22 พฤษภาคม 2554 04:48 น.

ซื้อให้หน่อย...^_^

KIRATI


เช้าวันหนึ่ง ซึ่งพอดี มีงานเข้า
คอมเครื่องเก่า เกิดเน่าใน ให้ปวดหมอง
ต้องไปซื้อ ถืออะไหล่ ไว้สำรอง
มีก่ายกอง ที่พันธุ์ทิพย์ ชิปคงมี

เขียนใบจาก* เพื่อนฝากซื้อ นำถือกลับ
นานานับ ล้นรายการ  เลยงานนี้
มีหลากหลาย ใบสั่งฉัน ตามบัญชี
มุ่งเร็วรี่ ที่ห้างใหญ่ ไม่วกวน

เร่งซื้อไป ตามรายการ ที่วานไหว้
ถือเต็มไม้ เต็มมือนับ พลันสับสน
ต้องสะดุด หยุดสงสัย นัยคำยล
เกิดฉงน คำที่เขียน เพี้ยนเลยตรู

ลำดับเก้า เขาเขียนไว้ ไร้สาระ
อารายวะ อะไรไร้ ไผจะรู้
นายหน้ายักษ์ ฝากมาด้วย ซวยแน่ตรู
อ่านโพยดู หารู้ไม่ อะไรฤา

ส่งโพยไป ให้ร้านแปล ก็แพ้จิต
จดมาผิด แล้วจะยัง มาสั่งซื้อ
โทรไปถาม ความให้แน่ แท้มันคือ
โอ้มือถือ...ดันแบตหมด...เลยอดโทร

สาวตาดำทำตาหวานผ่านมาเห็น
ความยากเข็ญ ผู้เกือบเฒ่า...อย่างเรา โถ!!!
น่าสงสาร อ่านแล้วขำ ทำตาโต
อภิ...โธ่....ว่าแล้วเชียว เดี๋ยวหนูมา



แระก็...วิ่ง ดุ๊กดิ๊กๆๆๆๆ กลับมา


ตามบัญชี ที่เขียนไว้ ไร้สาระ
คุณลุงคะ(เด้วป่ะเหนี่ยวเรย) ไร้คงเพี้ยน จากเขียนค่า
สาระหรือ คือข้อมูล พูนปัญญา
รวมความว่า ฟันธงชี้ ซีดีรอม 


อุ๊ย...
ไร้ (Wright) อ่ะ 
สาระ = ข้อมูล = DATA (ดี เอ ที เอ ดาต้า ที่ไม่ใช่ยาแก้ปวดอ่ะจ้า)
ไร้ + สาระ = CD ROM อย่างนี้ นี่ เองงงงงง.....อิอิ  ^_^

ศัพท์ทหาร
*ใบจาก....= บัตรขออนุญาต(จาก.) ออกนอกกรมกอง...หน้าตาคล้ายๆเช็ค 
วิธีใช้ ถือไปยื่น ให้คนถือปืน ที่ยืนหน้าประตูใหญ่...จร้า...

				
19 พฤษภาคม 2554 13:33 น.

วิก บ้านกลอน...^_^

KIRATI


ณ สถาน บ้านกานท์กลอน อักษรศรี
หนึ่งนรี กวีนำ อำไพศาล
นาม"ท้าวขวัญ อัลมิตรา โกษาจารย์
ซุ้มเจ้าบ้าน ณ ลานเรือง เมืองกลอนพล

แม้นเจ้าเมือง ที่เรืองชื่อ ลือนามเร้น
บ่ เคยเห็น แม้หน้าตา สักคราหน
รู้จักแต่ เหล่าแม่ทัพ ขับกลอนยนต์
แต่ละคน ช่างลือเลื่อง กระเดื่องใจ

ขอยกกล่าว จักเล่าบท เป็นพจน์ขับ
แรกลำดับ...ร้อยจำนรรจ์ พลันไสว
เริ่มที่คุ้น ขุนฉางน้อย เจ้ากลอยใจ
ทะเลไร้ บ่ มีคลื่น ระดื่นชม

ต่อมาก็พระยอยิ้ม พิมญดา
หญิงประภา ค่าแห่งรัก ตระหนักสม
ขุนท้าวเธอ เฌอมาลย์เกม เกษมรมย์
ผู้นิยม... การตั้งเผ่า แล้วเข้าตี

