7 กรกฎาคม 2555 05:54 น.
กวีปกรณ์
ฉันยืนอยู่ฝั่งตะวันออก
มองแมกไม้ผลิดอกและออกผล
ยามแสงทองทาบทาฟ้าเบื้องบน
แต่ละตัวแต่ละคนเริ่มต้นวัน
คลื่มลมท้องทะเลตะวันออก
หนักเบาเป็นระรอกให้หวาดหวั่น
ล่องเรือแล่นแรงลมเร่งโรมรัน
กว่าฟากฝั่งจะถึงฝันนั้นอีกไกล
จุดหมายคือฝั่งตะวันตก
เช่นวิหคโผบินสู่ถิ่นใหม่
จากเช้าชื่นมืดลงกลางพงไพร
ตะวันตกอยู่ไหนไยมืดลง
แดดตะวันออกสู่หมอกตะวันตก
จุดตะเกียงที่พกก่อนพลัดหลง
ส่องสว่างทางเถื่อนกลางเดือนดง
แล้วปลอบปลงลานจินต์จนสิ้นคืน
ฉันมาจากฝั่งตะวันออก
อาจบ้าใบ้ช้ำชอกเช่นใครอื่น
หากเมื่อถึงที่หมายยังหมายยืน
แต่กลับสิ้นแรงฝืนจะยืนยัน
จากแผ่นดินอุ่นแดดสาดแสงทอง
กลับความมืดครอบครองให้หวาดหวั่น
บนผืนดินใต้แสงงามในยามนั้น
กลบร่างไร้ชีพพลันด้วยจันท์งาม
6 กรกฎาคม 2555 09:48 น.
กวีปกรณ์
ลาดตระเวนตรวจค้นจนทั่วใจ
ขับรถบึ่งเร่งไปในกลางค่ำ
ทั้งทั้งที่คุ้นตามาประจำ
พอฟ้าดำกลับต่างทางอารมณ์
ลมพลิ้วพัดดอกไม้ในความมืด
ใจดวงจืดจดจำความขื่นขม
บ้างบางดอกหักร่วงทรวงระทม
ความหวั่นไหวตรอมตรมถมทับจินต์
กลิ่นดินถูกฝนปลุกจนตื่น
ดาวนับหมื่นหลับใหลไปจนสิ้น
ได้ยินนกกลางคืนทนฝืนบิน
อีกกี่ไกลกว่าชินหรือสิ้นคืน
ยังคงลาดตระเวนในเดนทรวง
บ้างสักใครจะห่วงเราคนอื่น
แปลกนั่น!! ดอกไม้ที่ปลายปืน
นี่ละมั้งทางฟื้นจากฟูมฟาย
5 กรกฎาคม 2555 12:10 น.
กวีปกรณ์
หลากหลายร้อยเรื่องราวยากกล่าวถึง
หากให้นับจากหนึ่งจะถึงไหน
จดบันทึกจากบรรทัดที่คัดไว้
จบเล่มที่เท่าไหร่ไม่อาจนับ
หากบังคับคัดเพิ่มเติมให้จบ
ให้ถ้วนครบคำความตามลำดับ
จนทุกห้องทั่วใจไร้ความลับ
คงยากจับจริงเท็จมาเด็ดดม
เหตุเพราะรักช่างมีอิทธิพล
อีกมากด้วยเล่ห์กลปนประสม
หากได้ปล่อยรากรักลงปักพรม
แล้วกรีดอกออกชม-ชาดดวงแด
โดยเท่าที่รู้สึกสำนึกได้
เรื่องร้ายร้ายผ่านไปใช่แยแส
ไหนเธอหรือทำร้ายเร้ารังแก
น้ำตาไหลก็แค่เคืองควันไฟ
มาตรารักนั้นไร้มาตรฐาน
มิเคยเห็นมาตรการกำหนดได้
ขืนหากแยกแบ่งรักออกจากใจ
จะเต้นต่ออย่างไรหากไร้รัก
สิ่งที่เธอมอบไห้ใจดวงนี้
บันทึกแต่สิ่งดีไว้เป็นหลัก
ด้วยดวงใจเจ้าเอยมิเคยพัก
แม้จะผ่านกี่นานนักยังรักเธอ
4 กรกฎาคม 2555 04:56 น.
