9 กรกฎาคม 2557 22:10 น.
KIRATI
วันหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศล
เจ้าเมืองชน พลประชา สาวัตถี
สุบินไป ในนิทรา ณ ราตรี
ล่วงรวี เจิดจำรัส ปัจฉิมยาม
สุบินแปร แลนิมิต สิบหกบท
ลางกำหนด ดีร้ายใด ให้เดินข้าม
พอรุ่งเช้า ทรงสั่งเพรียก ให้เรียกพราหมณ์
ร้อนใจความ ลามดวงจิต คิดคำรณ
“เราฝันไป ให้ตระหนก ตกจริต
ฝันมันผิด ธรรมชาติ ประหลาดล้น
จงไขต่อ ข้อวิตก ตระหนกตน”
เล่าเรื่องยล แล้วยกคำ ให้ทำนาย
เหล่าพราหมณ์พรหม บังคมกราบ รับลิขิต
ปุโรหิต ต่างเห็นตรง ลงลางร้าย
ทูลพระองค์ อาจถึงฆาต ชีวาตม์วาย
อันตราย จวบสามครั้ง ประดังครา
ราชทรัพย์ ต้องจับจ่าย มลายหมด
เมื่อถึงบท วันประชวร ด่วนรักษา
สวรรคต สิ้นหมดบุญ สูญชะตา
ขอพระองค์ โปรดทรงฆ่า บูชายัญ
สรรพสัตว์ ให้รับเคราะห์ สะเดาะโศก
รับพระโชค ชะตาแทน พระแท่นขวัญ
พระองค์ขรึม ให้ซึมโศก สลดวัน
นางกำนัล ที่เห็นภาพ จึงกราบทูล
มเหสี มัลลิกา ชายาเอก
มิเชื่อเลข ยันต์ของพราหมณ์ ที่พล่ามสูญ
ทำหม่นท้อ ต่อชะตา เสียอาดูร
จึงบุกบูร(ระ)บรรพต กำหนดทาง
ทรงตั้งจิต ไปพิศพักตร์ พุทธองค์
พบพระทรง ธุดงค์ป่า ครารุ่งสาง
รีบกราบเฝ้า เข้าทูลร้อย ด้วยถ้อยนาง
ไขเหตุลาง สังหรณ์องค์ ทรงพินิจ
พุทธองค์ พระทรงรับ สดับแจ้ง
เห็นเงื่อนแห่ง โลกอาเพศ เหตุสถิต
จึงบอกกล่าว เล่าไปตาม ความนิมิต
ลางลิขิต ที่ซ่อนงำ นำสุบิน
ว่าเหตุร้าย จักสำแดง ทุกแห่งหน
เกิดระคน ทุกรายตัว ทั่วทุกถิ่น
พสกเพียง ผู้เรียงสานส์ บานระบิล
สดับยิน สุบินเหตุ อาเพศลาม
เมื่อใดศาสนาพุทธ...พิสุทธิ์เสื่อม
เวลาเหลื่อม สองพันกว่าห้าร้อยข้าม-**
-ปีนานพ้น ผ่านจนเนิ่น เผชิญความ
โลกเลวทราม พุทธมลาย สลายลง
ตามสุบิน พระปิ่นไท้ ไอยเรศ
สิบหกเหตุ ประการแล แท้ประสงค์
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธองค์
ประทับลง ทรงดำรัส ตรัสทำนาย
๑ ฝันว่าโค สีอัญชัน ประจัญศึก
สี่ตัวคึก คะนองทิศ ประชิดหมาย
จะเข้าขวิด ด้วยเกี้ยวกราด ผงาดกาย
แต่งัวร้าย ไม่ชนกัน ในฝันเป็น
พุทธองค์ ทรงตรัสว่า อนาคต
กาล(ะ)บท เมื่อหมุนรอบ เข้าครอบเห็น
คนเสื่อมศีล จนสิ้นสม ความร่มเย็น
