18 กุมภาพันธ์ 2552 10:09 น.
KIRATI
ณ ดินแดน...ที่แสนไกล...ในฟากฟ้า
สองเทวา...พาผิดกฎ...เกณฑ์สวรรค์
จำยินยอม...ด้วยพร้อมใจ...ในโทษทัณฑ์
สองเทวัญ...ต้องตักดิน...จนวายปราณ
เวลาหน่วง ล่วงเลยพ้น...ต้องทนขุด
แต่ดันผุด...อุตริ...สองประสาน
ฆ่าเวลา...แกล้งปั้นคน...ให้ลมปราณ
เป็นตำนาน..เรื่องคู่ครอง...ของคนเรา
สองเทวัญ...พลันสนุก...ที่ฉุกคิด
ให้ชีวิต...หุ่นคนปั้น...เป็นภูเขา
ไว้มากมาย...หลายกองเกิน...เพลินสองเรา
ความรู้เขา...จ้าวสวรรค์...พลันโกรธา
รับโทษทัณฑ์...ดันมาหาญ...ทำอย่างอื่น
จนดาษดื่น...แน่นสวรรค์...เป็นหนักหนา
เพิ่มโทษทัณฑ์...แกล้งให้หมอง...สองเทวา
จงแบ่งผ่า...หุ่นเป็นสอง...แล้วโยนไป
สู่โลกา...หล้าเบื้องล่าง...อย่างละคู่
ที่กองอยู่...คู่เพียรปั้น...ให้พลันหาย
แต่ละคู่...จงแยกเรียก...ว่า”หญิง-ชาย”
จงกระจาย...แยกให้ถ้วน ...ทั่วแผ่นดิน
หากแม้นร่าง...สร้างสมคู่ อยู่แยกไว้
เกิดต้องใจ...ผิดในคู่ ...อยู่ถวิล
บาปกรรมหมอง...เจ้าต้องรับ...สองเทวินทร์
ต้องโรยริน....ปั้นหุ่นคน ...จนนิรันดร์
แต่...หากแม้น...ร่างทั้งคู่...ต่างดูคล้าย
ฤาได้หมาย...คืนกายคู่...สู่สวรรค์
เรียกดินเดิม...เนื้อคู่เติม...กันและกัน
สองเทวัญ...ถือเสกสรร ...พลันผิดคลาย
สองเทพพร่ำ...ร่ำรับคำ...จากสวรรค์
เริ่มสร้างสรรค์...งานเนื้อคู่...อย่างที่หมาย
กาลเลยผ่าน...เป็นตำนาน...เรื่องหญิงชาย
เนื้อคู่กาย...ของผองชน...เป็นต้นมา
18 กุมภาพันธ์ 2552 09:55 น.
KIRATI
วลีร่าย คิดพร่ำ อรัมภบท
ด้นตามกฎ ลดมุข สนุกสนาน
ตามกลอนเลิศ ประณีต อดีตกาล
ที่สืบนาน คู่ฟ้า มหานคร
ด้วยร่ายเริง เชิงชั้น บรมครู
สถิตอยู่ คู่ฟ้า ศิลาอักษร
มิเทียบจิต คิดหาญ รานฤทธิกร
เพียงพิศพร ร่อนเริง เชิงคำประพันธ์
เพียงยินยล ผลคำ จำนรรจ์เสนาะ
คำครูเพราะ เสกพจน์ ดั่งกฎสวรรค์
ลลิตเรียด เพรียบพจน์ ที่บทประพันธ์
คำครูสรรค์ สืบศิลป์ ถิ่นนครา
จึ่งน้อมนบ จิตโน้ม เพื่อก้มลงกราบ
ประจงจิต คิดทราบ เพื่อจะรักษา
ขอจิตเพียง เรียงพจน์ บทอักษรา
ตามปรารถนา ว่ากลอน อักษรภิรมย์
18 กุมภาพันธ์ 2552 09:39 น.