พระยาโลก กิ่งโศกศรี...บดีเดช
ขุนชาญเขต อักษรา...มหาศรี
ท้าวแก้วรัตน์ ประภัสสร...อรนรี
นาถฤดี ผู้เสกตั๋ว...เป็นทัวร์บิน

ขุนหลวงสรร สุริยันต์ จันทราทิตย์
ผู้มีฤทธิ์... ดั่งนาคา มหาสินธุ์
กรมเมลียง เพียงพลิ้วปู..ชมพูพิณ
งามระบิล...ทุกถิ่นรู้ การปูพรม

ตามด้วยขุน นพพรดาว ก้าวที่กล้า
ศิริว่า...เป็น จ้าวหยี ศรีปฐม
จะหมื่นขา ยาแก้ปวด จะดวดกลม
ใฝ่ภิรมย์...แต่เด็กผี ตัวสีแดง

ท้าวพันแสง แมงกุ๊ดจี่ มณีโชติ
ศิริโรจน์...ในธารธรรม ค้ำแสวง
พระศรีไวย ไวท์ลิลลี่ ลี้แจรง
มนต์โทรแห่ง...การเจื้อยแจ้ว ตะแหง่วใจ

หมื่นมณเฑียร เที่ยนหยด ย้อย ชระอ้อยหยด
ผู้มีพจน์ ดั่งสายธาร จะขานไข
เจ้าคุณโต โคลอนเต้ เสน่ห์ไกร
ผู้ฝักใฝ่ การฝึกท่า น้องหมาจำ

พระครูนาถ กระดาษทราย วิไลบท
ผู้แปรพจน์ แห่งบทสอน ดุจพรค้ำ
ท้าวแสวง แกงเขียวหวาน สำราญธรรม
ผู้น้อมนำ แกงเขียวใหม่ ไม่เขียวมอง

ขุนท้าวศรี ดอกบัวตรี ณ ตรัยรัตน์
ผู้เคร่งครัด ขจัดทุกข์ เพื่อปลุกของ
องครักษ์ อภิสิทธิ์ มากจิตปอง
พันท้ายน้อง...อ้อมทองไชย ใจปลายทาง

ขุนพิเชษฐ์ วิเศษแสน เจ้าแจ้นเอง
ผู้บรรเลง เพลงกล่อมน้อง ครรลองสร้าง
ออกญาวิทย์ ศิริคุปต์ วิสุทธิ์วาง
ประธานกลาง...ณ บ้านกฎ บทกลอนใจ 

พระยาท้าว จ้าวพิมงาม น้ำตาลหวาน
ผู้ชำนาญ การจะล่อง ท่องเที่ยวไหน
ขุนพระมั่น มวลภมร ชระอ้อนไกล
ผู้ที่ใจพระยอยิ้ม เจ้าพิมยอม

ขุนหลวงรักษ์ นักสืบใจ ไร้อันดับ
ผู้เจนจับ...จะลิงเหล่า เจ้าจอมหอม
พระแซมศรี ซิเคด้า ฟ้าประนอม
ผู้พรั่งพร้อม ในจิตสาว พราวสวนตาล

ส่วนตัวข้าฯ ผู้ฟ้าส่ง ลงมาป่วน
เป็นเสฉวน...คล้ายเสนา บ่ กล้าหวาน
ชื่อ ขุนเกรียน กีรติ ดำริกรานต์
เกริกตำนาน...การไขบท เป็นพจน์กวน

อีกนับพัน ขุนพลกลอน อักษรเด่น
ที่ล้วนเป็น นักเล่นคำ ให้กำสรวล
ฤ เฮฮา ประสาระ จะทบทวน
กี่รายล้วน ก็ขุนพล คนเขียนใจ

				
8 พฤษภาคม 2554 01:32 น.

ไป...กัน...^_^

KIRATI


เห็นเส้นรุ้ง...ขึ้นโค้ง.....ตรงขอบฟ้า.....
 ฉันนึกว่า...เป็นทาง...ไปสวรรค์.....
   ในวัยเด็ก....เห็นแรง...แห่งแสงจันทร์....
     นึกว่ามัน....เป็นแสง...จากวิมาน.....

