16 ตุลาคม 2552 08:01 น.
KIRATI
เช้าชื่นชวน หลวงตา บิณฑบาต
ชัย-ชิด-ชาติ ตามต้อย คอยเก็บสรร
ชาติชักชม หนมต้ม ลงย่ามพลัน
ฉ้อฉกฉันท์ พลัน ชิด ชัย มิยอม
ยื้อแย่งย่าม ยามย้อน ก่อนถึงวัด
หยุดยอกยัด ฉ้อฉล ดังกลขอม
อย่ายึกยัก ส่งหนม โดยยินยอม
ยวนยั่วย่อม ยื้อแย่ง มาแบ่งกิน
โครมคามคึก อึกทึก นึกศึกชิด
ครั่นครุ่นคิด หลวงตา บำเพ็ญศีล
คาดคั้นความ ครวญถ้อย จะพลอยยิน
ใคร่ครวญคิด หยุดดิ้น คงสิ้นความ
ยอยกย่อง ยอดเยี่ยม เยี่ยงอย่างยิ่ง
หยุดเย่อหยิ่ง ยวนยั่ว หยั่งเหยียดหยาม
ยอมหยุดยั้ง เย็นเยือก ยังยั่วยาม
หยุดยื้อย่าม แย่งยื้อ อย่างยินยอม
นำหนมน้ำ หนมเนื้อ มานิดหน่อย
ชัย-ชิด-ชาติ ปราศถ้อย ร้อยถนอม
หลวงลุงแล แค่ถาม บ่ ออมชอม
ชัย-ชิดยอม ชี้ ชาติ ฉ้อหลวงตา
แว๊ก!!!...เว้าเวียน วุ่นวาย ว่ากันวน
หลวงลุงลน จนใจ จะกล่าวหา
ชาติ-ชิด-ชัย ไปห้อง ของหลวงตา
กลัวเกินกล้า กล่าวกล่ำ ระกำใจ
หลวงตาวุ่น ขุ่นความ ถามเจ้าจุ่น
เรื่องจุ้นจุ้น จุ่นจอย จักพลอยไข
เอาว่าวน เวียนวัน จะบรรลัย
จงบอกไข ใจเจ้า จะเข้าที
เจ้าชัยชอบ ตอบแทรก เพราะแบกเรื่อง
ความขุ่นเคือง เรื่องราว เจ้าจุ่นนี้
เหตุหักหาญ จันทร์จวง เพราะดวงมี
ไปยันฮี หนีจุ่น ให้ขุ่นคอย
จุ่นจ่อมจม เจ็บจิต จากจวงจันทร์
จบจากจันทร์ เจ็บใจ เจ้าจุ่นจ๋อย
จำใจจบ จรจาก จนเจอะจอย
จากจิตจ๋อย เจอจอย จุ่นจิตแจว
จากจ่อมเจ็บ เจอะจอย จุ่นจักจีบ
จอยเจอจีบ จับจูบ จอยจิตแจ๋ว
เจ้าจุ่นจำ เจ็บจาก จวงจันทร์แจว
ใจจุ่นแจ่ว จมจ่อม จ้องจีบจอย
**************
เรื่องก็มี เท่านี้ ล่ะพี่น้อง
เหนื่อยคำพร้อง ชวนชม จักพรมส่อย
จักแต่งกลอน อ้อนกานต์ ต้องล้านคอย
อีกแสนถ้อย ร้อยเรียง มาเขียนกัน
เอ้า...............จบดีก่า....อิอิ
16 ตุลาคม 2552 07:53 น.