โลกลำเค็ญ ระอุร้อน อมรดำ
มหาเมฆ จะตั้งเค้า เป็นเงาครึ้ม
เป็นม่านขรึม ทะมึนคุ พายุคร่ำ
แต่ไร้ฝน จักหล่นรด สักหยดนำ
สู่ผืนดำ ณ ดินแดน ในแคว้นดล
๒ ทรงสุบิน ฝันว่าพบ พฤกษชาติ
ดูประหลาด กิ่งเพิ่งงอก กลับออกผล
กอไผ่ยาว เพียงราวคืบ ดันสืบตน
ออกดอกยล เหมือนต้นใหญ่ ในความจริง
พุทธองค์ ทรงตรัสว่า อันราคะ
มนุษย์จะ ร่านแต่เล็ก เหล่าเด็กหญิง
พากันท้อง ต้องเลี้ยงบุตร สุดอ้างอิง
พุทธเสื่อมสิ่ง ประคองขวัญ เป็นครรลอง
๓ สุบินแล เหล่าแม่โค ตัวโตเขื่อง
ต่างย่างเยื้อง จนเนืองเนา ดูดเต้าของ
ลูกโคใหม่ ให้แปลกจิต พินิจตรอง
ฉงนมอง โคแก่กว่า พากันกิน
ทรงทำนาย ด้วยหมายถึง เพียงซึ่งว่า
ผู้ชรา จะสิ้นศักดิ์ จมปรักดิ้น
แต่น้อมนบ ประจบเด็ก ที่เล็กยิน
ศรัทธาบิ่น ต่ำเคารพ บรรจบนำ
๔ ฝันว่าคน ต้องใช้วัว แต่ตัวรุ่น
เล็กทรงหุ่น มาเทียมแอก แบกเกวียนค้ำ
วัวดื้อแอก ไม่แบกถัด สะบัดทำ
คนคะมำ หัวกระดก ต่างตกเกวียน
ทรงทำนาย ว่าภายหน้า ผู้พาราษฎร์
ครองอำนาจ ไม่เป็นธรรม นำพาเพี้ยน
มอบยศศักดิ์ รักผู้น้อย ที่ด้อยเพียร
สังคมเอียน ระอาบท กำหนดเดิน
๕ ทรงฝันเห็น ม้าหน้าแฉก แยกเป็นฉาก
แปลกสองปาก คนแย่งกัน รุมสรรเสริญ
แย่งป้อนหญ้า ม้าสองปาก จนมากเกิน
ม้าเคี้ยวเพลิน ปากงับหญ้า มิพาพอ
ทรงทำนาย ทายไว้ว่า อนาคต
ผู้ครองกฎ บริหาร จะร่านขอ
ตั้งคนพาล ใช้งานทำ ไปค้ำคอ
ผู้คนหงอ ไม่กล้าพูด จะปูดเปรย
๖ ทรงฝันว่า ประชาชาติ ถือถาดทอง
ยืนรอรอง อันเชิญบอก จิ้งจอกเอ๋ย
จงฉี่ราด บนถาดหนอ นะพ่อเอย
เสียงเอื้อนเอ่ย เชิญจิ้งจอก กระฉอกชล
พระทรงตรัส ดำรัสว่า บรรดาผู้
คนดีดู สูงตระกูล เคยพูนผล
จะสิ้นศรี ชี้อำนาจ พิลาสยล
ลูกสาวตน ต้องยกให้ ไพร่ครองเมือง
๗ ทรงฝันเห็น หนึ่งชายชน คนหนึ่งนั่ง
ฟั่นเชือกชั่ง รั้งเชือกถัก สลักเปรื่อง
จิ้งจอกสาว ก้าวจดจ้อง ย่องชำเลือง
หยุดย่างเยื้อง แอบกัดแทะ ชำแหละกิน
ทรงทำนาย ว่าในกาล...ข้างหน้านั้น
หญิงจะปัน ใจจนผิด จริตศีล
รุ่มหลงชาย ร่ายสุรา เป็นอาจินต์
ผลาญทรัพย์สิน ของบุรุษ ที่ขุดทำ
๘ ทรงฝันว่า ตุ่มน้ำหนึ่ง ซึ่งเต็มเปี่ยม
ตั้งเด่นเหลี่ยม วังประตู ดูงามล้ำ
