11 เมษายน 2546 14:54 น.
aGApE
=ศิลปะการดื่มเลือดของยุง คือ ค่อย ๆ ย่อง อุ๊ย!! บินซิเนอะ บินเข้าไปในมุมมืด
บรรจงแทงปากทะลุทลวงผ่านผิว เข้าไปดูดเลือดอุ่น ๆ ของคุณ โดยคุณไม่รู้ตัว
=ศิลปะความรัก คือบรรจงแทรกแซง ชอนไช ทะลุทลวงความรู้สึก เข้าไปฝังลึก
อยู่ในหัวใจ ของคุณอย่างช้า ๆ อบอุ่นในหัวใจ โดยคุณไม่รู้ตัว
=กว่าคุณจะรู้ตัว ยุงก็อิ่มแปร้ บินกลับบ้าน
=กว่าคุณจะรู้ตัว รักก็มากมายเกินห้ามใจ
=ยุงตัวไหน ปากหนัก กัดเจ็บ บินไม่เร็วพอ บินไม่รู้จังหวะ บินผิดมุมให้คนเห็นหรือ
รู้ตัวก่อน ถึงฆาตมาแล้ว กว่า 90 % น้อยนักที่จะรอดฟันฝ่ามือพิฆาตและไบกอน
เขียวไปได้
=คนคนไหน ไม่เคยรัก ไม่รู้จักรัก จีบไม่เป็น ไม่มีโอกาส ไม่รู้กาละเทศะ และเหตุ
ผลอีกมากมาย นานับประการที่จะหยิบมาเอ่ยอ้างถึง ความไม่สันทัดจัดเจนเรื่อง
รัก ก็น้อยนักที่จะรอดพ้น อาการแห้วไปได้
=พอยุงกินอิ่มหนำก็บินจากไป และพร้อมจะกลับมาใหม่เมื่อโหยหิว
=ก็เหมือนรักของคนเจ้าชู้อิ่มหนำแล้วก็ผ่านไป แต่จะกลับมาใหม่เมื่อโหยหา
=ถึงจะถูกตบ ถูกฉีดยา ถ้าไม่ตายเสียก่อน พร้อมจะกลับมาใหม่เมื่อหิวอีกครา
ไม่เข็ดแฮะ
=ก็เหมือนคน เจ็บช้ำสักเท่าไหร่ ถ้าไม่ถึงตาย หัวใจก็ยังโหยหารักอยู่ทุกเมื่อ
เชื่อวัน
=ถึงจะกางมุ้ง จุดยากันยุง หรือติดมุ้งลวด ยุงก็ยังคงเข้ามาได้อยู่ดีแหละ
=ความรักก็เหมือนกัน ห้ามใจเท่าไหร่ หลีกหนียังไง รักก็ยังเล็ดลอดเข้ามาได้อยู่ดี
11 เมษายน 2546 14:52 น.
aGApE
แม่จำได้มั๊ย..
จากเล็กจนโต
แม่ซื้อยาคูลท์ ให้ผมดื่มมาตลอด
แม่รู้มั๊ยว่า นอกจากแลกโตบาซิลัสแล้ว ผมยังได้
สัจธรรมบางอย่าง จากเครื่องดื่มจุลินทรีย์ขวดเล็ก ๆ นี้
ยาคูลท์มีบอกวันหมดอายุ แต่แม่ไม่มี
ใครจะรู้ว่าแม่จะหมดอายุเมื่อไหร่
คำขวัญนึงที่คนโง่ ๆ อย่างผมจำขึ้นใจ กว่าคำขวัญวันเด็ก ก็คือ
แม่ไม่ใช่ยาคูลท์ รีบกตัญญูก่อนหมดอายุ
11 เมษายน 2546 14:50 น.
aGApE
สมัยนั้นยังไม่มีสถานสงเคราะห์คนชรา จึงไม่รู้ว่าจะเอาแม่ไปฝากใครให้เลี้ยงแทน
จึงตัดสินใจแบกเอาไปปล่อยป่าให้อยู่ตามยถากรรม
แม่ไม่วอนขอ ไม่ถาม ไม่ว่าอะไร ตั้งใจหักกิ่งไม้ตามทาง เรื่อยไป
เข้าป่าลึก ไกลมากแล้ว ลูกชายวางแม่ลงบนโขดหินแล้วหันหลัง เดินกลับทางเดิมไป
ตอนนี้เอง ที่แม่ตะโกนตามหลังลูกชายไปว่า
"ลูกเอ๋ย เดินตามรอยกิ่งไม้ที่แม่หักไว้ให้นะ จะได้ไม่หลงทาง..."
