21 กันยายน 2552 16:50 น.
กวีปกรณ์
สายฝนโปรยปรายเป็นสายฝน
ร่วงหล่นรินร้าวให้หนาวสั่น
หยดหนึ่งราวเข็มทิ่มแทงกัน
ล้านหยดกราดฉันหมื่นพันร้าว
กางร่มกันฝนฝืนทนฝ่า
ลมแรงโถมมาเกินกว่าหนาว
ฟ้าลั่นแลบฟ้าจ้าเพียงคราว
ตาบอดมืดราวไร้ทางไป
สายฝนฟูมฟายอีกสายฝน
ร่มหล่นเกินทานต้านลมไหว
บินลอยสูงลับลิบลาไกล
เปียกกายถึงใจในทันที
กอดตัวเองเอาไว้อย่าให้สั่น
โลกยังมีแสงตะวันอยู่บางที่
ฝนไม่ตกทั่วฟ้าเลยสักที
รุ้งกินน้ำยังมีเมื่อฝนจาง
11 กันยายน 2552 22:59 น.
กวีปกรณ์
เห็นแขนขากว่าพันพาพรั่นพรึง
ตาดวงหนึ่งจับจ้องมองที่ฉัน
ปากมีเขี้ยวซุกไว้เพื่อไรกัน
หูไม่เห็นหากมันยังได้ยิน
พ่อครับพ่อครับ คุณแม่ขา
ช่วยปราบมันหากมาฆ่าให้สิ้น
ได้ลูกรักพ่อจะเหยียบมันจมดิน
จ้ะลูกจ๋าก่อนคืนสิ้นจงเข้านอน
นิทานจบจึงปิดเล่มหนังสือ
เถิดเด็กดื้อจงหลับลงกับหมอน
โอ้ ขวัญเจ้าจงมาอย่าสั่นคลอน
หากมันย้อนแม่จะปราบกำหราบลง
เห็นแขนขากว่าพันพาพรั่นพรึง
มือข้างหนึ่งหยิบกระดาษดินสอส่ง
ฉันวาดภาพตามที่เห็นลายเส้นวง
เป็นสัญญา "ยกธง" สิ้นสงคราม
อีกคืนแล้วพ่อเล่าแม่คอยเสริม
ปีศาจหนึ่งฮึกเหิมให้หวั่นหวาม
ไร้หนังสือให้เห็นต้องคิดตาม
หรือหมายความว่ายากเห็นแต่เป็นภัย
มันน่ากลัวอย่างไรใครต่างเล่า
ฉันกับน้องสองเราเฝ้าสงสัย
ต้องต่อสู่ฟาดฟันมันปราชัย
ผ่านพ้นวัยเติบใหญ่ไร้กังวล
ทุกคืนหลับไร้สิ้นสัตว์ประหลาด
ฉันยืนหยัดองอาจทุกแห่งหน
เหรียญกล้าหาญคือรางวัลกำนัลตน
อุปสรรคผ่านพ้นสู้ทนมัน