ตุ่มอื่นวาง ยังว่างเกลื่อน มิเคลื่อนนำ
กลับแย่งย้ำ น้ำเติมใส่ จนไหลนอง
ทรงทำนาย และทายตรัส ดำรัสว่า
ศาสนา จะเสื่อมผล ผู้คนหมอง
ที่จนมาก ก็ยากคิด ด้วยจิตปอง
มือ,เท้ารอง ให้คน“รวย” ด้วยเทใจ
๙ ทรงฝันเห็น เป็นบัวสระ ณ แห่งหนึ่ง
ใบบัวตึง ดอกตูมตา มีท่าฯไว้
ให้สัตว์น้อย ค่อยผลัดเปลี่ยน แวะเวียนไป
ดื่มน้ำใส ในสระรอบ ณ ขอบชล
แต่มองรอบ ตรงขอบสระ ที่สัตว์ย่ำ
กลับงามล้ำ แลน้ำใส ไม่ขุ่นผล
ตรงกลางสระ กลับขุ่นแล ชะแง้ยล
ขุ่นหมองมน มองหม่นดำ ขุ่นช้ำรอย
ทรงทำนาย ทายด้วยว่า อนาคต
ผู้คุมกฎ ถือบทบาท อำนาจถ่อย
ไร้ซึ่งธรรม จะนำฟ้า ประชาพลอย
ทิ้งทยอย จากเมืองกรุง สู่ทุ่งนา
๑๐ ฝันเห็นหม้อ ข้าวหุงใน ใบเดียวกัน
สุกเป็นชั้น กึ่งดิบ,แฉะ และสุก ว่า
ทำนายไว้ ฤดูเพี้ยน เปลี่ยนเวลา
ข้าวในนา ไร่เรือกสวน รวนฤดู
๑๑ ทรงฝันว่า ผู้คนนำ แก่นจันทน์ที่
หอมฤดี มีคุณค่า ราคาหรู
มาแลกเพียง แต่เปรียงเน่า เอาชื่นชู
ขึ้นหิ้งบูชาบนแท่น แทนแก่นจันทร์
ทรงทำนายว่าภายหน้า พระภิกษุ
สิ้นบรรลุ ในพระธรรม มานำสรร
อลัชชี เห็นแก่ตัว มั่วรางวัล
คนหมื่นพัน หลงคาถา บูชาไฟ
๑๒ ทรงฝันว่า กะโหลกเต้า เบาจมน้ำ
ทรงทายย้ำ ว่าคนพาล เมื่อขานไข
ผู้คนกลับ ยอมนับถือ ระบือนัย
กล่าวสิ่งใด ใคร่ครวญเชื่อ มิเบื่อฟัง
๑๓ ทรงฝันว่า ศิลาหลัก หนักเท่าเรือน
ลอยน้ำเลื่อน เหมือนเรือคล้อย ลอยลิบฝั่ง
ทรงทายว่า อันวจี ที่ควรดัง
จะเบาดั่ง กระซิบไกล ไร้คนยิน
๑๔ ทรงฝันเห็น เหล่าฝูงเขียด กระเดียดสู้
ไล่กัดงู เห่าตะลาน เสียบานบิ่น
กัดลำตัว เหมือนบัวก้าน สำราญกิน
ชำแหละชิ้น ฉีกเนื้องู ดูลำพอง
ทรงทำนาย ว่ามนุษย์ บุรุษเพศ
หลงกิเลส ในกามา ราคะหมอง
ให้เมียอ่อน มาสอนสั่ง ต้องนั่งตรอง
เสียปกครอง ในคุณค่า วาจามี
๑๕ ทรงฝันว่า พญาองค์ เจ้าหงส์ทอง
ขนเรืองรอง ทองมันขลับ สลับสี
ในฝูงถิ่น อีกาล้อม อยู่พร้อมพลี
ประการนี้ เป็นลางเหตุ อาเพศใด
พุทธองค์ ทรงตรัสทาย ทำนายว่า
ในอนาคตผันผิด นิมิตไซร้
ผู้สูงศักดิ์ ตระกูลศรี ที่เกรียงไกร
จะยอมไพร่ ให้เหยียบย้ำ ขึ้นนำตน
๑๖ ในสุบิน ที่ยินร้าย สุดท้ายเรื่อง
เหล่าเสือเหลือง กระโจนไพร ถูกไล่ร่น
