6 มีนาคม 2553 21:54 น.
KIRATI
เจ้าทหารกล้า...
ขออุทิศกลอนนี้...แด่...แม่และลูกชาย
ผู้ที่เป็นเยี่ยงวีรบุรุษกล้า...ของแผ่นดิน
กราบเท้าลาโอ้แม่จ๋าลูกลาแล้ว
สู่ถิ่นแถวที่จับสิทธิ์ติดทหาร
ไปลับคมที่เคยด้อยอุดมการณ์
เพื่อสืบสานทหารกล้าสง่ารมย์
อย่าร้องไห้ไปแม่จ๋าลูกเพียงจาก
ไปลำบากเพียงสองปีที่ห่างสม
ผ่านสองปีจักหวนคืนมาชื่นชม
ว่างามสมนิยมสุดบุรุษนา
สู่แดนดินณถิ่นใหม่ในเขตรั้ว
ความเป็นตัวที่เคยชินก็สิ้นสา
ทุกอากัปอีกอาการกิริยา
สง่าท่าสมค่างามทหารเป็น
ตั้งแต่ตื่นขึ้นลืมตาตีห้ากว่า
ถูกเรียกท่าให้วิ่งวนจนทุกข์เข็ญ
ตื่นลาจันทร์ตะวันส่องต้องลำเค็ญ
ทุกวันเป็นเน้นวินัยให้ทำตาม
ฝึกท่ายืนฝืนวิ่งทนจนกล้าแกร่ง
ทุกห้วงแห่งแกร่งเกินขัดมีผลัดขำ
สนุกบ้างบางเวลาที่ท่าทำ
มีร้องรำย้ำสนุกลืมทุกข์กาย
ผ่านวันคืนยังฝืนสู้อยู่เคียงบ่า
เพราะอาสามาทดแทนแผ่นดินหมาย
ใต้สำนึกยึดเหนี่ยวจิตติดใจกาย
เกิดเป็นชายเชื้อชาติไทยในร่มโพ-
-ธิ สมภารรัชกาลแห่งจักรี
บารมีพระเมตตาค่าอักโข
จิตข้าน้อยแม้ด้อยค่ามิใหญ่โต
ใช่คุยโวแม้ชีวียอมพลีปลง
เขียนจดหมายได้เล่าความตามสำนึก
เพียรจารึกผนึกความตามประสงค์
ถึงแม่จ๋าว่าลูกฝืนยืนดำรง
เป็นเกียรติวงศ์ตระกูลเราเผ่าพงศ์ไทย
ฝ่ายผู้แม่แกได้อ่านจดหมายลูก
ด้วยพันผูกลูกพากเพียรเขียนจดหมาย
บอกเล่าเรื่องประเทืองค่าสง่าชาย
แม่ร้องไห้น้ำตาไหลได้ตื้นตัน
ว่าวันหนึ่งถึงเวลาทดแทนสุด
หนึ่งบุรุษจักกลับคืนยื่นสุขสันต์
กลับมาบวชทดแทนแม่โดยแน่พลัน
หลังสิ้นวันทดแทนคุณบุญแผ่นดิน
ครึ่งปีผ่านช่างแสนนานในหัวจิต
ลูกบอกติดภารกิจจิตถวิล
สิทธิ์พักลามากราบเท้าเฝ้าโบยบิน
เนื่องแผ่นดินถวิลเหตุโดยเภทภัย
ต้องเตรียมพร้อมถนอมแท่นแผ่นดินเทิด
ภัยพร้อมเกิดที่ปวงผองต้องปกไว้
เป็นเกียรติสุดของเผ่าผุดบุรุษไทย
ได้ป้องเมืองที่เรืองไกลให้อยู่มา
แม่มิต้องห่วงที่ห้องใจดวงนี้
ลูกคงดีอยู่สุขดีบุญรักษา
เสร็จผองกิจสิทธิ์ลาพักจะกลับมา
โอ้มารดาสุดคิดถึงซึ้งกมล
แล้ววันคืนสู่มารดาก็มาถึง
ผู้กองซึ่งบึ่งรถมาท่าฉงน
ก้มมือกราบแลแม่เฒ่าเฝ้ายินยล
วีรชนที่ร่ำลือคือบุตรเธอ
มาเพื่อเชิญท่านแม่เฒ่ามารับบุตร