       ฉันขีดเขียน...พื้นดิน....เป็นรูปรถ.....
        ฉันจับมด....มาเป็น...ผู้โดยสาร....
         ฉันปั้นดิน....ก้อนกลม...วางบนจาน....
          เล่นหนมหวาน...ขายกัน....ฉันกับเธอ....

           ภาพวัยเยาว์....ติดตรึง...ซึ้งดวงจิต....
            ภาพความคิด..อดีต....ยามนั่งเหม่อ...
            ในวัยเด็ก....เล็กฝัน...ฉันกับเธอ...
             เป็นเพื่อนเกลอ...ก่อนเก่า....เอาแต่ใจ....

             ภาพรอยยิ้ม...หัวเราะ...ยังก้องอยู่....
             เดินเป็นคู่...เป็นปี...ไม่มีหาย....
             ยิ่งนั่งนึก...แอบยิ้ม....พริ้มใจกาย....
             ไม่วุ่นวาย...วันเก่า...ตอนเยาว์วัย...

             แต่ตอนนี้...เราห่าง...กันไปแล้ว...
             เจ้าเกลอแก้ว....เพื่อนเก่า...ของเราหาย....
             ต่างคนโต...ต่างมี....เรื่องวุ่นวาย...
            เป็นผู้ใหญ่...หลากหลาย...เรื่องร้อยพัน....

            มองเส้นรุ้ง...ขึ้นโค้ง...ตรงขอบฟ้า....
           ก็มองว่า...ธรรมดา...อย่าเพ้อฝัน...
           มองเห็นแสง....สีส้ม...ของดวงจันทร์....
          เพราะตะวัน...สาดแสง...สะท้อนตา...

          ภาพเดียวกัน...ต่างกัน...ที่วัยต่าง....
         คนละอย่าง....มุมมอง...สองปัญหา...
        หนึ่งมองไกล...วุ่นวาย...ให้ระอา...
       สองไร้ค่า...แต่ว่า...มันเพลินใจ...

      ผู้คนล้วน...ทั่วไป...ลืมสนิท...
     ถึงมุมปิด...ความคิด...อย่างสดใส....
   เติบโตมา...ล้วนเรื่อง...เปลืองหัวใจ....
 เพราะลืมไร้...โลกเด็ก...ตอนเล็กมอง...

				
8 พฤษภาคม 2554 01:05 น.

จำไม.....^_^

KIRATI


ทำไมสี.....บนฟากฟ้าเป็นสีฟ้า
ทำไมป่า.....ต้องมีสีเป็นสีเขียว
ทำไมหญ้า.....ต้องมีใบเป็นใบเรียว
ทำไมเคียว.....ที่เกี่ยวข้าวต้องยาวงอ

ทำไมโค้ง....รุ้งต้องเกิดตอนมีฝน
ทำไมขน.....ต้องขึ้นแต่ตรงนั้นหนอ
ทำไมหู.....ไม่ไปอยู่ที่ก้านคอ
ทำไมยอ.....ยักษ์ต้องใหญ่ใกล้เรือวาง

ทำไมเกลือ.....ไม่มีมากในผลพืช
ทำไมยืด.....ถึงยาวได้หัวไปหาง
ทำไมมือ.....ถึงง้างจับงับปล่อยกาง
ทำไมบ่าง.....ต้องช่างยุระอุควัน

ทำไมหนอ.....มองที่น้ำยามรินตก
ทำไมอก.....ถึงเพลิดเพลินจำเริญขวัญ
ทำไมมอง.....ที่กองไฟใต้แสงจันทร์
ทำไมมัน.....สุขกว่าไฟในเตาเมรุ

ทำไมเย็น.....ต้องเป็นตอนอาทิตย์ตก
ทำไมโหน่ง....ต้องตลกตกตาเถร
ทำไมหอ ปีซ่าถึงจึงต้องเอน
ทำไมเรน ต้องตาตี่ ที่ดวงตา

ทำไมมาก...มองสิ่งไหนใจก็คิด
รึว่าจิต...มากสำแดงแสวงค่า
ความขุ่นข้อง...มองแล้วคิดพิจารณา
ปรารถนา...ความอยากรู้อยู่เพียงใจ