จากฝูงแกะ ไล่แทะกัด ประหัตพล
มิพาพ้น ถูกกัดกิน จนสิ้นกรรม
จนเหล่าเสือ ที่เหลือมี หนีตาเหลือก
ซุกกระเสือก กระสนไพร ให้ขบขำ
เป็นลางใด ในลิขิต นิมิตนำ
ผู้มีธรรม อันวิโรจน์ โปรดทำนาย
พุทธองค์ ทรงสำแดง สิ่งแจ้งรู้
ทุกเรื่องดู ดั่งพสก ตระหนกคล้าย
อนาคตในบทเสื่อมที่เหลื่อมลาย
จึงทำนาย กรรมกำหนด เป็นบทกาล
ว่าสืบไป ในภายหน้า ประชาชน
จะถูกคน ที่ชั่วจิต เข้าคิดผลาญ
ไม่มีธรรม มานำพล เป็นคนพาล
ใครคัดค้าน ขึ้นต้านคิด จะผิดพัง
จึงต้องปลีก และหลีกหลบ ไม่พบหน้า
สิ้นศรัทธา จะต่อสู้ บรรลุหวัง
กรรมเพียงเสื่อม ที่เหลื่อมกาล ระดาลดัง
โลภชิงชัง ก่อกิเลส เป็นเหตุยิน
ทั้งหมดนี้...ที่เขียนกลอน เป็นตอนกล่าว
สืบเรื่องราว ที่เล่าโลก โศกถวิล
คือพุทธ(ะ) ทำนายไข นัยสุบิน
โลกวิจินต์ ศีลวิสุทธ์ (แห่ง)พุทธองค์
** (อายุของพระพุทธศาสนาในสมัย พระสัมมา สมณโคดม จะมีอายุราวๆโดยประมาณ ห้าพันปี และเมื่อพ้นยุคนั้นแล้ว จะเข้าสู่ยุคของ พระศรีอาริยะเมตไตรย์ ซึ่งจะคือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ต่อไป)
เปฺรียง มี ๓ ความหมาย ได้แก่
๑. น้ำนมส้ม ผสมกับน้ำ นำไปเจียวจนแตกมัน
๒. น้ำมันที่ได้จากไขข้อวัว
๓. เถาวัลย์เปรียง
ในบทที่ ๑๑ น่าจะหมายถึง เถาวัลย์เปรียง
ขอบพระคุณ ภาพในเน็ต ขอรับ ^_^
12 มิถุนายน 2557 15:10 น.
KIRATI
เค้าเป็นใครมาจากไหนไผ บ่ รู้
เดินมาขู่ ผู้คนตก ตระหนกฝัน
ปืนคาดพุง ถือถุงถั่ว ตัวเป็นมัน
สวมโค๊ดยัน ยาวคลุมเข่า ก้าวเข้ามา
ในบาร์เหล้า เท้าถีบขู่ ประตูอ้า
ยืนจังก้า เอ่ยท้าชน ดวลคนท้า
ตลบโค๊ทโพสต์ตำแหน่งแห่งศาสตรา
ปืนคู่กายาข้างตัว...เตรียมรัวยิง
เสียงม้าร้อง ฮี้ฮี้แผ่ว ..แว่วแว่วไหว
“เฮ้ย มีใคร ไหนแจ๋วมาก อยากจะกลิ้ง”
เจ้าของร้าน งานเข้ามอง ลูกซองอิง
“ใครแจ๋วจริง จงดิ่งมา เอ่ยท้าดวล”
พอสิ้นเสียงเพียงแวบเดียวเหลียวมามอง
ทั่วทั้งห้อง เหลือหนึ่งชาย ผู้หมายสวน
ตรงบาร์นั่ง หลั่งเหล้าริน ยกกินชวน
สองขาด้วน หยิบแก้วยก กระดกกลืน
เฮ้ยไอ้ด้วน กวนบาทา ทำท้ารบ
ไม่เคยพบ ยมบาล สังขารฝืน
ก่อนเป็นศพ ไม่ครบส่วน ถ้าดวลปืน
ลุกขึ้นยืน...รีบออกไป อย่าได้วอน...
