27 ธันวาคม 2553 08:28 น.
KIRATI
เหมือนหลั่งรินเทเวลานาทีไหล
ดั่งเทียนไขที่หดสั้นพลันถดถอน
ช่างเร็วรี่ทุกวี่วันจนหวั่นคลอน
ดั่งไฟร้อนแรงโชติช่วงเผาห้วงกาล
เป็นความงามตามสัจจะวัฏฏะเวียน
ผ่านปมเปลี่ยนเงื่อนเวลาชะตาด้าน
ดีสุขทุกข์ที่คลุกเคล้าเศร้า-เบิกบาน
เผชิญก้านทั้งกิ่งสุขและทุกข์ทน
เพียงลมห้วงทุกช่วงเราสูดเข้าออก
ย้ำเตือนบอกเพียงบางอย่างที่วางผล
ให้เพียรสู้ได้รู้เห็นเพื่อเป็นตน
พาหลุดพ้นกับบางอย่างบนทางเดิน
ถกลค่าเปรียบเวลามหารอบ
จารกฎกรอบเพียงรอบปีที่ลัดเผิน
รู้ตั้งรับปรับเปลี่ยนแก้แห่เผชิญ
มุ่งสรรเสริญเสกชีวิตตามสิทธิ์มี
ผ่านร้อยพันวันเวลามหาลด
ทุกวันหดหายเป็นรอบตามกรอบชี้
ล่องรอยผืนยืนหยัดสู้อยู่ข้ามปี
อยากแค่มีวันที่แม้จะแก่ซม
ทุกรอบปีอยากเพียงมีฤดีสุข
ไร้หม่นทุกข์ใดเจ็บช้ำระกำขม
อยากเห็นแสงแสนสดสวยด้วยตากลม
อยากตากลมเย็นชื่นสุขทุกคืนไป
เกือบขวบปีที่ผ่านไปดั่งไหลริน
ยังอยู่ดิ้นสู้บนโลกกับโชคขัย
นำเรียนรู้เพื่อสู้สิทธิ์พินิจใจ
เสพกลิ่นไอวัยชีวิตวิเคราะห์ควร
รากอุดมกลมกลิ้งการณ์เหมือนพาลบ้า
เหลิงทีท่าเกินกล้ำไกลมักไห้หวน
แท้เท่าเทียม บ่เจียมย้ำกล้ำกระบวน
ผลคำนวณคือว่างเปล่าตรงเท้ามอง
บ้านหลังนี้คือชีวีที่มีสุข
พลังปลุกเติมแรงหวังเมื่อพลั้งหมอง
บ้านหลังนี้มีค่านักรักตระกอง
เปรียบดั่งทองงามวิพุธวิสุทธิ์นัย
กอดอบอุ่นในอ้อมแขนบนแกนฝัน
นิทราพลันรับรู้สึกเพียงนึกได้
มิต้องตรองกรองอิจฉาค่าใดใด
สัมผัสไออุ่นความรักประจักษ์รมย์
9 ธันวาคม 2553 09:04 น.
KIRATI
สีฟ้า ท้องฟ้า เมื่อคราสาย_
เหลื่อมพราย ลายม่าน เมฆสีขาว
ตัดเด่น เห็นผืน ฟ้าพื้นพราว_
ทอดยาว ขาวเด่น เร้นเมฆา
พื้นฟ้า สุดตา ฟ้าอมเข้ม_
เหลื่อมเต็ม เล็มตัด กว้างขอบฟ้า
แซมหมอก เมฆขาว พราวพร่างตา_
นภา พาเพลิน เชิญพิศมอง
แลยัง อีกฝั่ง ณ ฟากฟ้า_
เมฆา กลับพา ค่าหม่นหมอง
เมฆดำ ลอยต่ำ ง้ำเคลื่อนครอง_
กลบล่อง กรองแสง แห่งตะวัน
เคลื่อนเร็ว ลามไว พานไหวจิต_
ครอบชิด ลิดกาล ม่านสวรรค์
ครึ่งฟ้า นภา ชักพาพลัน_
คล้อยวัน พลันดับ ลงกลับตา
เสียงกลอง จากฟ้า เริ่มฝ่าฟาด_
กัมปนาท ฟาดเป็น เส้นสายฟ้า
เมฆดำ ง้ำคืบ หลืบลามมา_
คลุมท่า ฟ้าหม่น ระคนไป
จากวัน พลันพราว สีขาวเมฆ_
งามเฉก เสกสรร วันสดใส
กลับหม่น จนหมอง พร่องงามไป_
เหลือไว้ ให้ท้อ กาลรอชม
ลมแรง สำแดง แกร่งกำลัง_
เหมือนชัง พื้นโลก พิโยคสม
กระชาก ซากปรัก หักราบซม_
ทรุดล่ม ราบล้ม ลงเรียบตา
พิรุณ กรุ่นไอ นัยพิโรธ_
เหมือนโกรธ โลกา ว่าหนักหนา
จากโปรย เป็นเท ระเนมา_
ท่วมท่า ท่วมฟ้า ท่วมแผ่นดิน
เหมือนดั่ง ชีวิต จมสิทธิ์สู้_
จากอยู่ เหมือนดู ว่าสุขสิ้น
จู่จู่ สุขนั้น พลันโบกบิน_
ชีวิน สิ้นสุข ที่ขลุกเคย
@@@@@@@@@
รอลม พรมพัด ปัดเมฆคลาย
สลาย กรายกลับ เพียงนับเผย_
สุขคืน ฟื้นกลับ ได้ปรับเปรย
รำเพย สีฟ้า ครากลับคืน_
อย่าสุด สิ้นหวัง ภวังค์ ฟ้า
เมฆา ไหนมั่น จะหวั่นฝืน_
คลุมมา ผ่านทุกข์ เพียงลุกยืน
เก็บชื่น ชมฟ้า ค่าอำไพ_