11 เมษายน 2546 14:41 น.
aGApE
" เพื่อนบ้านเรานี่ ซักผ้าไม่เป็นเลย เสื้อผ้าสกปรกเหลือเกิน
ไม่รู้เขาใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร หรือใช้วิธีซักอย่างไร "
สามีก็ตอบว่า "อย่าไปสนใจคนอื่นเขาเลย
เราซักผ้าของเราให้สะอาดก็แล้วกัน"
แต่ภรรยาก็ยังไปแอบดูเพื่อนบ้านอยู่ทุกเช้า
จากหน้าต่างข้างบนบ้าน และวิ่งกลับมารายงานสามีทุกเช้า
" เสื้อผ้าของเขาสกปรกอีกแล้ว"
ต่อมาวันหนึ่ง ภรรยาวิ่งลงมารายงานสามี
ด้วยความแปลกประหลาดใจ
"ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น
เสื้อผ้าของเขาขาวสะอาด อยากจะรู้เหลือเกินว่า
เขาเปลี่ยนมาใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร หรือทำอย่างไร.."
สามีหัวเราะและกล่าวว่า
"นี่..ฉันรำคาญเธอเหลือเกิน เมื่อเช้าฉันตื่นแต่เช้ามืด
และไปเช็ดกระจกหน้าต่างให้ใสสะอาด.. ก่อนหน้านี้
กระจกมันสกปรก เธอมองออกไป ก็เห็นแต่ความสกปรก.."
11 เมษายน 2546 14:39 น.
aGApE
เกรด 11
โทรศัพท์ดังขึ้น ปลายทางของคนที่โทรมาก็คือ "เธอ" นั่นเอง
เธอกำลังร้องไห้และพร่ำบ่นไม่ยอมหยุดว่าคนรักของเธอหักอกเธอเช่นไร
เธอขอให้ผมไปหาเพราะเธอไม่อยากอยู่คนเดียวและผมก็ไป
ผมนั่งอยู่ข้างๆเธอที่โซฟา
จ้องมองไปยังดวงตาที่อ่อนโยนของเธอและอยากให้เธอเป็นของผม
สองชั่วโมงกับการนั่งดูหนังที่Drew Barrymoreเล่นกับมันฝรั่งอีกสามถุง
เธอก็ตัดสินใจเข้านอน
เธอมองมาที่ผมและพูดว่า "ขอบใจนะ" และจูบลงที่แก้มของผม
ผมอยากจะบอกเธอให้รู้ว่าผมไม่ต้องการเป็นแค่"เพื่อน"
ผมรักเธอแต่ผมก็อายเกินไปที่จะบอก และผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
ปีสุดท้าย
ก่อนวันของงานพรอม(Prom)เธอเดินมาหาผมที่ล็อกเกอร์
"คู่เดทของฉันมันห่วย" เธอพูดขึ้น เขาจะไม่ยอมไปงานพรอมกับเธอ
และผมก็ยังไม่มีคู่เดท
ตอนสมัยอยู่เกรด 7 เราเคยสัญญากันว่าถ้าคนใดคนหนึ่งยังไม่มีคู่เดท
เราจะไปงานพรอมด้วยกันในฐานะ "เพื่อนรัก"
และเราก็ตกลงเป็นคู่เดทในงานพรอมด้วยกัน คืนวันงานหลังจากเลิกงานแล้ว
ผมยืนอยู่ที่บันไดหน้าบ้านของเธอ
ผมจ้องมองเธอเช่นเดียวกับเธอที่ยิ้มให้ผมและจ้องมองกลับมาที่ผมด้วยดวงตาสดใสของเธอ
ผมอยากให้เธอเป็นของผม แต่เธอไม่ได้คิดกับผมแบบนั้น
ผมรู้...ผมอยากจะบอกเธอให้รู้ว่าผมไม่ต้องการเป็นแค่ "เพื่อน"
