12 เมษายน 2546 23:23 น.
aGApE
เมื่อใดวิญญาณของเธอออกท่องเที่ยวไปกับสายลม ขณะนั้นเองเธอผู้อยู่โดดเดี่ยวและมิได้มีผู้ระวังก็ประทุษร้ายต่อผู้อื่นคือประทุษร้ายต่อตนเอง และเพราะความผิดอันได้กระทำขึ้น เมื่อเธอไปเคาะและรอที่ประตูของผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย เธอจำต้องรออยู่อย่างไม่มีใครเอาใจใส่เสียขณะหนึ่งก่อน
อาตมันในเธอนั้นเป็นประดุจมหาสมุทร มันดำรงอยู่ไร้ราคีนิรันดร และเช่นกับห้วงเวหา มันยกเฉพาะผู้มีปีกขึ้น อาตมันในเธอนั้นเป็นประดุจดวงอาทิตย์ มันไม่รู้จักทางมุดของสัตว์เล็ก หรือเที่ยวใฝ่หารังรูของงูเห่า แต่อาตมันมิได้ดำรงอยู่โดดเดี่ยวในเธอ ส่วนใหญ่ในเธอยังเป็นปุถุชน และส่วนมากก็ไม่เป็นมนุษย์ แต่เป็นเจ้าแคระไร้สารรูป ซึ่งเดินหลับอยู่ในหมอกมัวแสวงหาความตื่นของตนเอง และบัดนี้เราพูดถึงส่วนปุถุชนในตัวเธอ เพราะมิใช่อาตมัน หรือเจ้าแคระในหมอกมัวแต่ปุถุชนนั้นเองที่รู้จักอาชญากรรม และทัณฑกรรม
บ่อยครั้งที่เราได้ยินเธอกล่าวขวัญถึงผู้กระทำผิดพลาด ด้วยคำพูดประหนึ่งว่าเขาผู้นั้นมิใช่พวกเธอคนหนึ่ง แต่เป็นผู้แปลกหน้าและเป็นผู้เข้ามารังควานโลกของเธอ แต่เรากล่าวว่า ผู้บริสุทธิ์และทรงคุณธรรมก็ไม่อาจก้าวขึ้นเหนือสิ่งสูงสุดอันดำรงอยู่ในเธอแต่ละคนได้ ดังเช่นใบไม้แต่ละใบไม่อาจแปรเป็นสีเหลืองได้โดยทั้งลำต้นไม่ได้มีความรู้อย่างเงียบๆ ฉันใดผู้กระทำผิดก็ไม่อาจกระทำชั่วได้โดยปราศจากความมุ่งมาดอันแอบแฝงอยู่ในเธอทั้งหมดฉันนั้น
เธอทั้งหลายพากันเดินเข้าสู่อาตมันเป็นขบวนแถว เธอเป็นทางเดิน และเป็นทั้งผู้เดินทาง และเมื่อเธอคนหนึ่งสะดุดล้มลงนั้น เขาล้มลงเพื่อผู้อยู่ข้างหลัง โดยเตือนให้ผู้อื่นระวังก้อนหินที่ขวางทาง และเขาล้มลงเพื่อผู้ที่ไปข้างหน้า ซึ่งถึงแม้เดินไปได้โดยเร็วกว่าและก้าวเที่ยงกว่า แต่ก็มิได้เอาก้อนหินที่ขวางทางออกไปเสียด้วย
และจงจำสิ่งต่อไปนี้ด้วย แม้ว่าโลกนี้จะกดทับบนดวงใจของเธอเพียงไร ผู้ถูกฆ่านั้น จะต้องมีส่วนรับผิดในฆาตกรรมของตนเอง ผู้ถูกลักขโมย เป็นผิดด้วยในการที่ถูกขโมย ผู้ประพฤติถูกต้อง ก็มิพ้นมลทินจากการกระทำของผู้ต่ำช้า และผู้มีมือสะอาดก็แปดเปื้อนด้วยเพราะการกระทำของอาชญากร