นิรนาม หนุ่มร่ำรส สุราอยู่
เงยหน้าดู ผู้จังก้า ว่าสั่งสอน
สะบัดนิ้ว ดีดขอบแก้ว แล้วร่ายกลอน
เสียงออดอ้อน...ก่อนหนีบปี่...ขึ้นชี้หน้า...
อุต๊ะ...บ่ะ...ไอ้กาลี...ผู้พลีฝัน
ไอ้โจกท์จัญ-ไรฝันจอง-หองโรมท้า
ปี่ปักปาก เป่าลากโน้ต โอดเพลงพา
ร่ำสุรา โกรธานัก หมายหักมัน
เสียงอิงโอษฐ์โสตเสนาะไพเราะเพริศ
ปี่ชั้นเลิศ บรรเจิดภพ บรรจบฝัน
นักเลงกล้า ผู้ท้ารบ สงบพลัน
โน้ตเล่นนั่น...มันอะไร ไม่เคยเจอ
“ดูก่อนเถิด บรรเจิดเสียง สำเนียงซึ้ง
ช่างตราตรึง ถึงฤดี พลีเสนอ
เพลงปี่ขาน หวานกระไร ใสนักเออ”
เล่นซะเหม่อ...เผลอทิ้งปืน นิ่งยืนเฉย
เจ้าเป็นใคร ในเมืองนี้ มีชื่อไหม
ชื่อของเรา คือ “อภัย” ไผเพรียกเอ่ย
สองขาขาด พลาดถูกยักษ์ หักกินเอย
ปี่เราเปรย เผยเมื่อไหร่ อภัยมี...อิอิ (แฮ๊บปี้เอ็นดิ้ง 55555+)
21 พฤษภาคม 2557 10:13 น.
KIRATI
ร่าย...(โบ) ชมนาง...
งาม แม่เอย ดั่งฝัน...งามเทียบจันทร์นวลแสง...
งามแสร้งเย้ยยั่วฟ้า เลอลักขณา...งามยิ่ง
พิศพริ้งพร่างแลเพริศ...เฉิดโฉมโพยมฟ้า...นาแม่
ยามแน่งอนงค์เยื้อง...ย่างร่างเรืองรังสี
ใจพี่นี้เจียนม้วย ซมป่วยด้วยรักท้น
ล้นเทียมแท้อนงค์นุช ...บุษบงหอมพิสุทธิ์ ...กำจร
โฉมนวลช่างชวนเชื้อ จักกอปรเกื้อบริพัตร
ประหวัดฝันรัญจวน ครวญใคร่ฤทัยนบ
สยบแนบเนื้อนวลน้อง ปองชมให้สมจิตร จริตฝัน...
9 พฤษภาคม 2557 16:02 น.
