17 เมษายน 2551 09:49 น.
กวีปกรณ์
เพียงพริบตาต้องใจจนไหวหวาม
จินต์คล้อยตามติดตรึงคำนึงหา
จากปิดใจซ่อนรักทุกครั้งมา
กลับคราวนี้อยากคว้ามาแนบใจ
รู้ว่าห่างกันไกลเกินใฝ่ฝัน
แต่ยืนยันยากยั้งเพราะอ่อนไหว
ด้วยเสน่ห์เป็นที่รักของใครใคร
จะเหลือที่บ้างไหนให้แก่กัน
เปล่าบังคับขัดขืนด้วยหมื่นถ้อย
หรือคารมนับร้อยให้พลอยฝัน
หมายเพียงมิตรภาพอาบสัมพันธ์
เพื่อนเท่านั้นเพียงเท่านี้ที่รอคอย
อาจดวงตาประตูใจบนใบหน้า
หรือรอยยิ้มพิมพ์ตาเพียงนิดหน่อย
ชวนหลงใหลหลงรักไม่ใช่น้อย
ที่แตกต่างจากร้อยแห่งพลอยชน
8 เมษายน 2551 05:11 น.
กวีปกรณ์
หาได้มีสิ่งพิเศษชวนสรรหา
ฉันเพียงดาวธรรมดาหว่างเวหน
ที่พราวพริบระยิบแจ้งแสดงตน
นั่นเพราะใครบางคนสะท้อนมา
จนหลงลืมตัวเองบ้างในบางครั้ง
หากใครล้อมหน้าหลังเรืองแสงกว่า
ยามส่วนลึกมืดมิดสนิทตา
ฉันจึงง่ายค้นหากว่ายามใด
หากใครอาจเอื้อมคว้ามาที่ฉัน
เขาจักรู้ระยะนั้นห่างเพียงใกล้
เพราะมิอาจเจิดจ้าเกินกว่าใคร
ให้เขาพบดวงสุดท้ายยังไกลเกิน
แต่หากใครไตร่ตรองลองสังเกต
ใช่เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งมองผิวเผิน
ช่วยเพ่งพิศนานนานอย่าผ่านเมิน
ไม่นานเกินจักพบฉันในทันที
แม้ก่อนนั้นพยายามสักเท่าไหร่
วันนี้ยังห่างไกลจนริบหรี่
เพื่อให้โดดเด่นตากว่าวันนี้
หนทางใดไหมมีมาต่อเติม
ที่วางแผนกระทำการณ์เพื่อสานฝัน
จักถูกผิดช่างมันฉันฮึกเหิม
แต่ก็กลับไม่ใช่ฉันคนเดิม
ละอายใจหากเริ่มคงร้ายแรง
"พยายาม ฉันคงยังพยายาม
ฝันงดงามหวังจินต์เจ้าเจิดแจ้ง
แม้จักมีอุปสรรคใดทิ่มแทง
ยังปันยิ้มแสดงแบ่งใครใคร
ไม่ว่าจะเร็วหรือช้ากว่าใครเห็น
ฉันพบสิ่งซ่อนเร้นหนึ่งนั้นได้
คำตอบคือมุ่งมั่นอีกมั่นใจ
แสงเรืองรองนั้นไซร้สว่างงาม"
7 เมษายน 2551 04:02 น.