KIRATI
ภิกษุหนุ่ม ใจรุ่มร้อน นอนไม่หลับ
จิตกระสับ เพราะรับความ ตามโยมไข
แม่ของพระ นอนป่วยซม ระทมไป
อยู่แต่ใน นอนเป็นไข้ ไม่ออกมา
พอเช้ารุ่ง ก็มุ่งหา เจ้าอาวาส
เพื่อจะขอ อนุญาต ปรารถนา
ไปดูแล แม่ที่ป่วย ช่วยนำพา
อยู่รักษา ผู้มารดา สักสองวัน
เจ้าอาวาส เห็นพระหนุ่ม กลุ้มตระหนก
อาจวิตก ให้เกินจิต จนผิดผัน
จึงเรียกพระ แก่พรรษา ขึ้นมาพลัน
จงร่วมกัน ได้เดินทาง ไปดูแล
แล้วกราบลา เจ้าอาวาส ออกเดินดง
เร่งตัดพง ประสงค์จิต ที่คิดแท้
จักถึงบ้าน ก่อนพลันพลบ ประสพแล
ได้เจอแม่ แต่ก่อนค่ำ จึงจ้ำเดิน
ระหว่างทาง ด้วยร้อนรุ่ม พระหนุ่มก้าว
กลับมองเฝ้า เห็นพระพี่ มิสรรเสริญ
เพราะนวยนาด พิลาศไพร ให้เพลิดเพลิน
จึงเชื้อเชิญ อย่าเดินถ่วง มาหน่วงกัน
ในสายตา พระผู้น้อง มองผู้พี่
ยังดูดี มีอารมณ์ ชมสุขสันต์
จึงเอ่ยปาก ว่ามาเรื่อง อันใดกัน
หลวงพ่อท่าน ให้ท่านนั้น มาถ่วงตน
ผมยิ่งเร่ง ท่านกลับถ่วง ไม่ห่วงกิจ
ผมพินิจ คิดคำตอบ รอบสับสน
เหตุไฉน อันใดพา มาถ่วงตน
ให้ฉงน ต้องทนเห็น เป็นขัดตา
พระผู้พี่ ได้ยินคำ พระน้องกล่าว
จึงหยุดก้าว แล กล่าวถ้อย ร้อยชิวหา
อันตัวเจ้า ก้าวเร่งเลาะ เพราะอุรา
ที่ร้อนกว่า จึงแลว่า พาช้าลง
เจ้าก้าวเดิน มิเพลินจิต คิดแต่เร่ง
จึงพิศเพ่ง เพียงร้อนรุ่ม กลุ้มจิตหลง
จงแลคิด สะกิดกล่าว เฝ้าปลิดปลง
พี่ยังคง เดินดงเท่า เจ้าเดินรน
ผิดแต่เพียง เดินด้วยสุข สงบกว่า
ใช้เวลา ประมาณเท่า เจ้าสับสน
เจ้าเป็นพระ ละกิเลส เหตุผจญ
ใยร้อนรน จนลืมท่า สง่าเป็น
พระผู้น้อง ยินคำเอ่ย เฉลยบอก
พลันนึกออก ว่าใยเรา เฝ้าทุกข์เข็ญ
พระพี่ท่าน ก็ทันก้าว เท่าเราเป็น
ใยเราเห็น ว่าท่านถ่วง ในห้วงวัน
จึงเดินดั้น พลันสติ จิตสงบ
ไม่คิดขบ ลงแง่มอง หมองมหันต์
แม้ข้างหน้า คือปัญหา สารพัน
จิตก้าวมั่น ด้วยปัญญา พาจิตคลาย
จนเดินถึง ซึ่งลำธาร สะพานขาด
อนงค์นาถ แม่นางหนึ่ง ซึ่งยืนหมาย
จะก้าวข้าม ลำธารลื่น ก็ฝืนกาย
อันตราย จะเกิดพลัน กับครรภ์เธอ
หากลื่นล้ม จะตรมหมอง ต้องแท้งบุตร
แต่ก็สุด จะเดินไหว ไกลเสนอ
จักขอแรง ให้พระหนุ่ม ช่วยอุ้มเธอ
ก็กลัวเก้อ เพราะผิดกฏ กำหนดธรรม
พระผู้พี่ มีพรรษา ที่แก่กว่า
ไม่ชักช้า คว้านารี มาอุ้มผำ
พระผู้น้อง มองตะลึง ซึ่งกระทำ
พระพี่นำ ข้ามลำธาร ผ่านพ้นภัย