ผมรักเธอแต่ผมก็อายเกินไปที่จะบอก และผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
วันจบการศึกษา
วันเวลาผ่านไป จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน
ก่อนที่ผมจะทันกระพริบตามันก็เป็นวันจบการศึกษาแล้ว
ผมมองดูเรือนร่างอันสมส่วนของเธอลอยขึ้นไปบนเวทีราวกับนางฟ้าเพื่อรับประกาศนียบัตร
ผมอยากให้เธอเป็นของผม แต่เธอไม่ได้คิดกับผมแบบนั้น
ผมรู้...ก่อนที่ทุกคนจะกลับบ้าน เธอเดินเข้ามาหาผมในชุดครุยและหมวก
และเธอร้องไห้เมื่อผมกอดเธอ
จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นจากไหล่ของผม
และพูดว่า "เธอเป็นเพื่อนรักของฉันขอบใจนะ" และจูบลงที่แก้มของผม
ผมอยากจะบอกเธอให้รู้ว่าผมไม่ต้องการเป็นแค่ "เพื่อน"
ผมรักเธอแต่ผมก็อายเกินไปที่จะบอก และผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
2-3ปีต่อมา
ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่เก้าอี้แถวในโบสถ์ เธอคนนั้นกำลังจะแต่งงาน
ผมนั่งมองเธอพูด "ฉันรับค่ะ" และไปสู่ชีวิตใหม่ของเธอ
เธอแต่งงานกับชายคนอื่นไปแล้ว
ผมอยากให้เธอเป็นของผมแต่เธอไม่ได้คิดกับผมแบบนั้น
ผมรู้..ก่อนเธอจะนั่งรถออกไปเธอเดินมาหาผมและพูดว่า "เธอมางานของฉัน!"
และพูดว่า "ขอบใจนะ" และจูบลงที่แก้มของผม
ผมอยากจะบอกเธอให้รู้ว่าผมไม่ต้องการเป็นแค่ "เพื่อน"
ผมรักเธอแต่ผมก็อายเกินไปที่จะบอก และผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
งานศพ
หลายปีผ่านไป ผมก้มหน้ามองโลงศพของผู้หญิงที่เคยเป็น "เพื่อนรัก" ของผม
ในงานศพพวกเขาได้อ่านสมุดบันทึกของเธอทั้งหมดที่เธอเคยเขียนไว้สมัยเรียนไฮสคูล
และในสมุดบันทึกเขียนไว้ดังนี้ :
ฉันจ้องมองเขาและปรารถนาให้เขาเป็นของฉัน แต่เขาไม่ได้คิดกับฉันแบบนั้น
ฉันรู้....ฉันอยากจะบอกเขาให้รู้ว่าฉันไม่ต้องการเป็นแค่ "เพื่อน"
ฉันรักเขาแต่ฉันก็อายเกินไปที่จะบอก และฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
ฉันปรารถนาให้เขาบอกว่า เขารักฉัน
และฉันก็ปรารถนาอยากจะบอกเขาเหมือนกัน ฉันคิดกับตัวเองและร้องไห้
ฉันรักเธอ
ฉันรักเธอ
ฉันรักเธอ
รักใครก็บอกเขาไปซะก่อนที่เขาจะไม่ได้อยู่ฟังคำนั้นจากเราอีกต่อไป
หรือบอกเขาก่อนที่เราจะไม่มีโอกาสได้บอกอีกต่อไป
ใครจะรู้คนที่คุณคิดว่า เขาไม่ได้รักคุณเลย
ใจจริงแล้วเขาเองอาจรู้สึกแบบเดียวกับคุณก็ได้
ถ้าไม่บอกแล้วใครจะรู้