22 เมษายน 2548 19:41 น.
ardin
วันที่ 13
เครื่องลงเวลา 7.30 น.ของไทย แต่เราจะเสียเวลาไปหนึ่งชั่วโมง เพราะที่จีนจะเร็วกว่าเราหนึ่งชั่วโมง ดังนั้นเมื่อมาถึง ก็เป็นเวลา 8 โมงครึ่งของเซี่ยงไฮ้ ไกด์ท้องถิ่น ของเราทริปนี้ มายืนถือป้ายชื่อทัวร์รอรับเราอยู่ด้านหน้าที่ออกมาจากการตรวจเอกสารเข้าเมือง แฮะ ผมก็เกือบไม่ได้เข้าประเทศเขาซะแล้ว แบบว่าหา boarding pass ไม่เจอ เอาไปใส่ไว้ในช่องไหนของกระเป๋าก็ไม่รู้ ต้องใช้เวลาหาพอสมควร แต่ในที่สุดก็หลุดออกมาได้ ยังดีที่เจ้าหน้าที่ที่ตรวจผม ท่าทางจะใจดี นั่งยิ้มรอผมได้ ต่างกับคนข้างๆที่โล้งเล้งซะมองกันทั่วสนามบิน กลุ่มของเราขนกระเป๋ากันออกมาขึ้นรถ coach ที่ทางทัวร์จัดมารับ เรียบร้อย แนะนำตัวกัน ทัวร์ลีดเดอร์ 2 คน คราวนี้ของเราเป็นผู้หญิงท่าทางใจดีกันทั้งคู่ ดูเป็นคนตั้งใจทำงาน เทคแคร์กรุ๊ปเราดีมากๆ อำนวยความสะดวกต่างๆ ส่วนทัวร์ลีดเดอร์สาวจีน พูดไทยได้พอสมควรไม่ชัดเจนเท่าไหร่ บางคำอาจมีผิดเพี้ยนไปบ้างเป็นที่เรียกเสียงเฮฮาได้ตลอดทริปนี้ วันแรกของโปรแกรมเราจะออกเดินทางไปเที่ยวยังเมืองซูโจว ซึ่งเป็นเมืองโบราณ ที่มีความสวยงามมาก ใช้เวลาเดินทางมาประมาณ 3 ชั่วโมง แวะทานข้าวเที่ยงที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง เมนูหลักๆในทัวร์นี้ ก็คงเป็น ไข่เจียวน้ำมันเยิ้ม เต้าหู้ทุกรูปแบบ ไก่ต้ม หมูสามชั้น ผัดผัก แกงจืด อันนี้เป็นสิ่งที่จะพบปะกันทุกๆมื้อ อ้อ แล้วทางคุณทัวร์ลีดเดอร์สาวไทยของเรา ก็เตรียมพริกน้ำปลา น้ำพริกแมงดา น้ำพริกตาแดง ไปแกล้มทุกมื้อเช่นกัน อาหารจะมี ประมาณ 10 อย่าง เสิร์ฟลงแบบสายฟ้าแลบ นั่งครบปุ๊บ ยังไม่ต้องทำอะไร ยังไม่ทันจับตะเกียบด้วยซ้ำ พนักงานจะเสิร์ฟอาหารลูกเดียว วางไม่พอก็ใช้วิธีวางทับๆกันไป เล่นเอาแค่เห็นก็อิ่มไปครึ่งแล้วละครับ
22 เมษายน 2548 19:34 น.