เยี่ยงบุรุษมนุษย์หนึ่งพึงเสนอ
ธงผืนใหญ่คลุมร่างไว้ลูกชายเธอ
น้ำตาเอ่อมองธงไทยไม่ไหวติ่ง
เธอก้มลงบรรจงจูบลูบใบหน้า
เออแน่ะว่าจะมาบวชอวดแม่สิงห์
ไม่เป็นไรนะลูกจ๋าอย่าประวิง
แค่เจ้าทิ้งแค่แม่ไปใช่แผ่นดิน
แม่ภูมิใจนะลูกน้อยกลอยใจแม่
เลือดของแม่ได้แผ่สู่อยู่เป็นสิน
สละได้แค่ดวงใจไว้แผ่นดิน
แม้โรยรินมิสิ้นชื่อระบือนาม
เจ้าคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในใจแม่
แต่เจ้าแค่ธุลีผงวงศ์สยาม
เป็นเกียรติแล้วเจ้าแก้วขวัญมั่นคุณงาม
สุดนิยามของรักแท้แค่แผ่นดิน
อีกไม่นานแม่จะตามไปกล่อมลูก
สมพันผูกที่ปลูกคิดจิตถวิล
ให้เสร็จสรรพกับมโนโซ่แผ่นดิน
เจ้าร้อยรินแผ่นดินถือได้ลือชาย
25 กุมภาพันธ์ 2553 15:16 น.
KIRATI
ปิดเปลือกตา...แค่เพียงครู่...เวลาผ่าน
ความใฝ่ฝัน...อันยาวนาน...ที่อยากเห็น
เถ้าธุลี...ในสายลม...ทั้งหมดเป็น
ฉันมองเห็น...แค่ธุลี...ที่กระจาย
เหมือนเพลงเก่า...เล่าบรรเลง...มีเพลงหนึ่ง
หยดน้ำซึ่ง...ไหลรวมไป...ในสินธุ์สาย
ทะเลธาร...กว้างมหา...เกินท้าทาย
ด้วยมวลกาย...เพียงหยดน้ำ...หยดรวมริน
ทุกกระทำ...จักดับสูญ...พูนพิศเล่า
แม้ว่าเรา...ไม่อยากเป็น...เช่นกระสินธุ
เป็นเพียงเถ้า...ธุลีล่อง...ท่องแผ่นดิน
ทุกชีวิน...ดั่งฝุ่นฟ่อง...ล่องลมมา
อย่ายึดโยง...เพราะโลกไร้...สิ่งใดยั่ง
นอกจากฝั่ง...ดินฝั่งน้ำ...และแผ่นฟ้า
เวลาล่วง..แล้วเลยไป...ไม่กลับมา
ทั้งเงินตรา...ก็ไม่อาจ...วาดกลับคืน
เราทุกคน...ล้วนวิ่งวน...บนโลกเล่น
ถ้วนทุกมวล...ก็ล้วนเช่น...เล่นบทฝืน
ที่สุดแล้ว...คงไม่แคล้ว...คลาดกลับคืน
หลับ...ไปตื่น...เป็นธุลี...ในสายลม
12 กุมภาพันธ์ 2553 16:30 น.
KIRATI
ดาวเหนือลอย...เหนืออยู่ยอด...ดวงดาว
สุกเปล่งพราว...วาวเด่นสรวง...บ่วงฟ้า
แลเหนือเน้น...เหนือสุกส่อง...ผ่องตา
แสงเหนือจ้า...แจ่มจำรัส...แลชม
เหนือแสงเหนือ...เหลือเชื่อแท้..งามแล
งามแสงแผ่...เคล้าแสงแข...งามสม
รัตติกาล...สานแสงแสน...สุขพรหม
ประดับชม...ภิรมย์ดาว...เคล้าจันทร์
เรียบลมเรียง...เพียงพลิ้วผ่าน...ลมบน
ไร้ลมวน...ยลนภา....พราวฝัน
พลันแลฝน...ดาวหล่นฟ้า...ลาจันทร์....
