15 พฤษภาคม 2553 04:10 น.
กวีปกรณ์
บรรลัยแล้วหรือไรน้ำใจคน
โลภโกรธหลงเสียจนทนไม่ไหว
ความแตกต่างมีมากโปรดเข้าใจ
จะสวมเสื้อสีไร...ยังไงก็คน
จะตัดพ้อต่อว่ากันทำไม
หยิบปืนมากราดใส่ไปทุกหน
เลือดก็มีสีเดียวทุกผู้พล
ถอยกันบ้างสักหนบ้างเป็นไร
โกรธกันอยู่ก็ไม่ต้องเจรจา
สงบโกรธปัญญามากว่าไหม
ที่ป่นปี้ไม่ใช่เพียงสังคมไทย
แต่คือร่างอันไร้ซึ่งวิญญา
หากพรุ่งนี้แดดส่องบนกองเลือด
จากดาลเดือดจะร่ำระไห้หา
ประเทศที่รักสงบตลอดมา
หยดน้ำตาล้างเลือดยังเหลือรอย
แต่ละคนล้วนแต่จะบอบช้ำ
วางปืนวางตนต่างคนถอย
ทางสันติด้วยปัญญามีกว่าร้อย
ถึงช้าหน่อยดีกว่าพาวอดวาย
ค่อยนับหนึ่งให้ถึงเพื่อนร่วมชาติ
เพื่อลบ "อยาก" ลงบ้างให้จางหาย
แล้วเติม "ให้" ทั่วบ้าง "ทุกร่างทุกกาย"
หลากเม็ดทรายจะผนึกแน่นเป็นแผ่นดิน
14 พฤษภาคม 2553 01:27 น.
กวีปกรณ์
"สัปดาห์" ร้อนแห่งคิมหันต์ที่ผันผ่าน
"มิตรภาพ" แบ่งบานกลีบก้านสวย
"ริมรั้ว" รัก โรยลมร้อนรินระรวย
"หนังสือ" ช่วย ก่อสัมพันธ์ผูกสองใจ
เพราะความร้อนเรานั้นจึงร้อนรีบ
จากค่อยจีบจัดปกหนังสือใหม่
ร่วมร้อยเรียงเขียนคำ (วงเล็บไว้)
สานส์ซ่อนใส่สื่อสารผ่านบทตอน
แต่คิมหันต์ก็เป็นเพียงคิมหันต์
ความสัมพันธ์อุ่นใจเราไว้ก่อน
เป็นแรงหนึ่งพยุงผ่าน 'กอง' ไฟฟอน
จนจวนผ่านหน้าร้อนไปพร้อมกัน
สองเราต่างพักใจในเมษาฯ
ร่วมลงนอนหลับตาพริบพาฟัน
ลืมความร้อนเบียดใกล้ในสัมพันธ์
เหงื่อโทรมกายเรานั้นต่างเย็นกาย
แต่เพราะเราชิดใกล้เกินใจควร
ความสัมพันธ์ตรึงตรวนแต่ละฝ่าย
ที่หลบหนีเมษาฯ แสนวุ่นวาย
จบตอนท้ายทุบตรวนกลับหวนคืน
โลกความจริงจึงร้อนกว่าฟอนไฟ
กลายน้ำตาหยดไหลยากใจฝืน
รอยตรวนตรึงรำลึกวันเมื่อรืน
น้ำตารื้นเจ็บร้าวกว่าร้อนไฟ
ความสัมพันธ์จึงจากพร้อมเมษาฯ
ยากรู้ว่า "รัก" จะมาอีกคราไหม
หากวสันต์ เหมันต์ นั้นเป็นใจ
ย้อนรักเราคืนใหม่อย่าให้ลา...