ถูกแล้ว บ่อยครั้งที่ผู้ต้องหากลายเป็นเหยื่อของผู้บาดเจ็บ และที่ยิ่งบ่อยกว่านั้นก็คือ ผู้ที่ถูกลงทัณฑ์กลายเป็นผู้ต้องแบกรับภาระของผู้ไม่ผิด และผู้ไม่ถูกติเตียน เธอไม่อาจแยกผู้เที่ยงธรรมจากมือผู้มีอคติ และแยกผู้มีธรรมออกจากคนเลวทรามเพราะเขาทั้งหลายนั้น ยืนเผชิญแสงแดดอยู่ด้วยกัน เช่นเดียวกับเส้นด้ายดำขาวถักทออยู่ด้วยกัน และเมื่อเส้นด้ายดำขาดลง ผู้ทอก็จะตรวจดูทั้งผืน และก็จะตรวจดูหูกที่ใช้ทอด้วย
ถ้าเธอคนใดจะพิจารณาตัดสินภรรยาผู้นอกใจ ก็ขอจงชั่ง และหยั่งวัดวิญญาณของสามีนางด้วย และผู้ใดจะโบยผู้กระทำผิดก็จงมองเข้าไปในวิญญาณของเจ้าทุกข์และถ้าเธอคนใดจะลงทัณฑกรรมในนามของคุณธรรม และจะเหวี่ยงขวานตัดพฤกษาร้ายก็ขอเขาจงได้มองลึกลงไปยังรากของมัน
และเขาก็จะพบโดยแน่แท้เทียวว่า รากของต้นไม้ทั้งดีและเลว ทั้งที่มีผลและไร้ผลทั้งหมดนั้น เกี่ยวรัดกันอย่างสนิทแนบ ในท่ามกลางดวงใจอันเงียบสงบของพิภพ และเธอผู้เป็นตุลาการมุ่งความเที่ยงธรรม เธอจะพิพากษาอย่างไรสำหรับผู้ไม่ผิดตามทางโลกแต่เป็นโจรทางวิญญาณ และเธอจะลงทัณฑกรรมอย่างไร ต่อบุคคลซึ่งมีการกระทำหลอกลวงและข่มเหง แต่ขณะเดียวกัน ก็เป็นผู้ต้องทุกข์และถูกข่มเหงด้วย เธอจะลงโทษสถานใดแก่ผู้ที่มีความเสียใจสำนึกผิด ยิ่งกว่าความผิดพลาดของตนเองมากนัก ก็ความสลดสำนึกในความผิดนั้น เป็นไปตามบทบัญญัติอันเธอย่อมจะพอใจยิ่งแล้ว มิใช่หรือ เธอย่อมไม่อาจทำให้ผู้บริสุทธิ์รู้สำนึกผิด หรือปลดเปลื้องความสำนึกผิดนั้น ออกจากผู้มิผิดได้
มันจะมาเยือนในยามราตรี โดยไม่ต้องการคำเชื้อเชิญ เพื่อมนุษย์นั้นจะได้ผวาตื่นขึ้น และพินิจดูตนเอง และเธอผู้ต้องการเข้าถึงความยุติธรรม เธอจะเข้าใจได้อย่างไร ถ้าไม่คอยเฝ้าดูกรรมทั้งหลายในแสงสว่างเต็มที่
จากนั่นเท่านั้นที่เธอจะได้ทราบว่า ทั้งผู้ยืนตรงอยู่และผู้ล้มไปแล้วเป็นมนุษย์คนเดียว ยืนอยู่ในสายัญกาลระหว่างราตรีอันมืดมิดของเจ้าแคระ และทิวากาลแห่งอาตมันในตน และเธอก็จะได้เห็นว่า ก้อนหินซึ่งวางอยู่ที่เสามุมของโบสถ์นั้น มิได้มีระดับสูงไปกว่าก้อนที่วางเป็นรากฐานลึกที่สุดของโบสถ์เลยอาชญากรรมและทัณฑกรรม
12 เมษายน 2546 23:17 น.