KIRATI
ด้วยเนตรเคล้า เย้ายวน.... ชวนสะท้าน
ด้วยกลิ่นกานต์ กรุ่นกาย... ที่ได้หอม
ด้วยเรื่อแก้ม แจ่มปราง... มิสร่างดอม
ด้วยกายก่าย เกยกล่อม... น้อมนิทรา
เมื่อกายล้า อ้อนอุ่น.... ละมุนไล้
เมื่ออ่อนใจ อ้อนใจ.... ให้ปรารถนา
เมื่อสุขอิ่ม ปริ่มรัก.... ด้วยแววตา
เมื่อนิทรา กอดหอม.... ถนอมนอน
จักเหมือนเดือน คู่คราว.... กับดาวสรวง
จักเหมือนพวง บุปผชาติ.... รักเกสร
จักเหมือนแม้น แผ่นน้ำ.... ห่วงดินดอน
จักเหมือนมาส สิงขร.... อ้อนโอบดง
หมายมั่นรัก จักรัก...ประจักษ์จิต
หมายใจติด โซ่ทอง...ยอมประสงค์
หมายสิ้นลม ลงพร้อม...เสน่ห์คง
หมายเพียงพงศ์ สืบขาน... ตำนานลือ
18 กุมภาพันธ์ 2552 09:25 น.
KIRATI
เอื้อยลม ชมทิว ทุ่งพง
เดินดง ชมเพลิน พฤกษา
เด็กน้อย เดินต้อย ตามบิดา
ตัดป่า จุดหมาย เรือนรัง
ถึงจุด หยุดข้าม ลำธาร
สะพาน ทอดยาว ข้ามฝั่ง
แกว่งไกว โอนไหว ใกล้พัง
แต่พอ ได้ยัง ข้ามไป
ลูกเอ๋ย... จับมือ พ่อเถิด
หากเกิด เภทภัย ใดร้าย
พลาดพลั้ง พลัดตก ลงไป
ขาดใจ น้ำตา พรั่งพรู
ลูกสาว กลับบอก พ่อกลับ
พ่อเอง ควรจับ มือหนู
เพราะหาก พลาดผิด คิดดู
ไม่รู้ หนูปล่อย คลายมือ
แต่ถ้า พ่อเป็น ฝ่ายจับ
หนูกลับ คิดหวน ควรหรือ
ที่พ่อ จะยอม ปล่อยมือ
เพราะหนู นั้นคือ ดวงใจ
พ่อพา ลูกน้อย ข้ามฝั่ง
คิดย้ำ คำพูด มิหาย
เราหรือ จะยอม ปล่อยคลาย
เพราะสาย ใยรัก ผูกพัน
ไม่มี วันยอม จะปล่อย
เจ้ากลอย ใจรัก ของฉัน
ชีวิต ให้แทน ได้พลัน
จะจับ มือมั่น จนตาย
12 กุมภาพันธ์ 2552 13:56 น.
KIRATI
รอยแผลผ่าน รานทุกข์รน ทนทุกข์หนัก
จากคนรัก หักอกเอา เศร้าหม่นหมอง
ผ่านสิบสี่ กี่กุมภาฯ น้ำตานอง
ยังกลัดหนอง อดฉลอง วาเลนไทน์
อยากจิบไวน์ ใต้แสงจันทร์ แสงดาวส่อง
อยากลอยล่อง เรือสองคน จนฟ้าใส
อยากจุมพิต ที่นวลปราง อย่างสุขใจ
อยากพูดไป คำว่ารัก สักกุมภาฯ
ใยชะตา ข้าจึงตรม บ่มดวงจิต
ได้แต่สิทธิ์ คิดพร่ำไป ใฝ่จิตหา
ชีวิตอับ อาภัพรัก ปักอุรา
มีชะตา ได้แค่ซึ้ง เพียงครึ่งเดียว
อยากเพียงเจอ เธอผู้ที่ มีอีกครึ่ง
ใยเทพถึง ทะลึ่งขว้าง ห่างฟ้าเขียว
ให้สองเรา เหงาจนแก่ แย่จริงเชียว
เจอตอนเหี่ยว เซียวซีดหมด อดกุมภาฯ