พอถึงฝั่ง นารีนาง วางมือกราบ
ท่านต้องบาป ก็เพราะนาง วางเงื่อนไข
พระท่านกล่าว เรานะหรือ ถือทำไป
เจ้าปลอดภัย พร้อมบุตรเจ้า เรายินดี
ผละจากนาง นารีนั้น พลันเดินต่อ
พระน้องก่อ ข้อกังขา ค่าหม่นศรี
จริงอยู่ใช่ ในเมตตา ค่าหวังดี
แต่กฎมี ใยพี่ท่าน บั่นทำลาย
เก็บคำถาม ความสงสัย ในใจผ่าน
จนถึงบ้าน พบมารดา ที่ห่างหาย
ท่านซูบซม ผมหงอกเพิ่ม กว่าเดิมไป
ไม่สบาย ทำไมแม่ ต้องปิดกัน
แม่เฒ่าแก แลลูกชาย ไหว้กราบลูก
ใช่สิ้นผูก พันหัวจิต คิดหลบหัน
แต่เพราะเห็น ที่ลูกเป็น เน้นสำคัญ
เพราะลูกนั้น มีพระธรรม ให้ค้ำจุน
จึงมิอยาก พรากพระธรรม ไปจากเจ้า
แม้แม่เฒ่า หรือเจ็บไข้ ไม่เกื้อหนุน
แก่เจ็บตาย ต้องรับได้ ใช่ทารุณ
จงสร้างบุญ และหนุนค้ำ พระธรรมไป
พระผู้น้อง สนองคุณ บุญกำเนิด
ผู้บังเกิด ประเสริฐงาม อาการหาย
ครบสองวัน ตามสัญญา ต้องเคลื่อนคลาย
ต้องวางสาย สัมพันธ์กลับ สู่วัดวา
ออกเดินทาง ระหว่างนั้น พลันฉุกคิด
เรื่องที่ติด ในจิตมอง ต้องปัญหา
เรื่องนารี ที่ช้อนอุ้ม สุมอุรา
เหตุใดหนา พาให้ท่าน มั่นลงมือ
พระผู้พี่ จึงชี้นำ คำกล่าวอ้าง
นี่ท่านยัง มิวางนาง กระนั้นหรือ
เราส่งนาง วางลงยัง ฝั่งนั่นคือ
แค่กายถือ ใช่จิตต้อง ปองกระทำ
หากเกิดเหตุ เภทภัยเป็น เช่นนางกล่าว
เจ้าจะเศร้า หรือมิเศร้า เราขอถาม
สองชีวิต สิ้นเพราะเรา ไม่เอาความ
บาปคงตาม เป็นความผิด ติดในใจ
พระผู้น้อง มองเห็นแจ้ง กระจ่างชัด
บางสิ่งขัด บางสิ่งปลง ด้วยเงื่อนไข
ทุกเรื่องติด ที่จิตมอง ครรลองไป
ใช้จิตไข ขบด้วยธรรม ให้นำแล
21 กันยายน 2552 11:58 น.
KIRATI
ค่ำคืนครวญ เครียดคร่ำ ครางคอยคู่...
อกกลัดกลุ้ม กลางคืน ฝืนคอยรัก
คืนคุดคู้ คู่เคียง เคยเคลียเคล้า...
นอนนิ่งนัก นึกคิด ถึงจิตน้อง
คลาดคนเคย เคียงแค่ คืนครั้งคราว...
พลาดพบพิศ คิดถึง แม่เนื้อทอง
คนคลอเคล้า ไคลครา คิดครวญคราง...
ยามแม่ต้อง ล่องจาก พรากตรมตรอม
คอยคนคู่ คลาดแคล้ว คืนเคียงค่า...
จึงรั้งรอ ขอพบ คืนเคียงมั่น
คนคู่ครา เคล้าเคลีย เคียงคู่ค้าง...
เจ้าจอมขวัญ วันเรา เฝ้ากอดหอม
คลาดแคล้วคอย ค่ำคืน คร่ำครวญคราง...
ร่างเลือนไร้ ไอรัก จักกอด ดอม
คิดครุ่นค้าง แค่คร่ำ ครวญคอยคน...
นอนตรมตรอม หอมเพ้อ เก้อเดียวดาย
20 สิงหาคม 2552 08:06 น.