aGApE
เวลาที่คุณอยู่ใกล้มัน คุณเองก็บ้าบอไปกับมันด้วย
คุณกลายเป็นเด็กในร่างยักษ์
หลุดพ้นจากขอบเขต กฏเกณฑ์ บ้าๆบอๆ
ในหัวของคุณเต็มไปด้วยจินตนาการ
โครงการณ์ร้อยแปดพันเก้าที่คุณจะทำกับมัน
คนที่มีเรื่องเล่าสู่กันฟังไม่รู้จบ
คนที่คุณไม่ต้องคอยแคร์ความรู้สึกมันสักเท่าไหร่
มันทำให้คุณเป็นตัวของตัวเอง
คนที่ค่อยๆหายตัวไปในกาลเวลา
แต่แว๊บ..เข้ามาเสมอเวลาที่คุณอ่อนแอ
คนที่คุณคอยเล่าพฤติกรรมแปลกของมันให้คนอื่นฟังเสมอๆ
วันนี้เพื่อนคนนั้นของคุณอยู่ที่ไหน
ยังอยู่ใกล้ๆคุณอยู่หรือเปล่า
คุณยังโทรหามันอยู่ไหม
มันยังบ้าๆบอๆอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า
หรือว่าคุณเองที่มีความบ้าในเลือดน้อยลง
คุณไม่เจอมันนานแค่ไหนแล้ว
ไม่ได้มองตาคุยกันนานแค่ไหน
นานแค่ไหนที่คุณไม่ได้สัมผัสเพื่อนของคุณอย่างเดิม
หรือคุณเองก็ลืมความรู้สึกเหล่านั้นไปแล้ว
ที่คุณไม่กล้าวิ่งไล่เตะมัน
อย่าอ้างว่าคุณอายุมากขึ้น
ที่คุณไม่กล้าแย่งของกินจากมือมัน
อย่าอ้างว่าคุณมีมรรยาท
คุณกลับไปเยี่ยมบ้านต่างจังหวัดโดยไม่ชวนมัน
อย่าอ้างว่าถึงชวนมันก็คงไม่ว่าง
อะไรที่เปลี่ยนไป
เวลาหรือความรู้สึก
สังคม..หรือความสัมพันธ์...
อะไรที่เปลี่ยนแปลง
คุณหรือเขา..หรือใคร..
คุณถามตัวเองหรือเปล่า
หรือรอให้ใครถาม
รู้สึกอย่างไรที่เขาเปลี่ยนไป
แล้วเคยถามเขาไหม
เขารู้สึกอย่างไรที่คุณเปลี่ยนไป
ระหว่างคุณ..หากเกิดคำถามเหล่านี้ขึ้นในใจ
ไม่ว่าคุณจะมีคำตอบหรือไม่
ไม่ว่าคุณจะต้องการคำตอบหรือเปล่า
ขอบเขตหรือกฏเกณฑ์ที่คุณไม่เคยมีกับเพื่อนคนนี้
มันเกิดขึ้นแล้วต่อหน้าต่อตาคุณ
แต่คุณก็ตอบกับตัวเองว่า ช่างมัน
ปล่อยให้เพื่อนคนนึงกลายเป็นคนที่ไร้ตัวตนต่อไป
แต่ถ้าคุณไม่เคยตั้งคำถามเหล่านี้เลย รู้ไว้ด้วย
คุณเสียเพื่อนดีๆไปคนนึง
และโลกนี้มีคนแปลกหน้าเพิ่มขึ้นมาอีกคน
ปล. คุณรู้ไหม ขณะที่คุณกำลังนั่งอยู่ตรงนี้ เพื่อนคนนั้นของคุณ
อาจจะถามตัวเอง ว่าเขาทําอะไรผิด
12 เมษายน 2546 23:15 น.
