3 พฤศจิกายน 2551 08:24 น.
KIRATI
........คิดถึง...มันแกว........
ฉันมีพุดเดิล สีขาว
ตัวยาวๆ และขนปุกปุย
ตัวใหญ่อุ้ยอ้าย ตุ้ยนุ้ย
มันชอบคุย เห่าเก่งเสียงดัง
ตอนเกิด นึกว่าไม่รอด
นึกว่าจะจอด เพราะคลอดทีหลัง
พี่น้องของมัน รวมกัน
มีครบครัน รวมแล้วสี่ตัว
คลานกัน ต้วมเตี้ยม เต็มบ้าน
ให้นึกรำคาญ ดูแล้วปวดหัว
เลยให้ คนไปสามตัว
เหลือสองตัว ไว้คอยพึ่งพา
ตั้งชื่อมันว่า “มันแกว”
มันเลยเกลียดแมว เพราะมันเป็นหมา
เลี้ยงมัน หวังคอยพึ่งพา
กะว่าให้หา จับหนูแทนแมว
แม่มันชื่อว่า “ขนุน”
พอเป็นสาวรุ่น พร้อมมีแฟนแล้ว
แม่ฉัน นึกแผนวางแนว
เพราะคงไม่แคล้ว อยากมีอีกตัว
ก็เลยพาเจ้า ขนุน
ไปหาต่อทุน ให้ขนุนมีผัว
เพื่อนแม่ เขามีอยู่ตัว
ที่พร้อมเป็นผัว ให้ขนุนรื่นรมย์
ครั้งเดียวจริงๆ ที่ติด
มันเคยจะคิด ว่าจะได้สุขสม
ขนุนอ้วนพี ท้องกลม
จะได้ชื่นชม ลูกมันอย่างแรง
ถึงวัน ที่ขนุน จะคลอด
น้องฉันก็ดอด รีบโทรมาแจ้ง
ทั้งบ้านดีใจ อย่างแรง
ขนุนมันแหง๊ง.... หวงลูกยิงฟัน
สองตัว นอนบนหัวทุกคืน
หลับๆตื่นๆ แต่ก็นอนหลับฝัน
กินข้าว ก็กินพร้อมกัน
อาบน้ำให้มัน พร้อมกันทั้งสองตัว
ใครออกไปธุระ ข้างนอก
กลับมามันก็ออก มาแย่งกันมั่ว
ดีใจ เห่ารับพลันพัว
แย่งกันทั้งสองตัว กระโดดดีใจ
มันแกวมันเป็นหมา จอมซน
พวกเราทุกคน ก็เลยแกล้งให้
สนุกรุกรับ กันไป
พอได้ผ่อนคลาย สนุกทุกวัน
สองปีผ่านไป เป็นสุข
อยู่กับมันสนุก ก็มีความสุขสันต์
พ่อฉันล้มเจ็บ ลงพลัน
เขาเคาะเรียกสั่น เจ้ามันแกวได้ยิน
มันแกวก็เลยเห่า เสียงดัง
น้องๆของฉันก็เลยเงียบฟัง กระสินธุ์
กระแสเสียงเคาะ รวยริน
แต่ก็พอ ได้ยินเสียงพ่อเรียกใคร
จึงทัน พลันพา พ่อส่ง
ให้ถึงขึ้นตรง มือหมอแก้ไข
ใคร่ครวญชวนคิด ในใจ
นี่ถ้าไม่ได้ เจ้ามันแกว แย่เลย
(พูด) ผ่านเหตุการณ์ไป ......ประมาณสักสี่-ห้าเดือน....
และแล้ว อยู่มา วันหนึ่ง
ถึงวันที่ซึ่ง ทุกคนจำติด
ประตู เปิดฆาต ชีวิต
ไม่เคยคาดคิด เหมือนถูกปลิด..... ชีวิน..............................................
ล้อรถ ทับร่าง มันแกว
ร้องแล้ว ร้องลา ลับดิ้น
พาร่าง รับยา ถ่ายริน
ถวิล รักษา กลับคืน
รับมัน กลับมา สู่บ้าน
เพียงพาน ให้มัน หายฟื้น
เพียงอยาก เห็นมัน ลุกยืน
กลับคืน สู่อ้อม กอดใจ
พัดวี นอนที่ มันเกิด
แล้วเปิด พัดลม พัดให้
เดี๋ยวเดียว มันร้อง ปวดใจ.......................................
