12 สิงหาคม 2549 11:59 น.
White roses
ลูกจ๋าลูกโปรดจงฟังคำแม่กล่าว
ถึงเรื่องราวความในใจใคร่เฉลย
แม่ทนทุกข์สักเพียงไรไม่บ่นเลย
เพราะทรามเชยตัวเจ้า..คอยเข้าใจ
แม่รักเจ้าเพียงไร..ใจเจ้ารู้
เฝ้าชื่นชูดูแลเจ้าจนเติบใหญ่
ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเพียงดวงใจ
เจ็บป่วยไข้..แม่ยิ่งเจ็บเหน็บอุรา
พ่อของเจ้าทิ้งห่างไปต่างหน
แม่เหมือนคนหมดความหมายไร้คุณค่า
พ่อไม่เคยเห็นแม่อยู่ในสายตา
จึงไขว่คว้าหาหญิงใหม่ไว้คอยเคลีย
ทิ้งให้เราแม่ลูกคอยอยู่บ้าน...
ทิ้งการงาน..คอยดูแลหน้าที่เสีย...
แม่ปวดร้าวหัวใจแสนอ่อนเพลีย
ลูกต้องเสียกำลังใจเสมอมา
แม่กลายเป็น..คนผิดไปในที่สุด
ทำอะไรล้วน..สะดุดมีปัญหา
ดูขัดข้อง..ขัดขวางในสายตา
ราวกับว่า..โกรธเกลียดกันนานนับปี
โน่นไม่ถูก..นี่ไม่ใช่..อะไรหนอ..
โน่นไม่พอ..นี่มากไป..อะไรนี่..
ไม่เข้าท่า..ขัดข้องไปเสียทุกที..
แล้วอย่างนี้..ลูกมองเห็นเป็นเช่นไร
พ่อของเจ้าเปลี่ยนไปมากจากวันก่อน
ไม่นึกย้อนถึงอดีตอันสดใส
พ่อลืมเจ้า..กับแม่..แน่แก่ใจ
ลืมสายใย..ลืมสัมพันธ์..ลืมสัญญา
พ่อเขามีคนใหม่ที่รักยิ่ง
จึงทอดทิ้ง..แม่ไป..ไม่ใฝ่หา
แม่จึงขอจบเรื่องราวเก่าก่อนมา
หยุดเวลา..หยุดความช้ำ..น้ำตานอง
ให้เวรกรรมจบลงที่ตรงนี้
จบความรัก..ที่ล้วนมี..ความเศร้าหมอง
ขอจากไปให้พ่อเจ้า..ได้สมปอง
กับคู่ครอง..ที่เขารักอย่างจริงใจ
แม่จะเป็นกำลังใจ..ต่อไปนี้
ขอลูกมี"อนาคต"อันสดใส..
หมั่นศึกษา..หาความรู้..มองการณ์ไกล..
เพื่อเส้นชัย..เพื่อความฝัน..อันงดงาม...
11 สิงหาคม 2549 16:31 น.
White roses
เหมือนลูกไก่..หลงทางแม่..แต่อ้อนออก
เดินมานอก..รวงรัง..ห่างไออุ่น
เผชิญโลก..ตามลำพัง..อย่างทารุณ
ยังไม่คุ้น..โลกโสมม..สังคมทราม
เที่ยวร่อนเร่..พเนจร..นอนเดี่ยวโดด
ต้องทนอด..ต้องผจญ..คนเหยียดหยาม
ทั้งหิวโซ..แต่ต้อง..พยายาม
หาข้าวน้ำ..เพื่อประทัง..ยังชีวิน
แต่โชคร้าย..ตามมา..ชะตาเอ๋ย
เดินล่วงเลย..ก้าวย่าง..มาต่างถิ่น
นึกว่ารอด..ปลอดภัย..ไร้มลทิน
แต่กลับสิ้น..อิสระ..ถูกระราน
ถูกจับขัง..ในห้อง..ที่มืดมิด
แสงสว่าง..สักนิด..ไม่ลอดผ่าน
จับมาเล่น..มาขยำ..ยามต้องการ
ต้องซมซาน..ซุกมุมห้อง..นองน้ำตา
ทั้งหนาวสั่น..ทั้งมืดมิด..จิตหวั่นไหว
มองหาใคร..ว่างเปล่า..เศร้านักหนา
เคยซุกปีก..ของแม่..แต่ก่อนมา
หนาวอุรา..ซุกปีกอุ่น..อย่างคุ้นเคย
เดี๋ยวนี้เล่า.ต้องผจญ..ในโลกกว้าง
ต้องเหินห่าง..ที่พักพิง..อิงเขนย
สิ่งแวดล้อม..แปลกตา..ไม่คุ้นเลย
โอ้อกเอ๋ย..ลูกไก่..ใจระทม
จะถูกบีบ..ก็ตาย..วายชีวาตย์
หรือพิฆาต..เข่นฆ่า..ให้สาสม
จะขยำ..หรือทำร้าย..ให้อกตรม
คงสาสม.."เป็นลูกไก่"..ในกำมือ.....
11 สิงหาคม 2549 13:56 น.