aGApE
การมาเหนือครั้งนี้ไม่สวยงามอย่างครั้งที่แล้วเลย
ใบไม้ร่วงจากต้น หญ้าเป็นสีน้ำตาล อากาศร้อนระอุ เพราะเป็นช่วงแล้ง
ต้นไม้ดูไร้ชีวิตชี ไร้ความสุข ไร้ความหวัง
แต่วันนี้ช่วงขึ้นเขาขุนตาลฝนตกลงมาชนิดมองทางข้างหน้าไม่เห็น
หลังจากที่สายฝนได้ผ่านไป
สายน้ำไหลผ่านป่าสู่ป่า ผ่านไม้สู่ไม้ ผ่านดินสู่ดิน
ฉันรู้สึกราวกับว่าต้นไม้มีชีวิต มีความหวังอีกครั้ง
หรือบางทีอาจเป็นชั้นเองที่มีความหวังอีกครั้งกัน
ความหวังครั้งใหม่ของคนที่เคยเห็นความงาม และสิ่งที่ตรงกันข้าม
ฝนผ่านมาแล้วผ่านไป ความสุขผ่านมาแล้วผ่านไป
แต่ไม่เป็นไร เพราะเรารู้ว่ามันจะกลับมาอีกครั้ง
12 เมษายน 2546 17:49 น.
aGApE
เจ้าหนูพูดโพล่งออกมาอย่างน่าเศร้า "พวกเด็กตัวโต พวกมันล้อผมว่า ไอ้ตัวประหลาด" เจ้าหนูเติบโตขึ้น หล่อเหลา เป็นที่รักของเพื่อน ๆ เค้ามีพรสวรรค์ในด้านอักษรศาสตร์ วรรณคดี และดนตรีเค้าอาจได้เป็นหัวหน้าชั้น แต่เพราะเจ้าสิ่งนั้น..."ลูกต้องพบปะกับผู้คนบ้างนะลูก" แม่กล่าวด้วยความสงสาร พ่อของเด็กชายปรึกษากับหมอประจำครอบครัว"ผมสามารถปลูกถ่ายใบหูได้ครับ ถ้ามีผู้บริจาค แต่ใครล่ะจะเสียสละใบหูเพื่อเด็กน้อยคนนี้" คุณหมอกล่าว
2 ปีผ่านไป พ่อบอกกับลูกชาย "ลูกเตรียมตัวไปโรงพยาบาลนะ พ่อกับแม่หาคนบริจาคใบหูที่ลูกต้องการได้แล้ว แต่นี่เป็นความลับ"การผ่าตัดสำเร็จด้วยดี คนคนใหม่เกิดขึ้น เค้ากลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ เป็นอัจฉริยะในโรงเรียน ในวิทยาลัย จนเป็นที่กล่าวขานกันรุ่นต่อรุ่น ต่อมาได้แต่งงานและทำงานเป็นข้าราชการในสถานทูต
วันหนึ่งชายหนุ่มถามผู้เป็นพ่อ "พ่อครับใครเป็นคนมอบใบหูให้ผม ใครช่างให้ผมได้มากมาย แต่ผมไม่เคยทำอะไรเพื่อเค้าได้เลยสักนิด""พ่อไม่เชื่อว่าลูกจะตอบแทนเค้าได้หมดหรอก เรื่องนี้เป็นความลับ เราตกลงกันแล้ว" พ่อตอบ
หลายปีที่มันยังคงเป็นความลับ แต่แล้ววันหนึ่งวันที่มืดมิดที่สุดผ่านเข้ามาในชีวิตลูกชาย เค้ายืนข้างพ่อใกล้หีบศพของแม่ พ่อค่อย ๆ ลูบผมแม่อย่างช้าๆ และนุ่มนวล ผมสีน้ำตาลแดงถูกเสยขึ้นจนมองเห็น .. แม่ไม่มีใบหู ใบหูของแม่ถูกตัดไป..พ่อกระซิบผ่านลูกชาย "แม่บอกพ่อว่า เธอดีใจที่ได้ทำอย่างนี้ เธอไม่เคยตัดผมอีกเลย ไม่มีใครมองเห็นว่าเธอไม่สวย จริงมั๊ย"
จงจำไว้ "สิ่งมีค่าที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่การมองเห็น หากแต่อยู่ที่สิ่งที่เรามองไม่เห็นความรักที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่เราได้ทำอะไรแล้วมีคนรับรู้ หากแต่อยู่ที่สิ่งที่เรากระทำแล้วไม่มีใครรับรู้ ความรัก บางครั้งไม่จำเป็นต้องพูดพร่ำเพรื่อ"
12 เมษายน 2546 17:45 น.