KIRATI
แสงโรยรา ตะวันหล่น พ้นขอบฟ้า
สกุณา ถลาบิน กลับถิ่นฐาน
ลมพัดเรียบ เงียบสงัด รัตติกาล
คืนยาวนาน ในบ้านร้าง ข้างวัดวา
เพราะหลงทาง ขอค้างนอน เพื่อผ่อนเหนื่อย
ลมเอื่อยเฉื่อย และเมื่อยตรม ระบมขา
กลางป่าดง คงต้องนอน ผ่อนกายา
สักคืนครา อรุณรุ่ง จักมุ่งไป
ในบ้านทรง กระท่อมนา กลางป่าเขา
ช่างเปลี่ยวเหงา นอนพะวง ด้วยสงสัย
วัดก็ร้าง บ้านก็ร้าง กลางพงไพร
หริ่งเรไร ไร้ระงม ข่มตานอน
พรางรู้สึก ให้นึกไป ใครจ้องอยู่
แง้มตาดู จู่จู่พลัน หมาดันหอน
เสียงโหยหวน ชวนให้เกร็ง ต้องเร่งนอน
จิตเริ่มหลอน นอนฟังเสียง สำเนียงพา
เสียงก็อกแก็ก แปลกแปลกดัง นอนฟังอยู่
เหมือนมาขู่ ผู้หลงทาง สร้างผวา
อธิษฐาน ในบ้านร้าง กลางพนา
หลงทางมา โปรดอย่าหลอก ให้ออกไป
นึกถึงคำ น้อมนำจิต คิดถึงแม่
ยามที่แพ้ แก่จิตตน รนไฉน
จิตภูติ ที่สิงสู่ อยู่ข้างใน
จะหลุดไป จากใจออก มาหลอกตน
จะโผล่แวบ แค่แป๊บเดียว เมื่อเหลียวมอง
จะกู่ร้อง ก้องในหู ดูฉงน
มาแตะแขน สะกิดคอ เพื่อล้อลน
เป็นทุกคน จงจำไว้ อย่าไปกลัว
จิตภูติ ที่หลุดไป ไม่ยากจับ
ให้ขยับ หัวแม่มือ หรือแตะหัว
จิตท่องจำ พระคัมภีร์ ที่ติดตัว
ท่องระรัว แล้วหลับตา นิทราเลย
คร๊อกกกกก......zzzzzzzzz
17 สิงหาคม 2552 08:23 น.
KIRATI
อกอิงหมอน นอนเพียร เขียนความคิด
ตามแต่จิต นิมิต คำกลอนไข
ปล่อยอารมณ์ ผสมสาน ซ่านฤทัย
ล่องลอยไป ในกลอน ก่อนนิทรา
ดินสอกด จรดคำ ตามจิตบอก
พรั่งพรูออก ลอกจด บทชิวหา
จัดครรลอง คล้องงาม ตามจิตพา
เพลินอุรา คราเช้า จึงเข้านอน
ฟ้ารุ่งสาง กระจ่างแสง ยังแฝงจิต
หลับนิมิต ติดพลัน มั่นสมร
ได้ลุ่มหลง รมย์รัก ปักบังอร
นิทรากลอน ศรรัก ปักฤดี
ฝันว่า....
ว ฉินเฉิด พรายฉาย โฉมพิสุทธิ์
เนตรบุรุษ ผุดเพียง เพ่งรังสี
นฤมล ยลยวน นวลสตรี
จอมนรี ศรีโสม โฉมสะคราญ
บุรุษกรุ่น กลิ่นพลัน รัญจวนรัก
ทะนงนัก กลับเคลิ้ม สะเทินหวาม
แพ้โฉมฉิน สิ้นดุ บุรุษงาม
ราบโรยลาม หวามไหว ในบัดดล
ว ฉินงาม ทรามวัย ณ เบื้องหน้า
งามหยาดฟ้า ลงมา จากเวหน
มาฉาดฉาย พรายแสง เสน่ห์ยล
เร้ากมล ยลงาม ตระการเรือง
อกสามศอก ชาตรี ที่เก่งกล้า
กลับสิ้นท่า ไร้แวว เป็นแมวเชื่อง
เพียงแผ้วพบ สบพักตร์ ประจักษ์เรือง
เนตรนางเนือง เฟื้องรัก ประจักษ์แล.....