ardin
ในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวพักผ่อนยาวๆกับเขาเหมือนกัน เอ้ ถ้าไม่มีแล้วผมจะมาเล่าให้คุณผู้ฟังกันอย่างนี้หรือ ทริปคราวนี้เป็นการเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ หังโจว ซูโจว และเกาะผู่ถ่อซาน โดยส่วนตัวผมก็ยอมรับว่าไม่ชอบเล่นน้ำในเทศกาลสงกรานต์สักเท่าไหร่ ถ้าใครมาเสนอให้ออกไปเที่ยวนอกประเทศ หลีกหนีเมืองไทยสักพักก็จะดีไม่น้อย อ้าว นี่ผมไม่ได้ต่อต้านโครงการรัฐไทยเที่ยวไทยนะครับ มันถือว่าเป็นความรู้สึก แบบว่าความหลังที่ไม่ดีต่อคนที่ชอบมาเล่นสงกรานต์ไม่ดูกาลเทศะ มีปีหนึ่งที่ผมจำเป็นต้องออกไปธุระในวันเทศกาลสาดน้ำนี้ ผมแต่งตัวซะเนี้ยบ แค่เดินออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้านเท่านั้น โดนสาดเต็มๆ เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำ เฮ้อ จะไปว่าใครเขาก็คงจะไม่ได้มันเทศกาล แต่ผมก็รู้สึกว่าจะเล่นก็ควรจะดูว่าเขาต้องการจะเล่นด้วยหรือเปล่า เอาเถอะ คิดมากหัวล้านเร็ว ผมขอตัวไปเที่ยวแบบที่อยากไปดีกว่า อย่ามัวเป็นคนแก่ขี้บ่นอย่างนี้เลยครับ
ไฟล์ MU 20XX เครื่องออกเวลา ตีสอง สิบนาที ผมมาถึงairport ด้วยความตื่นตะลึงในผู้คนมากๆ ยังคิดว่าทำไมไม่สร้างดอนเมืองใหญ่ๆหน่อยนะ นี่มันคับแคบไปถนัดตา เมื่อทุกคนเบียดเสียดกันทั้งคน ทั้งรถเข็นกระเป๋า ทำให้แทบไม่มีที่ยืน ผมมาถึงก็ต้องตามหาทัวร์ลีดเดอร์ที่นัดแนะไว้ที่เคาน์เตอร์ มองหาป้ายซึ่งลายตามากๆ ในที่สุดผมก็เจอกับป้ายชื่อบริษัททัวร์ที่ผมจองมา ผ่านการโหลดกระเป๋าเรียบร้อย ผมก็เข้าไปเดินอยู่ด้านใน ซึ่งรู้สึกว่าคืนนี้คงมี delay เครื่องเยอะแน่ๆ ก้าวแรกที่เข้าไปด้านใน ผลยังสงสัยอยู่ว่านี่มัน ดอนเมือง หรือหัวลำโพงกันแน่ มีทั้งผู้คนที่แน่นขนัด มีนอนรอกันเกลื่อนที่มุมสงบบนพื้น แล้วยังบนเก้าอี้ กว่าผมจะเข้ามาได้ก็เกือบตีสองแล้ว ผมจึงรีบเดินไปยัง gate ที่แจ้งไว้ แต่อย่างว่าละครับหน้าเทศกาลท่องเที่ยวอย่างนี้ ผมก็ต้องไปขอนอนเกลื่อนอยู่แถวนั้นเช่นเดียวกัน กว่าที่เครื่องจะออกก็ปาเข้าไปตีสามกว่า เครื่องบินที่ผมนั่งสายการบิน china eastern airline ขนาดไม่ใหญ่นักแบ่งเป็นสองฝั่ง นั่งฝั่งละ 3 คน มีทางเดินกลางทางเดียว จุประมาณ 200 คน airhostess สาวจีนส่วนใหญ่ก็พูดอังกฤษไม่ค่อยได้ ผู้โดยสารกว่าทั้งลำเป็นคนไทยที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวทั้งนั้น การสื่อสารบนเครื่องเลยต้องใช้ภาษามือเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เราไม่ค่อยจะเข้าใจ เวลาเขาต้องการให้เราปรับเก้าอี้ให้ตรง หรือเปิดหน้าต่างให้สุดเวลาเครื่องจะ take off ตอนแรกผมคิดว่าทำไมสาวๆนางฟ้าจีน ถึงดุขนาดนี้ พูดจาเสียงดังกระโชกโฮกฮาก แต่หลังจากอยู่เมืองจีนมา 5 วันเต็มๆ ทำให้ผมรู้ว่านั้นเขาพูดกันปกติอย่างนี้แหละ สำเนียงเหมือนกำลังด่ากันอย่างนี้ ไม่เหมือนคนไทย ที่สำเนียงการพูดเราจะดูอ่อนโยน ฟังไพเราะสำราญประสาทหูมากกว่า
8 เมษายน 2548 16:14 น.