กวีปกรณ์
ตะวันออกตกแล้วร่วงราวฝน
ทุกแห่งหนหับมืดเหมือนคืนค่ำ
ลมหายใจถูกกลืนหายไปประจำ
ตราบเวลายังกระทำกับชีวิต
ทุกชีวิตยังพูดฝันถึงวันหน้า
เพื่อค้นหาใครเล่าเฝ้าลิขิต
แล้วขอผลบนบานไร้การคิด
คล้ายสำเร็จนั้นผลิตด้วยฤทธิ์พร
บ้างบางใครอารมณ์คล้ายห่มเหงา
กำแพงกั้นเขตเขา-เรา ยากผ่อน
ทั้งที่เคยอยู่สบายคลายรุ่มร้อน
ไร้รั้วขอนขวางกั้นสัมพันธ์ใด
เดินถนนเนืองแน่นแผ่นคอนกรีต
เสียงหัวใจกลับหวีดวังเวงไหว
ยังเหว่ว้าทั้งท่ามหมื่นบางใคร
ทั้งยืนใกล้กลับห่างร้างสัมพันธ์
ตะวันออกบอกกาลตามกำหนด
แล้วชีวิตทั้งหมดยาวหรือสั้น
ก็แล้วแต่พอใจก็แล้วกัน
เห็นล้วนแต่ตามใจฉันไม่สนใคร
4 เมษายน 2551 05:20 น.
กวีปกรณ์
เดิมอดีตดึกดำบรรพชาติ
กว่าเป็นปราชญ์เปรื่องคิดวิจิตรศรี
สานสังคมลดอำนาจวาดเสรี
ทุกกรรมมีกฏกรอบกติกา
ว่าด้วยเรื่อง "ควรพูด-ไม่ควรพูด"
เรื่องที่ลับเอามารูดไว้เบื้องหน้า
กลายเรื่องใหม่น่าสังสรรค์จำนรรจา
ด้วยเรื่อง "เพศ" มากค่าหรือน่าอาย
การจำแนก ชายหญิง อิงความหยาบ
จากรูปลักษณ์จึงทราบสื่อความหมาย
เห็นมี "จู๋" ยื่นหน้าเขาว่าชาย
หากหดหายให้เรียก "จิ๋ม" จัดหญิงเป็น
ด้วยจำแนกแยกหยาบมาตราบช้า
เพราะความรู้มีมาแค่เพียงเห็น
อีกถูกจัดให้ลี้ลับหลีกวรรคเว้น
เรื่องสังคมจึงเด่นด้วยเพศชาย
คงเป็นเพราะเห็นได้ด้วยรูปลักษณ์
ยื่นหน้านำหน้านักกลายมักง่าย
จัดจำแนกกรอบอำนาจวาดวางกาย
ด้วยกำยำจึงข่มขายขึ้นควบคุม
หญิงจึงจัดเป็นหญิงเพียงสิ่งของ
ใช้สนอง จงเสนอ เผยอหลุม
ให้ขึ้นขี่ปี้เล่นจำกัดกุม
ภรรยา-สินค้าคุ้มค่าเงิน
โลกหมุนเร็วกว่าที่เห็นและเป็นอยู่
กรอบความรู้ใช่ดูด้วยผิวเผิน
ลองเหลียวมองเรื่องเพศอย่าผ่านเมิน
'โลกหลากเพศ' เหลือเกินจงเชิญชม
เพราะทุกคนต่างจำแนกตนแตกต่าง
อัตลักษณ์จัดวางไว้สร้างสม
ฉันเลือกเพศเองได้ไร้ระทม
ตามแต่รสนิยมไม่ข่มใคร
โลกยิ่งใหญ่กว้างกว่าดวงตาเห็น
เรื่องเพศยิ่งลับเล้นเกินเห็นได้
อีกความคิดคนกว้างเกินเข้าใจ
เขาเธอนั้นจักเป็นใครให้เขาเป็น
เกย์กะเทยทอมดี้มีอีกมาก
โลกหลายหลากเพศสภาพตราบมองเห็น
ใช่โรคร้ายเลวริยำสุดลำเค็ญ
หากมิได้คร่าเข่น-เขาเป็นคน
เพราะโลกกว้างแต่ใจนั้นกว้างกว่า
อคติคือโรคาที่พร่าหม่น
ปิดบอดบังดวงตาพามืดมน
บีบหัวใจแคบจนจางน้ำใจ