พุ่งเพียงพลัน...ยามฝันผ่าน...พริบตา
อธิษฐาน...ผ่านดาวน้อย...ลอยหล่น
พราวดั่งฝน...ไฟพุ่งดับ...ลับฟ้า
ให้จบจำ...รอยหมองหม่น...ชะตา
ปรารถนา...สมศรัทธา...ค่ารอคอย
4 กุมภาพันธ์ 2553 13:57 น.
KIRATI
พิกุล...กลิ่นแก้วเอ๋ย...จริตเชย...รำเพยฝัน
โชยกรุ่น...กลิ่นหอมพลัน...โรยสุคันธ์...กำจรมา
เรื่อรน...ภิรมย์กรุ่น...แก้วพิกุล...จรุงหล้า
หลงรัก...ตระหนักพา...ฤทัยหา...ว่าอยู่ใด
ไยเอย...พอเชยกลิ่น...จริตผลิน...ถวิลไข
ถึงรัก...ที่แรมไกล...ถวิลให้...ใจคิดครวญ
ฤา นุช...สุดที่รัก...จักฝากรัก...มาทักหวน
เป็นนัย...ว่าใจครวญ...ให้คืนหวน...มาทวนดอม
กลิ่นยวน...ดั่งนวลปราง...มิร่ำจาง...กระจ่างหอม
ลมเร้า...เจ้าพะยอม...เคยกรุ่นดอม...ระดมแด
แปรกรุ่น...พิกุลแก้ว...กลิ่นเรื่อแผ้ว...พิกลแน่
รักรมย์...ระทมแล...พิกุลแท้...แค่รักโชย
แรมลา...มาไกลกลิ่น......ประจักษ์จินต์...ถวิลโหย
ถึงเจ้า...จนร้าวโรย...พะวงโวย...ว่าพบนาง
นานหนอ...ระห่อจิต...ระทมติด...ในป่าสาง
รอคืน...จักชื่นนาง...ถวิลคราง...ระทมรอ...
4 กุมภาพันธ์ 2553 13:25 น.
KIRATI
หลงรักเธอเก้อแสนเก้อ...เธอรักหลง
เผลอรักคง...หลงแค่หลง...คงรักเผลอ
เธอฝันไกล...ใจหนอใจ...ไกลฝันเธอ
ใจเพียงเพ้อ...เธอหนอเธอ...เพ้อเพียงใจ
ฉันปองเธอ...เพ้อแต่เพ้อ...เธอปองฉัน
ไผลเผลอพลัน...วันทั้งวัน...พลันเผลอไผล
ใจรู้ตัว...กลัวก็กลัว...ตัวรู้ใจ
เธอรักใคร...ใช่ไม่ใช่...ใครรักเธอ
ตรึกตรองดู...รู้ทั้งรู้...ดูตรองตรึก
เผลอเพียงนึก...ลึกหยั่งลึก...นึกเพียงเผลอ
เธอรักใคร...ใจตรองใจ...ใครรักเธอ
คอยเจ็บเก้อ...เพ้อคิดเพ้อ...เก้อเจ็บคอย
ฉันรักให้...ใจมุ่งใจ...ให้รักฉัน
น้อยใจพลัน...หวั่นไหวหวั่น...พลันใจน้อย
รอยรักเก็บ...เจ็บแสนเจ็บ...เก็บรักรอย
ใจเกินร้อย...ต้อยต่ำต้อย...ร้อยเกินใจ
รักคำบอก...หลอกแม้หลอก...บอกคำรัก
ไขจิตควัก...รักไม่รัก...ควักจิตไข
ใครลวงหลอก...ยอกคำยอก...หลอกลวงใคร
ตรมติดใจ...ไกลแสนไกล...ใจติดตรม
เล่าคำลวง...ปวงทั้งปวง...ลวงคำเล่า
ขมรักเก่า...เศร้าแสนเศร้า...เก่ารักขม
พรมพิศผ่าน...นานหนอนาน...ผ่านพิศพรม
รอรักห่ม...สมสุขสม...ห่มรักรอ