กวีปกรณ์
ลมปลิวฝุ่นฟ้อนในตอนสาย
ดินแดงปลิวกายสู่เวหน
จากริ้วรอยแตกแยกตัวจน
ผืนดินผินตนเป็นผืนทราย
แยกน้ำเคยอุ้มชุ่มในดิน
โบยบินเมฆขาวครึ้มยามบ่าย
เปาะแปะแฉะชื้นใช้คืนกาย
คละคลุ้งกลิ่นคล้ายครั้งฝนริน
ผุยผงพริบพลันแผ่นดินชื่น
ปลุกตื่นชีวิตที่วายสิ้น
กบอึ่งบึ่งร้องก้องให้ยิน
ดุกดิ้นช่อนว่ายในสายธาร
ไอดินดมหอมกว่าตอนแล้ง
ฟ้าแจ้งรุ้งเติมหลังฝนผ่าน
เรไรยามค่ำครื้นทำงาน
จิ้งหรีดผสานดั่งวานวัน
ลมปลิวฝุ่นฟ้อนในตอนนี้
หวังบ่ายฝนมีอย่างที่ฝัน
ข้าวหอมฯ เสาไห้ ทุ่งใกล้กัน
ถ้อยคำจำนรรนอกเถียงนา
3 กรกฎาคม 2555 01:26 น.
กวีปกรณ์
สิ้นแล้วถ้อยสนทนาในม่านมืด
นัยตาชืดไร้แววความหวาดไหว
ฉันอยู่นี่ที่รัก มิใกล้ไกล
ถ้อยความที่พร่ำไปจะกล่อมเธอ
ในโอบกอดแนบแน่นอย่างอิสระ
ความรักจะซับน้ำตาเธอเสมอ
ฉันนี่เอง ตรงนี้ที่พบเจอ
คอยปราบภัย พลาดเผลอชี้ทางพลัน
ยามเธอตื่นหมื่นคำรักจะพร่ำบอก
เปลี่ยนเหมันต์ช้ำชอกเป็นคิมหันต์
ในทุกห้วงคิดถึงเธอเท่านั้น
ทุกถ้อยพร่ำรำพันคือสัญญา
จะคอยเป็นม่านฝนกันฉ่ำหนาว
จะคอยเป็นแสงดาวกลางเวหา
จะปกป้องคุ้มครองหากภัยมา
จะอุ้มให้ไกลตาความหวาดกลัว
เสรีแห่งรักเท่านั้นที่ฝันใฝ่
บนโลกไร้หมอกม่านหม่นสลัว
โอบเธอไว้เคียงข้างไม่ห่างตัว
จากนาทีจนชั่วนิรันดร์กาล
ขอเพียงเธอเท่านั้นร่วมชีวิต
อาญาสิทธ์รักเราจะเผาผลาญ
หากเงียบเหงา/เดียวดายใดรุกราน
ทุกสถานเคียงกัน ฉันสัญญา
ทุกค่ำเช้าใกล้ชิดสนิทใกล้
เผยพร่ำรักร่ำไปเป็นภาษา
จดจานจารึกจากวาจา
เป็นเพลงรักเลอค่ากว่าอื่นใด
ขอมอบเพลงนี้แด่ที่รัก
ปีกเสรีแสนหนักจะบินไสว
ด้วยเขาถึงทิ้งรักเธอสิ้นจากใจ
หากเพียงเธอร้องให้เขาได้ยิน
โปรดเถิด บอกกับฉันจะมั่นรัก
ถ้อยนั้นจะแน่นหนักกว่าผาหิน
ดุจคำสาปใดเล่าบนแดนดิน
ทุกค่ำเช้า ทุกถิ่น ฉันติดตาม
แล้วเธอจะตอบรับฉันอย่างไร
จะทดแทน หรือจากไปอย่างเหยียดหยาม-
ทรยศปีศาจรักนิรนาม
ผู้เฝ้าเพียรไถ่ถามถึงความรัก