19 กันยายน 2545 22:51 น.
SAENG
ฉันจินตนาการว่า...........
ฉันเห็นสสาร คือน้ำในแอ่งและทะเลที่ราบนั้น เหือดหายกลายเป็นไอเบาหวิวหาหลักไม่ได้ ด้วยแรงลมและกระแสนานา ด้วยเหตุแห่งพลังของเจ้าจักรวาลนี้ (คือดวงอาทิตย์) กลายเป็นเมฆหลายชนิด เคลื่อนคล้อยลอยไปตามกระแสแห่งความแตกต่างของความหนาแน่น และความแตกต่างของความผลักดัน ที่ก่อเกิดจากความไม่เท่าเทียมกันของอุณหภูมิ
ผ่านท้องที่มากมาย ทั้งที่อุดมแม้แต่ท้องทุ่งแห้งแล้ง ผ่านอารยะรุ่งเรื่องและถดถอย แตกต่างกันทั้งในอารมณ์และวรรณะ สู่ความอ่อนโยน อ่อนเย็นแห่งเทือกเขา หุบผา แม้แต่.....ทิวไม้ เกิดการแลกเปลี่ยนแห่งสมดุลยภาพ บ้างกลายเป็นผลึกหนาแน่นราวอัญมณี แล้วรวมตัวกันเป็นสีแห่งความบริสุทธิ์ และแปลงสภาพเป็นหยดไหล.......บ้างก็กลั่นตัวเป็นหยดใสตั้งแต่ต้น ไร้ซึ้งสี สดชื่น ชื่นฉ่ำ และปลอดโปร่ง.... แล้วรวมกันเป็นกระแสธาร......ไหลสู่เบื้องที่ต่ำ คือหุบเขา นำพาความร่มเย็น สายธารบ้างอาจย่อมเซาะและทำลาย แต่......ชักนำความสมบูรณ์สู่เบื้องล่าง......อันเป็นที่ราบ สัตว์น้อยใหญ่ดูดซับและแก่งแย่ง นำพาความเจริญและอาจทำลาย......... ผ่านท้องทุ่งน้อยใหญ่ที่สรรสร้าง มีทั้งทีต้องการ นิ่งเฉยและไร้ค่า....... บางครั้งนำพาหยาดเหงื่อ หยาดน้ำตา ความหวัง ความหลังและสิ้นหวัง........หรืออาจมีรอยยิ้มเปื้อนน้ำตาแห่งความปิติของผู้ที่ยากไร้ขื่นขม สิ้นหวัง และเหล่าผู้มั่งมี....... เพิ่มชีวิตให้ถิ่นแห้งแล้ง แม้ทะเลทราย ผ่านศิวิไลแห่งวัฒนธรรมและปนเปื้อนแหล่งเสื่อมโทรม...... กลับสู่แห่งเดิม............ คือแอ่งและทะเล ทิ้งความอุดมและทำลายไว้เบื้องหลัง และบ่อเกิดแห่งสรรพสิ่งใหม่ ตรงทางเข้าแหล่ง......คือแอ่งและทะเล
เหตุเกิดเพราะสิ่งเดียว.....คือน้ำหนัก....ถ้าเธอมีสิ่งพันธนาการ เธอย่อมเข้าสู่วัฏจักร.........
ฉันหวัง........ฉันจะไปจากวัฏจักร...........ฉันจินตนาการ
19 กันยายน 2545 22:47 น.
SAENG
น้ำที่ไหลเซาะผ่านหุบเขา.....ย่อมร่มเย็น
สายธารชักนำความอุดม....ย่อมสู่ที่ราบลุ่ม...และอาจตื้นเขิน
พืชสัตว์พันธ์ดูดซับ....ย่อมเจริญงอกงาม
วิทยาการ....ย่อมสะสม...และถ่ายทอด
ก้าวหนึ่ง....ย่อมคือประการณ์
หนึ่งกาลเวลา....ย่อมสู่ความแตกฉาน
เบื้องบนคือฟ้ามืด.....มิมีเมฆ...แต่ย่อมเป็นความแพรวแสงแห่งดาวน้อยใหญ่
คือ....ความถวิลของเธอ
แล้วแต่จะใฝ่คว้า