10 ตุลาคม 2549 04:36 น.
Andy
ทำไมผมต้องพบเธอ
พบเพียงเพื่อจะรับรู้ว่า เธอคือ คนที่ผมเอื้อมไม่ถึง
พบเพียงเพื่อเจ็บปวด
เจ็บทุกครั้ง ที่ต้องเห็นรอยยิ้มสดใส ได้ยินเสียงหัวเราะ
เจ็บทุกครั้ง ที่ต้องพบเธออยู่เคียงข้างเพื่อนสนิทของผม จูงมือ หยอกล้อ
นัยน์ตาของผมชืดชา แต่หัวใจวิ่งวุ่น
ใครเลยจะรู้ว่า ความลับ ยังมีในโลก
เป็นความลับเพียงหนึ่งเดียว ที่จะกลบฝังลงไปพร้อมกับชีวิตของผม
……….
“ฮัลโหล เอกเหรอ อยู่กับแทนรึเปล่า” เสียงใสที่ผมคุ้นเคย กลั้นสะอื้นถาม
“แทนไม่ได้มานะ มีอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ อือ ถ้าเอกเจอแทน ช่วยบอกเค้าหน่อยนะว่าพิมโทรหา”
“ครับ”
ผมรู้ดีว่าไอ้แทนอยู่ไหน และรู้ว่านั่นคือเหตุผลที่พิมร้องไห้
“ฮัลโหล เฮ้ยแทน พิมโทรหามึง”
“เออๆ เด๋วกูโทรกลับ ขอบใจ” ไอ้แทนงัวเงียตอบ
ตามคาด มันยังอยู่บ้านรุ่นน้อง หลังจากที่เมื่อคืนมันโทรมาชวนผมกินเหล้า
แทนมักเป็นอย่างนี้ ชอบสมาคม ติดปาร์ตี้ บางทีมันก็หายไปเลยสามสี่วัน ตามตัวไม่ได้
...............
ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงพิมร้องไห้ ใจผมพลุ่งพล่านด้วยความหวัง
อยากไปเป็นคนปลอบใจอยู่ใกล้ๆ
คิดว่าครั้งนี้อาจเป็นโอกาส.. โอกาสที่ผมจะได้เข้าไปอยู่ในสายตา
คิดเพ้อฝันไปว่า จะทำให้เธอรู้สึกดีกับผมมากกว่าใครๆ
................
และเหมือนทุกครั้ง.. ผมหยุดมือตัวเองไว้ได้ทัน
ก่อนที่จะกดโทรศัพท์ไปหาพิม
...............
อีกครั้งหนึ่ง ที่ต้องห้ามใจ
ผมไม่ควรทำอย่างนั้น จะหักหลังเพื่อนรัก ที่หัวหกก้นขวิดด้วยกันมาตั้งแต่สมัยม.ปลาย
ผมเอนตัวลงนอน ปล่อยจิตสำนึกหมุนคว้าง ต่อสู้กับความเห็นแก่ตัวของตัวเอง
พยายามข่มตา.. แต่ไม่อาจหลับใจ
..............
ภาพวันเก่าย้อนมาอีกหน วันที่ผมพบพิมครั้งแรก
“พี่คะๆ หอประชุมไปทางไหนคะ?”
“อะ ผมปีหนึ่งคับ”
“อ้าว หรอ ปีเดียวกันแล้วมาเดินโต๋เต๋อยู่ทำไมละ สายแล้วนะ”
“เค้าให้รายงานตัวแปดโมง แต่พิธีเริ่มเก้าโมงคับ ยังมีเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมง”
“โธ่ จิงดิ? อุตส่าห์รีบ รู้งี้อาบน้ำก่อน.. อ๊ะ!” เธอตกใจที่เผลอหลุดความซกมกมาให้ผมรู้
“โห แสดงว่า...” ผมยิ้มเยาะ เธอเขินปนขำ
“เราชื่อพิม นายละ” ผมเดาว่าเธอพยายามกลบเกลื่อนด้วยการเปลี่ยนเรื่อง
“เอก”
“อือ ยังมีเวลา งั้นเรากลับหอก่อนดีกว่า”
“กลับไปอาบน้ำหรอ?”ผมกลั้นหัวเราะ พยายามทำน้ำเสียงให้ปกติ
“…...” พิมยิ้มค้อนๆ โบกมือลา แล้ววิ่งปุเลงๆ จากไป
.............