จากไป มิหวน กลับคืน
น้ำตา พี่น้อง รินหลั่ง
ช่วยกัน เยื้อยุด ฉุดฝืน
โอบร่าง มันแกว ดึงคืน
หวังตื่น ลืมตา ขึ้นมอง
โอ้...เอ้ย เจ้าเอย จงตื่น
จงยืน อย่าทำ หม่นหมอง
อย่าทำ อย่างนี้ ไม่ปอง
เจ้าต้อง ไม่ไป จากกัน
จงสู้ จงตื่น เดี๋ยวนี้
อย่าหนี จากไป ไกลฝัน
กระตุ้น หัวใจ เจ้าพลัน
รักกัน มิใช่ เดี๋ยวเดียว
มิคิด ว่าเสียง สุดท้าย
กับสาย ตาเจ้า ที่เหลียว
จะเป็น อีกแค่ หนเดียว
ของเสี้ยว ใจเจ้า ที่มี
มันนาน จนเกิน จะหยุด
จะฉุด ดึงกลับ มาหวน
คิดพลัน ใจร้อง โอดครวญ
โหยหวน เสียงร้อง ระงม..................................(ยาวนาน)
เนิ่นนาน นิ่งมอง จ้องร่าง
มันแกว นอนนิ่ง ขื่นขม
แนบนอน กับหมอน ชิดชม
ผ้าห่ม คลุมร่าง ร้างลา
ใจเอย ไม่เคย นึกว่า
ต้องมา ร้องไห้ ให้หมา
ยามนั้น มันคิด ขึ้นมา
เหมือนว่า มันแกว เป็นคน
เหมือนเพื่อน เหมือนน้อง เหมือนลูก
พันผูก ใจรัก ฉงน
ยามเสีย มันแกว จอมซน
สับสน ร้องไห้ รักมัน................................
เช้าขึ้น พาร่าง สงบ
เป็นศพ นอนนิ่ง โศกศัลย์
ขุดดิน รวมแรง ด้วยกัน
พามัน ลงนอน ล่ำลา
คืนกลับ สู่ดิน ไปเถิด
ไปเกิด เป็นคน นะหมา
ชาตินี้ เจ้าน้อย บุญยา
ชาติหน้า จงได้ เป็นคน
น้ำตา กลับไหล รินร่วง
สิ้นบ่วง เวรกรรม อีกหน
ชาติหน้า เถิดหนา เป็นคน
อีกหน คงได้ พบกัน.................................................
พี่ไป นะเจ้า หมาน้อย
เจ้ากลอย มันแกว ของฉัน
ไปแล้ว จะคิด ถึงกัน
เจ้าจง หลับฝัน............................ ไปดี...............................................
ด้วยรัก....... จาก(พี่)คน...ถึง(น้อง)หมา.....
31 ตุลาคม 2551 07:21 น.
KIRATI
จันทร์เสี้ยว เดี่ยวโดด ที่โขดผา
เพียงพา ดวงจิต ที่คิดถึง
บนดอย คอยรัก ด้วยคะนึง
ค่ำจึง ซึ้งยัง คงเฝ้ามอง
หวังเพียง เคียงใจ ให้คิดชื่น
คงยืน จ้องจันทร์ ในวันหมอง
จากไกล ไปกรุง ด้วยมุ่งปอง
เรียกร้อง ครรลอง ธิปไตย
ณ ฝั่ง ทำเนียบ ก็เปลี่ยวเปล่า
ร้อนผ่าว กลับหนาว ได้ไฉน
จากดอย คล้อยสาว มาแสนไกล
ร้อนกาย แต่ใจ หนาวทุกวัน
ร้อยหก สิบวัน ที่พลันจาก
พลัดพราก มากรุง มุ่งสานฝัน
ธิปไตย ใต้ฟ้า จอมราชันย์
มองจันทร์ บรรเทา หนาวรักคลาย
30 ตุลาคม 2551 12:24 น.
KIRATI
รูปรสกลิ่นเสียง และจิต (เหตุ)
รูป อารมณ์ ชมเพียงแค่ผ่าน
รส เพียงหวาน ซ่านลิ้นเพียงสุข
กลิ่น หอมหวน ชวนลืมสิ้นทุกข์
เสียง สนุก ปลุกเร้าอารมณ์
จิต คือศูนย์ กลางกลดลจิต
เป็น ชีวิต สั่งกายสุขสม
เหตุ ระเริง เหลิงรับอารมณ์
ผล ระทม ตรอมตรมตามมา
ที่ สนุก สุขเพียงแค่ผ่าน
คน กลับสาน พานคิด จิตหา
คิด ว่าสม ชื่นชมนำพา
ว่า อุรา ของข้าชื่นใจ
ดี ไม่นาน เริ่มพานพบโศก
จึง เซ็งโลก โทษตามกรรมหมาย
หลง ในผิด กิเลสเหตุกลาย
ผิด จนตาย ตามกรรมบัญชา
รูปรสกลิ่นเสียง และจิต (ผล)
รูป พระธรรม นำจิตคิดชม
รส นิยม เพียรชมเสาะหา
กลิ่น จรุง มุ่งธรรมนำพา
เสียง ศรัทธา สุขสมฤดี
จิต คือศูนย์ กลางกลดลจิต
เป็น ชีวิต สั่งกายส่งศรี
เหตุ คือสิ่ง จริงแท้แน่มี
ผล คือดี จิตที่ใฝ่ธรรม
ที่ ทุกข์ทน จนจิตมิสุข
เริ่ม คือทุกข์ สุขลวงถลำ
ต้น คือทุน หนุนสิ่งกระทำ
ทุกข์ คือกรรม นำชิดติดกาย
จึง ควรงด ลดลาที่จิต
ควร ใคร่คิด ผิดดีที่หมาย
ดับ กิเลส เหตุผลวุ่นวาย
ทิ้ง เพียงหมาย ได้แท้สุขจริง
30 ตุลาคม 2551 11:42 น.