aGApE
จากนั้นครูให้นักเรียนทำงานกลุ่มของชั้นขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อดูว่าการแสดงความชื่นชมยกย่องผู้อื่นส่งผลอย่างไรต่อคนในชุมชน เธอมอบริบบิ้นแก่นักเรียนคนละสามเส้น ให้นักเรียนเผยแพร่การรับรู้และชื่นชมคุณค่าผู้อื่นในวงกว้างออกไป จากนั้นนักเรียนจะต้องติดตามผลและดูว่าใครยกย่องใครบ้าง แล้วนำกลับมารายงานในห้องภายในหนึ่งสัปดาห์
นักเรียนชายคนหนึ่งเข้าพบผู้บริหารระดับรองที่ทำงานในบริษัทใกล้ๆ เพื่อยกย่องที่ชายผู้นี้เคยช่วยเขาวางแผนอาชีพในอนาคต แล้วมอบริบบิ้นติดให้บนเสื้อเชิ้ต จากนั้นก็มอบริบบิ้นอีกสองเส้นที่เหลือพร้อมกับกล่าวว่า.... "เรากำลังทำงานกลุ่มของชั้นเรียนเกี่ยวกับเรื่องการแสดงความยกย่องชื่นชมผู้อื่นครับ ผมอยากขอให้คุณช่วยหาใครสักคนที่คุณต้องการยกย่อง" แล้วให้ริบบิ้นเขา "ส่วนอีกเส้นก็ให้เขาไว้สำหรับมอบให้คนต่อไปเพื่อเผยแพร่การยกย่องชื่นชมนี้ให้กระจายต่อไป แล้วช่วยกลับมาบอกผมด้วยครับว่าผลเป็นยังไงบ้าง"
ต่อมาในวันเดียวกัน ผู้บริหารท่านนี้เข้าพบเจ้านายเขา ซึ่งเป็นคนที่ใครๆ รู้กันดีว่าเกรี้ยวกราด อารมณ์ร้าย เขานั่งลงคุยกับเจ้านายบอกเจ้านายว่าลึกๆ เขายกย่องชื่นชมเจ้านายว่า เป็นผู้มีหัวคิดสร้างสรรค์ระดับอัจฉริยะ ดูเหมือนเจ้านายเขาจะประหลาดใจอย่างยิ่ง เขาถามเจ้านายว่าจะยินดีรับริบบิ้นสีฟ้าเป็นของขวัญแสดงความชื่นชม และอนุญาตให้เขาติดริบบิ้นให้ได้หรือไม่ เจ้านายผู้ประหลาดใจตอบว่าได้ เขาจึงติดริบบิ้นสีฟ้าเส้นนั้นบนปกเสื้อนอก บริเวณเหนือหัวใจ เมื่อเขามอบริบบิ้นเส้นสุดท้ายแก่เจ้านาย เขาบอกเจ้านายว่า "ช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหมครับ ผมอยากให้เจ้านายช่วยส่งต่อริบบิ้น เส้นสุดท้ายนี่ด้วยการยกย่องชื่นชมใครสักคน พ่อหนุ่มที่ให้ริบบิ้นผมมาเป็นคนแรกกำลังทำงานกลุ่มของชั้นอยู่ เขาอยากให้ช่วยกระจายการยกย่องชื่นชมนี้ให้เผยแพร่ในวงกว้างออกไป แล้วดูว่าการทำแบบนี้ส่งผลต่อใครๆ ยังไงบ้าง"