ครั้งแรกที่พบกัน ดวงตากลมใสของเธอ ประทับอยู่ในความทรงจำของผม
แต่เราต่างก็ผ่านเลยกันไป
เวลานั้น... ผมไม่ได้คิด หรือคาดหวังว่าจะต้องพบเธออีก
เวลานั้น... ผมไม่มีทางรู้เลยว่าในอีกหลายปีข้างหน้า
ผมจะต้องมานอนพร่ำเพ้อภาวนา ขอแลกทั้งหมดที่มี ทุกสิ่ง ทุกอย่าง
กับการที่จะได้หายกลับไปยังนาทีนั้น.. นาทีที่เราพบกัน
กลับไปยังวินาทีเดิม ที่ผมจะไม่มีวันปล่อยให้ผ่านเลยไปอีก
.....……
ผมพบพิมอีกครั้ง ในงานกีฬามหาลัย
เธอยืนโดดเด่นสะดุดตา ในชุดเชียร์ลีดเดอร์ของคณะ
ผมแทบจำเธอไม่ได้ จนกระทั่งได้สบตาคู่นั้นอีกครั้งหนึ่ง
พอเหลือบมองไปข้างอัฒจันทร์ เห็นไอ้แทนตาค้าง
มันพยายามฝ่าวงล้อม เอามือถือไปถ่ายรูปพิมใกล้ๆ
ผมยิ้มเยาะที่เห็นไอ้เพื่อนจอมกะล่อน พยายามทำเจ้าชู้
พลางมองดูเจ้าของดวงตากลมใสหัวเราะเอียงอาย
...........
บรรยากาศวันนั้น ยังเลือนลางอยู่ในความทรงจำ
ผมยังแว่วยินเสียงเพลงเชียร์กระหึ่ม
ยังได้กลิ่นจางๆ ของใบหญ้าและเปลวแดด
ในวันนั้น ผู้ชายคนหนึ่งได้ปล่อยหัวใจล่องลอยไป
บนท้องฟ้าสีน้ำเงินสดใส
.....……
หัวใจ.. มักมีวิถีของตัวมันเอง
โดยที่ใครก็มิอาจจะล่วงรู้
แม้แต่เจ้าของดวงใจเอง ก็ยังไม่อาจสัมผัส
ถึงวินาทีหนึ่ง ที่ความรักได้เกิดขึ้น
...........
ผมพบพิมบ่อยขึ้น เพราะเราเรียนวิชาเลือกเดียวกัน
ผมชอบนั่งหลังห้อง มองเรือนผมสีน้ำตาลเข้มขยับไปมา เวลาเธอสัปหงก
ชอบฟังเธอเล่าเรื่องต่างๆ ชอบเวลาเธอหัวเราะ
ชอบเสียงใสๆ ของเธอ เวลาเธอร้องเพลง
ชอบมุมมองที่เธอมีต่อสิ่งต่างๆ ในโลกใบนี้
พิมเหมือนแก้วบาง ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำใส เย็นฉ่ำ
ทุกครั้งที่ใกล้กัน หัวใจของผมชุ่มชื้น
ถ้าแทนไม่พูดคำนั้น คำว่ารักพิม
ผมคงจะไม่มีวันปล่อยให้เธอหลุดลอยไป
...........
“ฮัลโหล ว่าไงจ๊ะ” ผมปวดใจเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนั้นกลั้นสะอื้น
ในที่สุดจิตสำนึกก็พ่ายแพ้ ผมโทรหาเธอ
“เออ กินข้าวยัง” ผมหลุดคำถามโง่ๆ ผมมักเป็นยังงี้เสมอ เวลาคุยกับพิม
“ยังจ๊ะ”
“เอ่อ.. พิมได้คุยกะไอ้แทนยัง”
“อืม คุยกันแล้วจ๊ะ”
“เหรอ งั้นก็ดีแล้ว”
“เอกอย่าห่วงเลย พิมไม่คิดมากแล้วละ”
“เหอะๆ ดีแล้วละ งั้นแค่นี้นะ”
“จ๊ะ บ๊ายบาย”
“หวัดดีคับ”
.............
อีกครั้ง.. ที่หัวใจพลุ่งพล่าน พลันชะงัก
อีกครั้ง.. ที่ความหวังลมๆ แล้งๆ ของผม จบลงในเวลาสั้นๆ
ทั้งที่สมองของผมมีคำตอบให้เรื่องนี้มาตลอด
ทั้งที่ผมตั้งปณิธานว่า จะไม่มีวันเข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง
...........
อีกครั้ง.. ที่ผมจะกลืนความลับนี้ลงไป
แอบซ่อนความหวั่นไหว ลงภายใต้ความเงียบงัน
ในเวลาเช่นนี้ สิ่งเดียวที่ผมพอจะทำได้ คือชงกาแฟ
หวังว่ากลิ่นหอมๆ จากแก้วใบเก่า
คงจะช่วยทำลายความเงียบเหงาให้จางไป
ผมยกแก้วจรดริมฝีปาก ลิ้มรสชาติของความลับ อันหอมละมุน
พลันหยดน้ำตาอุ่นๆ ก็ไหลริน