KIRATI
หมากรุก
ประชันขันแข่ง แบ่งฝ่าย
เป็นก่ายกองเกิน ทหาร
ห้ำหั่นต่อตี รุกราน
ประหารศัตรู รุกโรม
กลการเกมยุทธ์ จุติ
ยุติ เมื่อขุนถูกโหม
กระหน่ำซ้ำบีบ จู่โจม
ประโคมบีบทาง ขุนเดิน
เริ่มเดินเบี้ยพล ชนก่อน
ไชชอนร่อนรอ กองเสริม
ท้าต่อล่อชน กลเดิม
สุดเหิม เดินหน้าเข้าตี
เดินลุยกรุยทาง วางเม็ด
แก้เคล็ดกลตาม วิถี
สับโขกโยกม้า เข้าที
แผนนี้ ต้องพลีชีพลง
ยอมตายเพื่อนาย ตามบท
กำหนดการยุทธ์ ประสงค์
สัพยอกหลอกยุทธ ทะนง
เดินหลง กลตามวิธี
เสร็จเราเข้าตาม กลศึก
ตรองตรึก นึกไล่ทางหนี
ขุนวนเดินเหนือ เรือตี
ขุนหนี ซัดม้าตามไป
เด็ดชีพ ริบองครักษ์
ป้องปัก ขุนใกล้สลาย
เกือบแล้ว เร่งล้อมรอบกาย
วางค่าย ล้อมขุนจนรน
จนต้องมองวาง ทางอับ
กลับถูก เขานับสับสน
เอวัง ขุนเข้าตาจน
สองคน กลับเพื่อนกัน
29 ตุลาคม 2551 12:31 น.
KIRATI
สนุ๊กเกอร์
สักราช ฉาดรงค์ ผ้าพรมเขียว
แค่กลมเดียว ขาวเดิน ที่เพลินสอย
ลูกกลมๆ หลากสี ที่ต้องคอย
ต้องตามสอย คอยตบ ลงหลุมพลัน
เพียงโต๊ะเหลี่ยม ตัวใหญ่ แต่มีกรอบ
เป็นริมขอบ ชิ่งยาง ช่างสร้างสรรค์
มีหกหลุม บนล่าง กลางแบ่งปัน
ให้เลือกกัน ตามแต่ จะชอบตี
ต้องตบกัน สิบห้า ว่าลูกแดง
ให้เลือกแทง แดงสลับ กับลูกสี
มีเหลืองเขียว ช็อคเล่น เด่นพอดี
ซ้ำยังมี สีน้ำเงิน และชมพู
หรือตบแดง แทงดำ ทำชุดใหญ่
แค่ซัดไป สองชุด ก็สุดหรู
แต่ขาวเดิน เพลินไป ไม่ทันดู
กลิ้งตกรู ลบสี่ ก็มีเฮ
สนุ๊กเกอร์ ก็คือ ชื่อเรียกกัน
เกมแข่งขัน ชิงดี ที่สรวลเส
เกมกีฬา ครหา ว่าเกเร
ว่าเสเพล เล่นกัน จะเสียคน
เพราะกฎเกณฑ์ พันพา กีฬาบัตร
จะฝึกหัด ขัดเกลา ก็สับสน
ไร้ที่ฝึก ศึกษา เพราะมากคน
ยังอับจน คนสอน ด้วยศรัทธา
คงมีเพียง เซียนต่อ ที่โต๊ะบ่อน
สโมสร นับพัน ที่สรรหา
เซียนพนัน ขันต่อ เพื่อล่อตา
เพียงเงินหา ค่าโต๊ะ ไปวันๆ
แล้วศรัทธา กีฬา สนุกเกอร์
ก็ชะเง้อ เก้อเพียง แค่เพียรฝัน
จะมีต๋อง ต้องเพียง เซียนพนัน
ร่วมกันสรร เสกสร้าง รึอย่างไร