงซ่อนนัย..อันไหวหวาม
ฤา..ว่าลมพัดหวน..มาทวนความ
เพื่อทวงถามสัญญา..ที่ว่า..คอย ?
17 มกราคม 2553 13:11 น.
bananaleaf
ท่ามอาลัย..ใครหนึ่ง..ขอพึงรู้
แต่เพียงผู้..โศกาก็หาไม่
ทุกกระแสแห่งลมที่พรมไป
แทรกความนัย..ซ่อนซุกอยู่ทุกยาม
ครั้นเมื่อลมสัมผัสกระหวัดล้อม
นั่นแทนอ้อม..อาลัย..ที่ไหวหวาม
จะคงพัดปรนเปรอ..เสมอตาม
เพื่อทวงถามอาวรณ์..แต่ก่อนมา
สายลม..กับเสียงใจที่ไหวเต้น
ฤาว่างเว้นรูปรอยเฝ้าคอยหา
ลมนั้นอาจหันเห..บางเวลา
แต่ไม่แม้..สักครามิคำนึง
รับรู้เถิด..ห้วงใจของใครนั้น
ที่ออดอ้อนรำพันใฝ่ฝันถึง
ในทุกบท..กานท์กรองพ้องรำพึง
แทรกความหนึ่งคอยย้ำ..ให้จำจาร
เมื่อสำเหนียกพระพาย..นั้นหมายว่า
ความห่วงหา..อาทร..อันอ่อนหวาน
มิเคยลับ..เลือนหายกับ..สายกาล
เป็นบำนาญมอบซึ้ง..เพียงหนึ่งใคร
27 ธันวาคม 2552 00:04 น.
bananaleaf
ตะวันลับล่วงแล้ว แสงสูรย์
เรียมร่ำย้ำอาดูร เอกผู้
ทรวงปริ่มโศกเพิ่มพูน สถิตนิ่ง อกเอย
เสียงหริ่งก้องดั่งรู้ แต่นี้ร้างลา ฯ
ลมเอยโชยแผ่วพลิ้ว โอบกาย
หนาวห่มคราวลมพราย สู่เนื้อ
คำนึงท่ามหวานวาย กาลก่อน
ยังกรุ่นรอยอุ่นเอื้อ ซ่อนซึ้งเสน่หา ฯ
สดับเงียบอยู่พ้อง ราตรี
จันทร์พร่างหว่างวิถี แห่งเศร้า
แววเนตรหนี่งนรี ฉายส่อง
หวังฝากอาลัยเร้า ผ่านเพี้ยงโคมสรวงฯ
ยามนี้ยลแผ่นฟ้า ลำพัง
เหงาอยู่ในภวังค์ ข่มไว้
นกบินสู่รวงรัง คลอคู่ เคียงนา
เหมือนดั่งจะเย้ยให้ ชอกช้ำกำสรวลฯ
คนเดียวเพียงรับรู้ เดียวดาย
เมฆหมอกสิเคลื่อนคลาย เจิดจ้า
เจ็บตรึงอยู่มิกลาย เลือนห่าง
ช้ำชอก ฤา จักล้า หมดแล้วแรงใจ ฯ
หาก..วันหนึ่งต้องร้างบน..ทางฝัน
บางใคร..นั้นจักซึ้งถึงกันไหม
ทุกขณะคำนึงของ..หนึ่งใคร
อีกหนึ่งใจ..จะรับรู้หรือดูแคลน..?
18 ธันวาคม 2552 00:13 น.
bananaleaf
หอมราตรียามค่ำ..เหมือนย้ำว่า
เสน่หาอาลัย..หนึ่งนัยหวาม
จะย้อน..วนปรนเปรอเสมอตาม
ในทุกยามที่หนาวนั้นพราวพราย
ทุกช่อรวงช่วงโชยให้โหยหา
ชื่นนาสา..กำซาบตราบแสงสาย
แม้นรุ่งสางร้างกลิ่น..ฤาสิ้นวาย
ยังกำจายใจอยู่..อย่างรู้คอย
ได้สัมผัส..อบอุ่นอันกรุ่นเอื้อ
ที่หนาวเนื้ออาวรณ์..ก็ผ่อนถอย
สื่อความนัย..ซ่านซึ้งตรึงรูปรอย
ผ่านละห้อย..ห่วงเห็น..ความเป็นไป
อันทรวงหนึ่งแฝงเร้น..เช้า เย็น ค่ำ
คือหวานล้ำไมตรี..จักมีไหน
ทุกหยาด..รินท่วมท้นเจียนล้นใจ
ถักทอใย..พันเกี่ยวคอยเหนี่ยวดึง
หอมเอยหอม..ราตรีที่ร่ายร่ำ
หาเทียมเท่ารอยคำ..เพียรย้ำถึง
ว่า รัก จริงนะเจ้าเฝ้าคำนึง
ยังรัดรึง..อกอร..มิห่อนเลือน
กลิ่นราตรียามค่ำ..เหมือนย้ำว่า
ทุกใฝ่หา..เพียงผู้..มิรู้เคลื่อน
จักโบยบ่ม..หวานหอมเพื่อน้อมเตือน
ว่า..รอเยือน..รับขวัญเหมันต์กาล