2 พฤศจิกายน 2551 15:44 น.
Salukphin
ตะวันยอทอแสงแฝงอ่อนล้า
ตะวันจ๋าจรจากพรากเจ็บไหม
ตะวันรู้รสร้าวหนาวอย่างไร
ตะวันไห้โหยบ้างไหมใจตะวัน
2 พฤศจิกายน 2551 14:58 น.
Salukphin
ฟ้าใกล้ค่ำทำไมใจหมองหม่น
คิดสับสนจนขวัญคว้างหวั่นไหว
มองตะวันผันเคลื่อนคล้อยลอยลับไป
หนาวเหน็บในใจหนาวร้าวพิกล
เหมือนมีลางรับรู้หดหู่นัก
เหมือนโดนกักกำหนดบทบาทปล้น
เหมือนถูกฆ่าพร่าสังหารผลาญตัวตน
เหมือนเป็นคนไร้ชีวิตจิตวิญญาณ
ยิ่งมองฟ้าเปลี่ยนสีคลี่คล้ำคาด
ใจก็วาดหวาดผวาน่าสงสาร
ขวัญตระหนกอกระทมใกล้ซมซาน
เสียวสะท้านวูบไหวในอารมณ์
เพราะใจอ่อนอ่อนไหวใช่หรือเปล่า
จึงซึมเศร้าเสียขวัญพรั่นขื่นขม
ทั้งสุขทุกข์รุกเร้าเหงาชื่นชม
เข้าห่อห่มห้องใจไม่เว้นวาย
ตอบตนเองได้ไหมในวันนี้
เหตุใดที่ใจว้าวุ่นกรุ่นมิหน่าย
ฟ้าเลือนแสงตะวันจางร้างเลื่อมพราย
ฤๅสุดท้ายฟ้าตะวันคือฉันเอง.
2 พฤศจิกายน 2551 02:13 น.
Salukphin
ในวิมานม่านฟ้าดูน่ารัก
ด้วยพร้อมพรักเรืองรองผ่องรังสี
ดาวดื่นดาษพาดฟ้ายามราตรี
สลับที่แสงจันทร์วันขึ้นแรม
ทิพย์สถานพิมานแมนทั้งแดนสรวง
ทุกเหวห้วงเวิ้งฟ้าจ้าเจิดแจ่ม
สุกสกาววาวระยับวะวับแวม
งามแอร่มแต้มตาพาเพลินใจ
ในแผ่นดินถิ่นฐานบ้านมนุษย์
ต่างยื้อยุดฉุดสังหารผลาญกันใหญ่
เพราะกิเลสเศษอารมณ์ทับถมไป
จึงคว้าไขว่เกลือกกลั้วลืมชั่วดี
ทุกถิ่นที่ฉายฉาบอาบสีเลือด
ซึ่งเฉือนเชือดเนื้อหนังไทยไร้บัดสี
ผิดครรลองครองธรรมย้ำกาลี
ชดใช้หนี้ด้วยอะไรหมดไฟกรรม
สองสถานการจำแนกความแตกต่าง
คือตัวอย่างนิยามไว้ใช่ขบขำ
เตือนสติบ้างไหมในการจำ
ฤๅแค่คำคมคิดผิดปรัชญา.
2 พฤศจิกายน 2551 01:31 น.
Salukphin
ดอกจำปาลาแล้วแก้วกาหลง
ช่อประยงค์อำลาฟ้ากว้างใหญ่
พุดพิกุลบุนนาคจำพรากไกล
ปีบร่ำไห้โหยหาช่อราตรี
นมแมวร้องก้องกู่ประดู่โมก
บัวเกี่ยวโศกโยกไหวในค่ำนี้
ลำดวนอ้อนวอนจำปูนคูนจำปี
กุหลาบหนีเล็บมือนางกลางแสงจันทร์
ผีเสื้อน้อยลอยพลิ้วละลิ่วไหว
รักหงอนไก่ไปชวนชมนมสวรรค์
บานเย็นเก้อชะเง้อหาทานตะวัน
จนไหวหวั่นวาดระทมพวงชมพู
ยิ่งยามดึกนึกพรั่นหวั่นยี่โถ
คอยชงโครักหวนชวนเชิญคู่
หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมพัดกรู
ขวัญหดหู่เคว้งคว้างกลางสวนไพร
แว่ววังเวงเพลงป่ามาผะแผ่ว
นกเค้าแมวส่งเสียงร้องก้องป่าใหญ่
จากพรากรับขับขานสานแต่ไกล
หนาวเหน็บในใจตรมอารมณ์ตน.
1 พฤศจิกายน 2551 03:38 น.
Salukphin
เงียบสงัดวังเวงบทเพลงเหงา
ในม่านเงาพร่างพรายสายลมฝน
พิณออนซอนอ่อนล้าแรงแข่งลมบน
ใจสับสนซึมเซาเศร้าบางครา
เพราะรอบกายกำเนิดเกิดจุดว่าง
เหมือนโลกกว้างปลดปล่อยสร้อยห่วงหา
เหมือนถูกเสกสร้างลิขิตขีดชะตา
เหมือนห้วงฟ้าห่อหุ้มเหวหลุมพราง
หรือเพราะใจไหวหวั่นหวาดวาดระแวง
หรือเพราะแสงพระธรรมนำเลิกร้าง
หรือพระพรหมห่มลิขิตปิดเส้นทาง
หรือทุกอย่างพบจุดจบสบทางตัน.