ardin
เวลาคนเรามีเรื่องฉุน ฟังคำพูดไม่เข้าหู ก็มันไม่ถูกต้อง หรือมันไม่ได้เรื่องเลย
บางคำพูดที่ได้ยิน ทั้งที่เราก็รู้ว่าเขาก็ไม่พอใจ หรือเขาพูดแค่อารมณ์ชั่ววูบเหมือนกัน
แต่เราก็อยากสวนกลับไปบ้าง ตามประสา จะว่าเราเด็กหรอ อืม ก็ไม่เด็กแล้วละน่ะ ยอมรับก็ได้
ถ้าสวนไปเราก็คิดแล้วว่าจะเป็นยังไง แต่มันคันปาก มันเหมือนเก็บอยู่ มันคิดคำพูดได้มากมาย
ทั้งคำพูดเหล่านั้นเรายังมีเวลาคิด ว่ามันไม่สมควรที่จะเอ่ยออกไป คนฟังแล้วก็คงรู้สึกเจ็บแสบ
แต่อะไรละคือสิ่งสุดท้ายในความคิด จึงทำให้เราพูดมันออกไป อารมณ์ชั่ววูบหรอ
โทษแต่อารมณ์ แล้วคนที่ควรจะมีวุฒิพอจะควบคุมอารมณ์ได้แล้ว อย่างตัวเอง ทำไมไม่รู้จักโทษ
ตัวเราเองไม่เคยผิด เขาซิ คนที่มาว่าเรา มาพูดใส่เรานั้นซิผิด แล้วเราจะต่างอะไรกับเขา เมื่อในที่สุดเรากลับมาย้อนรอยคำพูดนั้นเช่นกัน
-----------------------------
ฉันก็เคยเรียนรู้มา ตามประสบการณ์นะ เคยได้ยินวิธีต่างๆมาก็เยอะ
จะให้นับ 1 - 10 ก่อนแล้วค่อยพูดออกไป หรือจะให้ หายใจเข้าลึกๆก่อน
เคยกระทั้งปฏิบัติ แล้วมันสำเร็จบ้างหรือเปล่า
ถ้าไม่สำเร็จเพราะอะไร เพราะวิธีที่ทำมันไม่ได้ผล หรือเพราะใจเราเองที่ไม่ดี
จะให้โทษวิธีไป แล้วเราลองไปหาวิธีใหม่นั้นหรอ ก็ได้ ซึ่งฉันก็เคยลองมาแล้ว เมื่อมันไม่ได้ผล
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทำไมคนอื่นเมื่อเจอ สถานการณ์เดียวกันเขา ใช้วิธีเหล่านั้นได้ผลละ
มันขึ้นอยู่ที่คนใช้มากกว่ามั้ง ???
..............................
ฉันเองลองกลับมาหยุดคิด หยุดการกระทำ มาลองทบทวนกันใหม่
นั่งนิ่งๆดูใจตัวเอง ฟังเสียงจากภายใน แล้วเราอาจรู้อะไรในตัวเองมากขึ้นก็ได้
ไม่เคยมีใครพบแต่ความสุข แต่ก็ไม่เคยมีใครพบแต่ความทุกข์
ฉันว่า 'โลก' มันก็หมุนอย่างยุติธรรมที่สุดสำหรับทุกๆคนแล้วนะ
13 มิถุนายน 2547 22:25 น.
ardin
คนเราเกิดมามีหนึ่งชีวิต อยากทำอะไรก็รีบๆทำไปเถิด จะรอให้พรุ่งนี้ก่อนแล้วเราจะรู้มั้ยว่ามีพรุ่งนี้สำหรับเรา ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเรา เสียเวลาเก็บมันเอาไว้ในใจตัวเองเท่านั้นมันดีแล้วหรือ??
-ความคิดเห็นที่ 1 เก็บไว้แหละดีแล้ว ถ้าพูดไปแล้วมันจะมองหน้ากันไม่ได้อีก มันคุ้มหรือ ขอแค่ได้มอง ได้รับรอยยิ้มของเขา ได้พูดคุยกันอย่างนี้ ได้เก็บเอาไปฝันคนเดียวทุกคืน หลอกตัวเองว่าเขาก็คิดถึงเรา เป็นห่วงเราเหมือนที่เราเป็นห่วงเขา ถ้าเขาใช่จริงๆ การรอคอยไม่ใช่อุปสรรคที่จะทำให้ความรักของฉันลดลง แต่มันยิ่งเพิ่มขึ้นทุกๆวันที่พบเขาคนนั้น ทั้งในความฝัน หรือตื่นมาในความเป็นจริง