KIRATI
จะกล่าวกลอน ย้อนไป ในเชียงแสน
เกิดแร้นแค้น ข้าวปลา ทั้งอาหาร
เข้ายุคยาก หมากแพง แล้งกันดาร
ประชาพาล อดยาก อย่างมากมาย
อาทิตย์แผด แดดจัด ลมพัดแผ่ว
ประมงแกร่ว เรือจอด ตลอดสาย
ชลประทาน พาลแห้ง ทุกแก่งกราย
อาเพศหน่าย ผิดล้น ทนกันดาร
ร้อนถึงอาสน์ ราชสรวง แห่งปวงฟ้า
ส่องแว่นหา เห็นเหตุ อาเพศผลาญ
จึงทรงตรึก นึกตรอง มองนงคราญ
ใครทำงาน...ดีดู...ไปกู้ดิน
บัดนั้น...พรหมท่านตรัส ดำรัสว่า
มีเพียง“ฝน” คนกล้า ที่บ้าบิ่น
“จงติดร่ม ชูชีพ...แล้วรีบบิน
แหวกเมฆินทร์...ตัดชั้น สวรรค์ไป”
สิ้นเสียงย้ำ คำสั่ง...ฟังไม่หมด
พรหมบอกบท...ให้เกร็ง จุดเล็งไว้
ฝนแหวกฟ้า คว้าดาว แบบยาวไป
ไม่เข้าใจ...คำสั่ง ที่ฟังมา
เหาะเล็งโค...โตโหนก ตรงโคกหนึ่ง (วัวโหนกโตๆ ยืนอยู่บนโคก) ฮ่าๆๆ อิอิ ^^”
ร่างฝนจึง...เปลี่ยนเป็น เช่น“โค”ว่า
ชาวบ้านมอง จ้องเห็น เต็มสองตา
จึงต่างพา เพรียกกัน (เจ้ยยยย )นั่น“โค-ร่อน”
ร่อนลงมาจากท้องฟ้าเบยย อิอิ อ่ะหิ้ววววว งึ๊กๆ ^^”
ชื่อโคแต่โตเปงลิง อิอิ ^^"
>>> ขอบพระคุณภาพในเน็ตอีกแว้ว ขอรับ ^_^
6 พฤษภาคม 2557 23:16 น.
KIRATI
เมื่อสมองมองแต่เรื่องที่เคืองขุ่น
หน้าตาคุณจะแก่ตามความขุ่นหมอง
ถ้าอยากใสต้องใส่ใจทุกเรื่องมอง
ผลทดลองการมองแท้แค่หนึ่งเดือน
ไม่หลอกกัน เดิมพันด้วยความสวยแจ่ม
เหมือนแม่แบม ประภัสสร อ่อนเสมือน (ยิ้มเป็นพรีเซนเตอร์แป๊บนาปู่)
ยี่สิบต้น บนหน้าผ่องไร้ร่องเลือน
ไร้ปนเปื้อนความหมองคล้ำด้วยธรรมมอง
แต่เดี๋ยวก่อน...ต้องควบคู่กับผงแก้
เพื่อลบแร รอยเหี่ยวย่น บนความหมอง
รอบดวงตา มาร่องแก้ม แถมหนึ่งซอง
ผงครรลอง การมองเห็น ความเป็นไป
เพียงแค่คุณ ผสมลง...ชงน้ำดื่ม
คุณจะปลื้ม...จนลืมแก่ แลผ่องใส
โปรดสังเกต เขตรอยฝ้า หนารอบใจ
จะเลือนไป ในทันที...ที่ใช้มัน
ผ่าน อย. พระผู้มี พระภาคเจ้า
คุณจะสาว สวยดั่งร่าง นางสวรรค์
แต่เดี๋ยวก่อน อีกครั้งถ้า...เกลียดหน้ามัน
คุณต้องมั่น...ใช้ธรรมะ “ชำระใจ”
คงสงสัย ว่าทำไม ใช้ธรรมะ
ไม่ชำระ...แต่ใบหน้า พาสงสัย
เพราะหน้ามัน...เราไม่ชอบ นั้นปะไร
ชำระให้...ถึงดวงจิต...พินิจความ...
เพียงหนึ่งเดือน เหมือนมาโม้ โฆษณา
ถามคุณยาฯ เจ้าจอมหญิง...ลิงทั้งสาม
ผู้ใช้ต่าง บอกต่อไป...”ใสทุกยาม”
ความงดงาม... บนใบหน้า...มาถึงมือ
โปรดสังเกตคำเตือนบนฉลากก่อนอ่านทุกครั้ง....
ห้ามด่าเกินวันละสามคำ...
คนชรา เด็กและสตรีมีพุง...
ฉีกซองซด...สดๆ...ไม่มีข้อห้าม....ใดๆ
.....
....
...
ขอบพระคุณ ภาพสวยๆจากเน็ต ขอรับ...^_^