ค่ำวันนั้น ชายผู้เป็นเจ้านายกลับบ้านไปหาลูกชายวัยรุ่นอายุสิบสี่ เขาเรียกลูกชายให้นั่งลงแล้วกล่าวว่า "วันนี้เกิดเรื่องเหลือเชื่อที่สุดกับพ่อ ตอนอยู่ห้องทำงาน ลูกน้องคนหนึ่ง เข้ามาบอกว่า เขาชื่นชมพ่อ แล้วให้ริบบิ้นเส้นหนึ่งเป็นการยกย่องว่าพ่อเป็นอัจริยะเรื่องความมีหัวคิดสร้างสรรค์ ลองนึกดูเขาคิดว่าพ่อมีหัวคิดสร้างสรรค์เข้าขั้นอัจฉริยะเชียวนะ แล้วเขาก็เอาริบบิ้นเส้นนี้ที่เขียนว่า ฉันเป็นคนมีคุณค่า ติดให้บนปกเสื้อนอกตรงหัวใจนี่แล้วยังให้ริบบิ้นพ่อมาอีกเส้นให้พ่อมองหาใครสักคนที่จะยกย่องชื่นชมต่อ ระหว่างที่พ่อขับรถกลับบ้านก็คิดว่าริบบิ้นเส้นนี้จะให้ใครดี แล้วพ่อก็นึกถึงแก พ่ออยากชื่นชมแกนะ วันๆ พ่อทำงานยุ่งมาก พอกลับมาบ้านก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจแกสักเท่าไร บางทียังอาละวาดอีก เรื่องแกเรียนได้เกรดไม่ดี เรื่องทำห้องนอนรก แต่ยังไงไม่รู้สิ วันนี้พ่อกลับอยากนั่งลงตรงนี้กับแก อยากบอกว่าแกมีค่ากับพ่อมากแค่ไหน นอกจากแม่แกแล้ว ก็มีแกนี่แหละที่เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตพ่อ แกเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมเลยแหละ แล้วพ่อก็รักแกนะ..."
เด็กหนุ่มผู้ตื่นตะลึงเริ่มสะอื้น แล้วก็สะอื้น เขาไม่อาจหยุดร้องไห้ ร่างสั่นเทาไปทั้งตัว เขาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อแล้วกล่าวทั้งน้ำตา "พ่อครับ เมื่อตอนเย็น ผมอยู่บนห้อง นั่งเขียนจดหมายถึงพ่อกับแม่ เพื่ออธิบายว่าทำไมผมถึงฆ่าตัวตาย แล้วก็ขอให้พ่อยกโทษให้ผม ผมตั้งใจจะฆ่าตัวตายคืนนี้ตอนพ่อหลับ ผมคิดว่าพ่อไม่เคยแคร์ผมเลย จดหมายอยู่บนห้องครับ แต่ผมคิดว่าผมคงไม่ต้องการมันแล้วล่ะ" พ่อของเด็กหนุ่มเดินขึ้นไปบนห้องพบจดหมายข้อความสะเทือนใจ บรรยายถึงความเจ็บปวด และทุกข์ทรมาน จดหมายฉบับนั้นจ่าหน้าถึงพ่อกับแม่ ชายผู้เป็นเจ้านายกลับไปที่ทำงานอย่างเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเขาเลิกเป็นคนขี้โมโหแต่จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้พนักงานใต้บังคับบัญชารู้ว่าพวกเขามีค่าอย่างไรบ้าง
ส่วนชายผู้เป็นนักบริหารระดับรองก็ช่วยให้คำแนะนำเด็กหนุ่มอื่นๆ ต่อมาอีกหลายคนเรื่องการวางแผนอาชีพในอนาคต แล้วก็ไม่เคยลืมบอกเด็กเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่าต่อชีวิตเขาอย่างไรบ้าง หนึ่งในนั้นก็คือเด็กหนุ่มลูกชายเจ้านายเขา ส่วนเด็กหนุ่มกับเพื่อนร่วมชั้นก็ได้เรียนรู้บทเรียนที่มีค่าเรื่องหนึ่งนั่นคือ "เราต่างเป็นคนที่มีคุณค่าด้วยกันทั้งนั้น"