-ความคิดเห็นที่ 2 บอกไปเลย อย่าเสียเวลา โอกาสในชีวิตมีไม่กี่ครั้งหรอก ถ้าไม่บอกแล้วเขาจะรู้หรอ อย่าบอกน่ะว่ากลัว กลัวเขาจะรู้ว่า.. กลัวเขาจะหลบหน้าเมื่อเขารู้ความในใจ กลัวเขารับไม่ได้ ทั้งหมดที่ว่ามานี้ แล้วไม่กลัวหรอว่าจะเสียเวลาถ้าใจเราสองคนตรงกันมาตั้งนานแต่เสียเวลาไปโดยเพียงเพราะการรอ ที่จะบอกเขาว่ารัก มันไม่คุ้มหรอกับการเสี่ยงที่จะได้รู้กับความจริง บางคนก็ยอมบอกความในใจในวันสุดท้ายที่จะอยู่ด้วยกัน แล้วบอกตอนนั้นมันจะได้อะไร นอกเสียจากความเสียดายที่น่าจะทำสิ่งนี้ตั้งนานแล้ว เรามีชีวิตอยู่ในวันนี้เพื่ออะไร ถ้าเพื่อเขาคนนั้นแล้วทำไมไม่บอกเขาไปละ เก็บเอาไว้ให้เจ็บปวดอยู่ได้
นี่แหละตัวตนของเราที่มี สองแง่สองด้านเสมอ วันหนึ่งคุณอาจมีความคิดแบบที่ 1 พอคุณนอนหลับตื่นขึ้นมาคุณก็จะมีความคิดแบบที่ 2 ก็เป็นไปได้ แล้วที่นี่คุณจะทำเช่นไร มันไม่มีสิ่งไหนผิดหรอกนะ เพียงแต่มุมมองของคนแต่ละคนเท่านั้นที่ไม่เหมือนกัน แต่ความรักมันไม่จำเป็นต้องเข้าใจมันหรอก เพราะมันอยู่ในใจทุกคนอยู่แล้ว
19 มีนาคม 2547 20:13 น.
ardin
เส้นทางในชีวิตของแต่ละคนไม่มีทางเหมือนกันได้หรอก คนเราส่วนมากมักจะพยายามวางแผนเส้นทางที่เราจะเดินไป โดยคิดว่านั้นเป็นสิ่งที่พร้อม เป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ความเป็นจริงแล้วไม่มีใครที่จะพบกับสิ่งที่วางไว้ตามนั้นหรอก เมื่อเราเริ่มออกตัวเดินเข้าจริงๆ เส้นทางที่น่าจะเป็นทางตรงๆก็มักจะค่อยๆเลี้ยวไปเรื่อยๆ อาจจะต้องพบสะพานที่สูงมาก หรือพบกับถ้ำที่มืดและหนาวเย็น แต่ทุกทางนั้นมันก็ย่อมขึ้นอยู่กับเราว่าจะเดินต่อหรือจะหยุดอยู่แค่นั้น
บางช่วงของชีวิตคนถ้าลองมองย้อนกลับไปดู เรามีทั้งเส้นทางที่เราหยุดเดิน หรือแม้แต่เส้นทางที่เราหนีกลับไปเริ่มต้นใหม่ พอมองย้อนกลับไปคิดดู มันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่อาจจะยอมรับได้ว่านั้นคือตัวเรา คนที่ยอมแพ้กับชีวิต ยอมแพ้กับอุปสรรค ไม่คิดที่จะสู้ หนีออกไปโดยหันหลังให้กับมัน ทั้งที่ยังไม่ยอมพยายามดูก่อน แต่เมื่อมันล้มก็ใช่ว่าคนเราจะลุกขึ้นมายืนยัดได้ในทันทีกันทุกคน เวลา แรงใจ ความคิดทบทวน การไตร่ตรองเป็นสิ่งที่หลายคนขอ เพื่อที่จะมาทำให้ ตัวเราสามารถลุกขึ้นได้อีกครั้ง แล้วจะผิดอะไรถ้าเราล้ม เพราะว่าเราก็สามารถลุกขึ้นได้
แต่ถ้าเส้นทางที่เราเลือกไม่ได้มันผ่านเข้ามาในชีวิตละ บางครั้งการที่จะต้องตัดสินใจโดยรู้อยู่แล้วว่าไม่ชอบใจนัก แต่ด้วยสถานการณ์ ความพร้อม ด้วยเหตุผล มันก็คงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเลือกด้วยเหมือนกัน ดูเหมือนว่าความพยายามบางครั้งมันก็คงเป็นได้แค่เพียงความพยายามที่ไม่อาจจะสำเร็จได้
ชีวิตของเรามักจะมีทางของมัน ซึ่งเส้นทางนั้นอาจจะไม่เป็นไปตามความต้องการของเราก็ได้
ชีวิตไม่ได้มีแต่ความสุขเข้ามาหา แต่เราจะต้องหาความสุขใส่ให้กับชีวิต
คุณพร้อมที่จะเดินต่อไปในเส้นทางของคุณรึยัง