มองแล้วรู้ดูทำไม..??? ใจฉันคิด
รู้เพียงสิทธิ์ คิดเพียงสาง ทางปรับใช้
รู้ไม่รู้...ฉันอยู่นิ่ง..ทุกสิ่งไป
เก่าก่อนใหม่...ยังหมายนิ่ง...มีสิ่งมอง

ทำไมหนอ....พอนิ่งรู้...ดูทุกอย่าง
มันกระจ่าง...ในหมอกควันอันหม่นหมอง
ทำไมคล้าย...กระจายพ้น...บนครรลอง
ทุกอย่างมอง...เห็นเพียงว่าง...กระจ่างใจ

				
4 มีนาคม 2554 08:28 น.

ไม่น่าเลย...^_^

KIRATI


ขับรถไป ธุระ ณ บ้านป่า
ผ่านพนา ดงใหญ่ ในไพรสน
เพลินอุรา พาเห็น เป็นทิววน
ขับเลาะร่น ลัดผ่าน นานจริงเทียว

ตรงเหลี่ยมเขา เงารถ ปรากฏส่าย
ค่อมเลนซ้าย เบียดใกล้ ให้หวาดเสียว
หักหลบพ้น หล่นข้าง ทางนิดเดียว
รถเกือบเฉี่ยว ชนกัน หันไปมอง

แม่คุณขึง บึ้งหน้า ตาถลน
แถมตะโกน ว่าควาย ดังให้ก้อง
เสี้ยววินา-ทีว่า ถ้าอยากลอง
ตะโกนร้อง น่าอาย ควายนะแก

นึกภูมิจิต นิดนึง ถึงจะหล่น
ทันตะโกน ด่าพลัน มิทันแพ้
ขับรถต่อ ฮ้อตรง โค้งเหลี่ยมแล
เสียงบีบแตร ลั่นทุ่ง พุ่งชนควาย

ความที่นึก เอาว่าโดนด่าให้
ลืมเอ๊ะใจ ฉุกนำ คำบอกหมาย
ว่าควายจ้า ควายจริง ยิ่งกว่าควาย
ฉันละหน่าย จิตลบ จบตรงซวย

				
Calendar
Lovings  KIRATI เลิฟ 71 คน

วฤก

โคลอน

เชษฐภัทร วิสัยจร

เพียงพลิ้ว

อัลมิตรา

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

ผู้หญิงไร้เงา

แทนคุณแทนไท

กุ้งหนามแดง

แมงกุ๊ดจี่

ประภัสสุทธ

รการต์

พฤหัส กฤษชยรักษ์

บินเดี่ยวหมื่นลี้

ร้อยฝัน

pigstation

หิ่งห้อยน้อยใจ

ลักษมณ์

มนต์กวี

สองตุลา

ท่องเมฆา

ก้าวที่...กล้า

กวีปกรณ์

ดอกบัว

เฌอมาลย์

ว.มหรรณวา

เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย

ครูพิม

คอนพูทน

สายธารน้ำใจ

ก่องกิก

คีตากะ

ขุนศรี

พิมญดา

ยาแก้ปวด

ทิพย์โนราห์ พันดาว

บนข.

กันนาเทวี

กิ่งโศก

ไหมแก้วสีฟ้าคราม

ครูกระดาษทราย

แก้วประภัสสร

KIRATI

จอมปราชญ์แดนอาคเนย์

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน

ห้าเจ้าจอม

**.. เช่นรวีโชติ..**

แกงเขียวหวาน

มวลภมร

ดาวศรัทธา

cicada

เปลวเพลิง

หญิงบ้า

เ ที ย น ห ย ด

din

เบยองจุน

สีเมจิก

นักสืบไร้ชื่อ

ชากร

บุญพร้อม

พาดกลอน

แย้ม ไกลวันเกิน

แม่น้ำในฟ้า

Arm

Jackie

ไผ่ลู่ลมม

ศรีปาด เฟสเก่าโดนระบบลบเฉยเลย

ศุทธิกมล

Prayad

Parinya

จิ๊กจ้า

  KIRATI
ไม่มีข้อความส่งถึงKIRATI