White roses
ตื่นเถิดหนาพี่จ๋าอย่าหลับไหล
ดูซิใครลืมตามาเย้ยฝัน
ยิ้มแฉ่งอยู่บนฟากฟ้าแทนแสงจันทร์
นั่นไงฟันสีทองผ่องอำไพ
เจ้านกน้อยตื่นตามาจู๋จี๋
เห็นไหมพี่กิ่งไม้ระริกไหว
จิ๊บ.จู๋.จี๋.จี้.จิ๊บ.ตรงกิ่งไทร
เหมือนเย้ยใครให้ตื่นฝันในวันนี้
สายลมพลิ้วเย็นฉ่ำในยามเช้า
ปลุกเร่งเร้าวิญญาพาสุขศรี
หอมระรินกลิ่นดอกลีลาวดี
แดงสดสีงามตาน่าภิรมย์
จันทร์กระจ่างฟ้า..เหลืองงามลามดาดฟ้า
สวยนักหนาภุมรินทร์บินกันขรม
เกษรงามเย้ายวนชวนให้ชม
ต่างสุขสมดื่มน้ำหวานซ่านหัวใจ
นั่นกล้วยหอมต้นใหญ่ในกลางสวน
แตกหน่ออ้วนแทงพื้นดินเห็นหรือไม่
ออกปลีสวยงามเด่นเห็นแต่ไกล
กิ่งก้านใบเขียวสดงดงามจริง
ตื่นเถิดหนาพี่จ๋าอย่าหลับไหล
ตื่นมารับความเป็นไปในทุกสิ่ง
ตื่นจากฝันพร้อมสู่โลกความเป็นจริง
ตื่นจากสิ่งทั้งปวงที่..ลวงใจ...
์
10 สิงหาคม 2549 19:06 น.
White roses
เพียงครั้งแรก..สบตา..คราได้พบ
ก็สยบ..ด้วยสายตา..พาหวั่นไหว
หัวใจเต้น..ตึกตัก..อยู่ภายใน
เหมือนคล้ายคล้าย..แทบจะทรุด..หลุดจากทรวง
มองสิ่งใด..คล้ายใบหน้า..ครามองผ่าน
จิตฟุ้งซ่าน..อาลัย..ใจห่วงหวง
แววตาเธอ..ดั่งเปลวไฟ..สุมในทรวง
ฉันติดบ่วง..เสน่ห์หา..พะว้าพะวง
ใจหวิวหวิว..ดวงตาพร่า..คราได้เห็น
สิ่งซ่อนเร้น..แฝงดวงจิต..น่าพิศวง
ดั่งกลองเพล..ดั่งดุลยางด์..ยกทั้งวง
ตีโหมโรง..ดังกึกก้อง..สี่ห้องใจ
แค่สบตา..ยังหลงไหล..ใจเพ้อพร่ำ
ยินน้ำคำ..รำพัน..ยิ่งฝันใฝ่
อยากเป็นลม..ล้มซบ..ตรงหัวใจ
บ่าข้างซ้าย..สี่ห้องใจ..ว่างไหมเธอ
ไม่เห็นหน้า..วันใด..ใจแทบขาด
โรคประหลาด..หวลไห้..ใจเพ้อเจ้อ
นอนไม่หลับ..ผวาตื่น..ยืนละเมอ
ได้แต่เพ้อ..ครวญคร่ำ..ร่ำน้ำตา
อยากพบเธอ..ทุกนาที..ไม่มีว่าง
โปรดอย่าร้าง..ห่างไปไกล..ใจห่วงหา
ให้ฉันยืน..เคียงข้าง..ทุกเวลา
ได้ไหมนะ..คนดี..ฉันนี้คอย
10 สิงหาคม 2549 07:14 น.
White roses
เสียงระฆังวังเวงวิเวกแว่ว
แก๊ง.แก๊ง.แผ่วจากหนใดที่ไหนหนอ
วิหกร้องขันคูกู่เสียงคลอ
หอมละออกลิ่นมาลีคลี่ดอกบาน
จิตวิญญาณลอยวนอยู่หนไหน
โปรดจงช่วยกลับมาคืนผสาน
เป็นหนึ่งเดียวกับเรือนร่างดั่งต้องการ
อย่าซมซานเป็นกายทิพย์พเนจร
แสงแห่งธรรมสาดส่องทั่วท้องหล้า
ต่างจรมาน้อมรับฟังคำสั่งสอน
กิเลสที่กลางฤทัยเริ่มคลายคลอน
พนมกรน้อมรับภควันต์
เสียงธรรมะสะวะนะประสานก้อง
ดั่งเสียงร้องบรรเลงเพลงสวรรค์
ขับกล่อมมวลเวไนยสารพัน
ให้ยึดมั่นในศรัทธาค่าความดี
จักษุได้รู้เห็นเป็นแก่นสาร
ถึงความเจ็บปวดทรมานความบัดสี
เห็นการเกิดแก่เจ็บตายบรรดามี
ทั้งโลกีย์ตัญหาน่าเศร้าใจ
ความดีไม่เคยทำเลยสักนิด
ครั้นชีวิตใกล้จะลับดับสลาย
กระเสือกกระสนดิ้นรนหนีความตาย
เริ่มเห็นพระรำไรในสันดาน
โสตสองข้างควรรับสดับบ้าง
ทุกสิ่งอย่างล้วนนิจจังตามสังขาร
ไม่มั่นคงจีรังยั่งยืนนาน
ต้องแตกดับตามกาลกำหนดมา
จะต้องการสิ่งใดอะไรเล่า
เรามาเปล่าก็ไปเปล่านั่นแหละหนา
สร้างความดีประดับไว้ในโลกา
ดั่งผกาหอมระรินทั่วถิ่นไพร.......