13 ธันวาคม 2552 21:53 น.
bananaleaf
ลม..แผ่วพัดผ่าน..หนึ่งกาลค่ำ
เคยอาบร่ำร้อยเรียงเคียงขับขาน
ให้ทรวงซับซ่านซึ้ง..ตรึงดวงมาลย์
ด้วยถ้อยหวานมอบสู่พธูเดียว
นิ่ง..สัมผัสหนาวเนื้อที่เจือผิว
กับรอยริ้วรูปเงาเฝ้าแลเหลียว
นับวันยิ่งร้าวรวด..ขมวดเกลียว
จากเศษเสี้ยวอาทรที่..ผ่อนลง
ยิ่งสะท้านม่านลมพรมลูบไล้
ตระหนักรู้แก่ใจหาใช่..หงส์
แค่ดอกหญ้า..ค่าด้อยในดอยดง
หมายจำนงค์ใดเล่า..เจ้าบ่เทียม
พระพายเอย..ที่ฝันก็พลันค้าง
มาแรมห่างร้างไกลให้ขื่น-เขียม
ตระหนักรู้ค่าตนต้องหม่น- เจียม
อกจึงเปี่ยมอิ่มแปล้ด้วยแผลใจ
หยุดเถิด..สะอื้นท่ามคืนค่ำ
แล้วดื่มด่ำ..รวงดาวที่พราวใส
กระพริบพร่างกลางจันทร์อันอำไพ
ฝากช้ำให้เลือนลับกับ...สายลม
9 ตุลาคม 2552 18:49 น.
bananaleaf
รอนรอนอ่อนอกตระหนกขวัญ
เงียบงันเพียงผู้ใครรู้เหมือน
โบยบ่มจาบัลย์ครั้งฝันเลือน
มิเคลื่อนหันเหสักเพลา
ปลิดปลิวเคว้งคว้าง ณ กลางหาว
กรีดร้าวเกินเร้น..หากเข่นฆ่า
ให้ล่วง..ลาลับดับชีวา
คงดีเสียกว่า...ร่วมฟ้าเดียว
แต่ในรอยเจ็บที่เหน็บหน่วง
ยังห่วงอาลัยให้แลเหลียว
สำเหนียกเพรียกย้ำล้ำรูปเรียว
จากเสี้ยวหนึ่งทรวงของดวงมาลย์
เสมือนอาบร่ำด้วยฉ่ำชื่น
ครั้นตื่น..จึ่งแจ้งว่าแล้งหวาน
รักเอย..หล่นหายกับสายกาล
จำจารลมลิ้นกว่า..สิ้นใจ
15 มิถุนายน 2552 22:39 น.
bananaleaf
สิ้นสำเหนียกเพรียกย้ำร่ำอกเศร้า
เร้นรูปเงาเฝ้าแลชะแง้หา
สุดสายป่านผ่านพลิ้วปลิวลับตา
นับเพลาถอยห่าง..อย่างอาวรณ์
จากทุกห้องหัวใจในห้วงลึก
แนบผนึกยึดมั่นสุดบั่นถอน
ความคิดถึงซึ้งสู่ มิรู้จร
เกิดอาทรสงสารทุกวารวัน
กลับต้องมาทำร้ายหมายหาญหัก
จนสิ้นรักผลักใสเกินไหวหวั่น
ปลูกทิฐิ..ผลิสล้าง..กลางใจครัน
แล้วสัมพันธ์ก็จาง..ระหว่างเรา
เป็นด้วยดอกทิฐินั้นผลิช่อ
จึงเกิดก่อรอยหมาง..บนทางเหงา
หรือว่าพรหมท่านแกล้ง..เสกแสร้งเรา
มาปลุกเร้าฉุดพรากให้จากจร
อิ่มกำซ่านรสร้าว..คราวรักสิ้น
หมายถวิลคืนรังเฉกครั้งก่อน
รอรับขวัญสู่อก..นกไร้คอน
ส่งคำอ้อนฝากให้..ใครบางคน..
เถิด..มาร่วมถักลายสุดปลายฝัน
ชื่นดอกรักเดียวกัน..นั้นสักหน
จักเหนี่ยวน้อมยอมถวายถ้าหมายยล
จนล้ำล้นรูปเรียว..ทุกเสี้ยวใจ..
14 มิถุนายน 2552 23:21 น.
bananaleaf
นกเจ้าเอย..บินฝ่าบนฟ้ากว้าง
ปีก..ร่อนคว้างลิ่วลู่สู่ถิ่นไหน
ข้ามหุบเขาธาราพนาไพร
หมายเพียงที่พักใจคราอ่อนแรง
สู้ดั้นด้นโผผินมิสิ้นหวัง
เสาะรวงรังผ่อนล้าคราสิ้นแสง
ครั้นพอพบดั่งใจก็ไหวแคลง
หวั่นระแวงครอบครอง..รังของใคร
นับแต่นั้นจึงท่องทั่วท้องฟ้า
ห่มจันทราเลือนเหงาคราว..อกไหว
แสงรวีทาบทอ..พออุ่นไอ
ซ่อนอาลัย..เป็นแรงสร้าง..แกร่ง..ทน
ก็เหนื่อยบ้าง..ท้อบ้าง..หว่างวิถี
หวังไมตรีเอื้อทอนเคยกร่อนกร่น
หยาดชโลมปีก..ล้า ฝ่าข้ามชล
แห่งเล่ห์กลรักลวงทั้งห้วงใจ
ยังบินเดี่ยวอ้างว้างกลางหล้าโลก
ท่ามลมโบก..ฤาสิ้นถวิลใฝ่
ต่อเหน็บหนาวพราวฝนจักด้นไป
สู่อ้อมใจสักคน..บนหนทาง
กระซิบฝากคำนึงถึง..คนไกล..
สู่อ้อมใจ..คนดี..ที่ปลายทาง
11 มิถุนายน 2552 07:06 น.
bananaleaf
ฉันหลีกเลี่ยงคบค้าคนบ้าพร่ำ
หว่านน้ำคำนินทาว่าเสียหาย
อีกชอบเหน็บเจ็บช้ำ...มุ่งทำลาย
ให้อับอายประชา..บ้าหรือดี..?
มีจิตใจใฝ่รู้เรื่องชาวบ้าน
พูดประจานผู้คนจนหมองศรี
ปรุงแต่งเติมเสริมความกามโลกีย์
มิอยากให้ใครดีกว่าตนเอง
อีกมีจิต..ริษยา..พยาบาท
มุ่งอาฆาตมาดร้าย..หมายข่มเหง
ทั้งฟ้องนาย..ขายมิตร..หาคิดเกรง
ร่ายบรรเลงความชอบ..มอบสู่ตัว
แต่ความพร่องของท่านนั้นไม่ตรึก
คอยแต่นึกจับผิดคิดเรื่องชั่ว
คะนองปาก..ฝากย้ำคำหมองมัว
เพ่งโทษทั่วเรื่องคนอื่น..แสนชื่นใจ
ดูแล้วช่างสมเพชทุเรศนัก
ถือยศศักดิ์..คุณวุฒิ..พิสุทธิ์ใส
แต่ความคิดแสนต่ำอยู่ร่ำไป
แม้นมากวัยแต่ด้อย..ด้วยถ้อยธรรม
ฉันจึงเลี่ยงคบค้า..ไม่หาสู่
ปิดรับรู้ถ้อยความคอย..หยาม..ย่ำ
เพ้อเจ้อ..ปด..หยาบ..เหยียด..ส่อเสียดคำ
หากจดจำ..จิตเศร้า..และเปล่าเปลือง..