ฝากลมลอยล่องฟ้าแทนถ้อยถาม กี่โมงยามปานฉะนี้อยู่ที่ไหน สุขหรือทุกข์เป็นอยู่จะอย่างไร เหนื่อยหรือยากพึงใคร่รู้เรื่องราว ฝากตะวันส่องแสงแผลงไออุ่น ห่มละมุนหากว่าเจ้าเหน็บหนาว ฝากแมกไม้ทิวเขาที่ทอดยาว คอยคุ้มฝนกรูกราวในฤดู ฝากนกน้อยแห่งไพรในหมู่เกาะ ส่งเสนาะสำเนียงเคล้าคุ้นหู โปรดเป็นเพื่อนปลุกปลอบเจ้าโฉมตรู แทนคนนี้ที่อยู่แสนห่างไกล ฝากเจ้าจันทร์นวลแสงแห่งฟากฟ้า ส่องเรืองรองนภาสวยสุกใส แทนผ้าผวยห้อมห่มแสนอุ่นไอ คล้ายความเคยชิดใกล้แห่งสองเรา ฝากดาวน้อยวับวาวพราวพริบพร่าง คอยพูดคุยมิต่างคลายร้างเหงา ในค่ำคืนดื่นสงัดผลัดบรรเทา อีกฝากเฝ้าดูแลด้วยห่วงใย ฝากเวหาป้องปัดพัดลมคลุ้ม อุ่นโอบอุ้มดำเนินอย่างรื่นไหล คืนแผ่นดินถิ่นแม่โดยปลอดภัย ณ หัวใจดวงนี้ที่เฝ้ารอ
กี่เวลารอคอยเพื่อพานพบ นับมิจบวันเดือนเลย-เลื่อน-ไหล กี่รำพึงคิดถึงจับจิตใจ เก็บกี่เหงาซ่อนไว้ก่อนใกล้กัน เพราะชะตาชักนำคล้ายเคยคุ้น มาเนี่องหนุนคนไกลสู่สังสรรค์ แล้วชะตากำหนดเพื่อผูกพัน สื่อสองใจหมายมั่นร่างรักรอ ณ วันนี้ไอรักอันอิ่มอุ่น แผ่สัมผัสละมุนห้อมห่มหอ มิต้องเอ่ยรบเร้าพะเน้าพะนอ ก็รับรู้สานต่อหยั่งเยื่อใย กี่เวลารอคอยเพื่อพานพบ นับมิจบเดือนปีล่วง-เลื่อน-ไหล ยังแน่วแน่แม้กาลแปรเปลี่ยนไป ขอรักแท้มั่นไว้สิ้นกัปกัลป์
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ สวัสดีวันปีใหม่พา ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์ ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม ต่างสุขสมนิยมยินดี ข้าวิงวอนขอพรจากฟ้า ให้บรรดาปวงท่านสุขศรี โปรดประทานพรโดยปรานี ให้ชาวไทยล้วนมีโชคชัย ให้บรรดาปวงท่านสุขสันต์ ทุกวันทุกคืนชื่นชมให้สมฤทัย ให้รุ่งเรืองในวันปีใหม่ ผองชาวไทยจงสวัสดี ตลอดปีจงมีสุขใจ ตลอดไปนับแต่บัดนี้ ให้สิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์ สวัสดีวันปีใหม่เทอญ
ลาแล้วลาทีนะปีเก่า สุขเศร้าเคยมีปล่อยผ่านผัน เวลาดำเนินมิย้อนวัน ขอจงยึดมั่นในความดี เยือนย่างมาแล้วเจ้าปีใหม่ สุขสมล้นใจทุกข์ห่างหนี สิ่งใดมั่งคั่งให้มากมี เกษมเปรมปรีดิ์ทั้งใจกาย เรื่องร้ายเศร้าโศกอย่ากรายกล้ำ ปวดป่วยเจ็บช้ำให้ห่างหาย อุปสรรคขวางคั่นจงมลาย การ-กิจเสร็จง่ายได้ดั่งใจ อัญเชิญคุณพระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นิรมิตคำพรส่งสมัย จงมีแด่ท่านทุกคนไป สวัสดีปีใหม่ทั่วไทยเทอญ อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ " พรปีใหม่ " ประกอบบทกลอน
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช คำร้อง: ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา ยามลมหนาวพัดโบกโบยโชยชื่น เหล่าสกุณร้องรื่นรมย์ หมู่ดอกไม้ชวนภมรร่อนชม ช่างสุขสมเพลินตาน่าดูชูใจ โอ้รักเจ้าเอ๋ย ยามรักสมดังฤทัย พิศดูสิ่งใด ก็แลวิไลแจ่มใสครัน อันความรักมักจะพาใจฝัน เมื่อรักนั้นสุขสมจิตปอง ยามลมฝนพัดโบกโบยกระหน่ำ หยดหยาดนำน้ำหลั่งนอง ผึ้งภู่ทั้งวิหคเหงาเศร้าหมอง เกลื่อนกลาดผองมาลีร่วงโรยลงดิน เหมือนรักผิดหวัง เปรียบดังหัวใจพังภินท์ น้ำตาหลั่งริน และลามไหลเพียงหยาดฝนปราย อันความรักแม้นไม่เป็นดังหมาย ตราบวันตาย ชีพขมขื่นเอย
และแล้วหนาวนี้ก็ผ่านพัด ลมลอยใบสะบัดไม้แกว่งไหว ดอกหญ้าปลิวปลิดละล่องไป อ้ออ้อยหลิวไผ่ลู่ไล้ลม สรรพสิ่งนิ่งไหวใจกำหนด ท้อระทดหดหู่หรือสุขสม เด่นดียากแค้นแสนทุกข์ตรม พึงคอยคุมอารมณ์ให้เท่าทัน และแล้วหนาวนี้ก็พัดผ่าน แปรเปลี่ยนไปตามกาลมิเหหัน เหงาเงียบเป็นคึกคักเฉกเช่นกัน ลุ่มหลงอยากยึดมั่นเพื่อสิ่งใด สรรพสิ่งเลื่อนไหลตามธรรมชาติ อย่าเอื้อมอาจปรับแปลงได้ไฉน เรียนรู้ปล่อยปลงให้เป็นไป เพราะสิ่งใดล้วนแล้ว. . ." อนิจจัง ". . . อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ " ลมหนาว " ประกอบบทกลอน
..... ในหนึ่งปีหนึ่งวันและหนึ่งหน ..... มีหนึ่งคนหนึ่งใจในหนึ่งรัก ..... แต่หนึ่งสิ่งหนึ่งอย่างที่รู้จัก ..... คือหนึ่งรักหนึ่งใจในหนึ่งคน ..... แล้วหนึ่งคนหนึ่งใจในหนึ่งร่าง ..... รู้หนึ่งสิ่งหนึ่งอย่างหนึ่งเหตุผล ..... ว่าหนึ่งใจหนึ่งนี้หนึ่งตัวตน ..... มอบหนึ่งเดียวหนึ่งรักล้นแด่หนึ่งใจ