20 สิงหาคม 2552 08:06 น.
KIRATI
แสงโรยรา ตะวันหล่น พ้นขอบฟ้า
สกุณา ถลาบิน กลับถิ่นฐาน
ลมพัดเรียบ เงียบสงัด รัตติกาล
คืนยาวนาน ในบ้านร้าง ข้างวัดวา
เพราะหลงทาง ขอค้างนอน เพื่อผ่อนเหนื่อย
ลมเอื่อยเฉื่อย และเมื่อยตรม ระบมขา
กลางป่าดง คงต้องนอน ผ่อนกายา
สักคืนครา อรุณรุ่ง จักมุ่งไป
ในบ้านทรง กระท่อมนา กลางป่าเขา
ช่างเปลี่ยวเหงา นอนพะวง ด้วยสงสัย
วัดก็ร้าง บ้านก็ร้าง กลางพงไพร
หริ่งเรไร ไร้ระงม ข่มตานอน
พรางรู้สึก ให้นึกไป ใครจ้องอยู่
แง้มตาดู จู่จู่พลัน หมาดันหอน
เสียงโหยหวน ชวนให้เกร็ง ต้องเร่งนอน
จิตเริ่มหลอน นอนฟังเสียง สำเนียงพา
เสียงก็อกแก็ก แปลกแปลกดัง นอนฟังอยู่
เหมือนมาขู่ ผู้หลงทาง สร้างผวา
อธิษฐาน ในบ้านร้าง กลางพนา
หลงทางมา โปรดอย่าหลอก ให้ออกไป
นึกถึงคำ น้อมนำจิต คิดถึงแม่
ยามที่แพ้ แก่จิตตน รนไฉน
จิตภูติ ที่สิงสู่ อยู่ข้างใน
จะหลุดไป จากใจออก มาหลอกตน
จะโผล่แวบ แค่แป๊บเดียว เมื่อเหลียวมอง
จะกู่ร้อง ก้องในหู ดูฉงน
มาแตะแขน สะกิดคอ เพื่อล้อลน
เป็นทุกคน จงจำไว้ อย่าไปกลัว
จิตภูติ ที่หลุดไป ไม่ยากจับ
ให้ขยับ หัวแม่มือ หรือแตะหัว
จิตท่องจำ พระคัมภีร์ ที่ติดตัว
ท่องระรัว แล้วหลับตา นิทราเลย
คร๊อกกกกก......zzzzzzzzz
17 สิงหาคม 2552 08:23 น.
KIRATI
อกอิงหมอน นอนเพียร เขียนความคิด
ตามแต่จิต นิมิต คำกลอนไข
ปล่อยอารมณ์ ผสมสาน ซ่านฤทัย
ล่องลอยไป ในกลอน ก่อนนิทรา
ดินสอกด จรดคำ ตามจิตบอก
พรั่งพรูออก ลอกจด บทชิวหา
จัดครรลอง คล้องงาม ตามจิตพา
เพลินอุรา คราเช้า จึงเข้านอน
ฟ้ารุ่งสาง กระจ่างแสง ยังแฝงจิต
หลับนิมิต ติดพลัน มั่นสมร
ได้ลุ่มหลง รมย์รัก ปักบังอร
นิทรากลอน ศรรัก ปักฤดี
ฝันว่า....
ว ฉินเฉิด พรายฉาย โฉมพิสุทธิ์
เนตรบุรุษ ผุดเพียง เพ่งรังสี
นฤมล ยลยวน นวลสตรี
จอมนรี ศรีโสม โฉมสะคราญ
บุรุษกรุ่น กลิ่นพลัน รัญจวนรัก
ทะนงนัก กลับเคลิ้ม สะเทินหวาม
แพ้โฉมฉิน สิ้นดุ บุรุษงาม
ราบโรยลาม หวามไหว ในบัดดล
ว ฉินงาม ทรามวัย ณ เบื้องหน้า
งามหยาดฟ้า ลงมา จากเวหน
มาฉาดฉาย พรายแสง เสน่ห์ยล
เร้ากมล ยลงาม ตระการเรือง
อกสามศอก ชาตรี ที่เก่งกล้า
กลับสิ้นท่า ไร้แวว เป็นแมวเชื่อง
เพียงแผ้วพบ สบพักตร์ ประจักษ์เรือง
เนตรนางเนือง เฟื้องรัก ประจักษ์แล.....