17 สิงหาคม 2555 23:39 น.
กวีปกรณ์
ดวงแดดร่มลมตกแล้วคืนนี้
เหลืออีกกี่โมงยามที่ยังเหลือ
ฉันอาจบอกรักเธออย่างสั่นเครือ
แต่ยังเจือความรักด้วยภักดี
ก่อนคืนนี้จะพาเธอลาไกล
และก่อนตะวันส่องฉายขึ้นแทนที่-
จันทร์ดวงเดิมที่มาพร้อมราตรี
และก่อนดาวดวงนั้นนี้จะเข้านอน
สัญญาได้ไหมว่าเธอจะกลับมา
จะย้อนคืนวันมีค่าเช่นครั้งก่อน
ใช่บางทีชีวิตก็เป็นเช่นละคร
รู้หรือเปล่า...ทุกตอนฉันจดจำ
เส้นทางแห่งความฝันอาจแสนไกล
และอาจพรากคนใกล้ให้กลืนกล้ำ
คงไม่ต่างจากวันที่สายฝนพรำ
ในความสดชื่นกลับช้ำเกินเข้าใจ
อีกไม่นานพรุ่งนี้จะเดินทางมา
และเกินกว่าความมืดจะฝืนได้
เช่นเดิม...ฉันยังบอกรักอยู่ร่ำไป
เธอเล่า...สัญญาไหมจะกลับมา
17 สิงหาคม 2555 14:07 น.
กวีปกรณ์
อาจเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งในทรงจำ
อายเป็นเพียงถ้อยคำยามคิดถึง
อาจเป็นเพียงสายลมชั่ววูบนึง
ที่พัดผ่านอย่างหวานซึ้งในช่วงวัน
อาจเป็นเพียงแรกพบยามสบตา
อาจเป็นเพียงปรารถนาคนช่างฝัน
อาจเป็นเพียงคำบอกเล่าอันเงียบงัน
ที่ระหว่างบรรทัดนั้นไร้ความใด
อาจเป็นเพียงดอกไม้เมื่อแรกบาน
อาจเป็นเพียงนิทานที่เล่าใหม่
อาจเป็นเพียงสายธาร ทะเลไกล
ที่คลื่นลมยังไหวอยู่ในทรวง
อาจเป็นเพียงความรักหรือความทุกข์
อาจเป็นเพียงความสุขเพียงบางช่วง
อาจเป็นเพียงความเศร้ามาทักท้วง
จนกลายเป็นอีกห้วงแห่งความทรงจำ
14 สิงหาคม 2555 18:28 น.
กวีปกรณ์
เหยี่ยวกระหยับปีกล้อคลอเล่นลม
ดอกไม้ร้าวระบมโดนข่มเหง
เสียงความหวังจากปลายปืนน่าขื่นเกรง
นกขุนทองเคยร้องเพลงเจ้าหายไป
เจ้าสัญญาจะกลับมาเมื่อฟ้าสาง
ท่ามแดดจางดอกไม้หยัดยืนไหว
เสียงความเศร้าถูกลบจนเลือนไป
นกขุนทองนานไหมเจ้าจะมา
กระดิ่งวัดระฆังร้องก้องสลับ
แดดระยับผืนน้ำงดงามกว่า
คืนเดือนแรมระยิบดาวพราวดารา
แว่วได้ยินเสียงหมาพาหอนเกรียว
เช้ารุ่งขึ้นกลุ่มกบจะเลือกนาย
กะลาครอบซ่อนกายเป้าหมายเหยี่ยว
กากบาทตามชอบในช่องเดียว
ขุนทองบอกอีกเที่ยวเดี๋ยวจะมา
เหยี่ยวกระหยับปีกกว้างอย่างกำแหง
ดอกไม้ล้มตามแรงจนหมดท่า
กบก็เลือกนายแล้วตามสัญญา
เจ้าขุนทองกลับหายหน้าไม่มาเลย
14 สิงหาคม 2555 13:56 น.
กวีปกรณ์
งามใดเอยเรียกได้..........ว่างาม
หลายหลากคนนิยาม...........ต่างไว้
สุนทรียศาสตร์ถาม.............ตามชอบ ตอบนา
หลากวัฒนธรรมไซร้............ต่างบ้างตามขนบ
สวยใดเอยเรียกได้........ว่าสวย
ตามค่านิยมอวย................ยกอ้าง
อำนาจส่งคนรวย...............ตามทรัพย์ ตนแล
รสรูปคือสิ่งสร้าง...............สุดแล้วใดสวย
เพราะใดเอยเรียกได้.....ว่าเพราะ
สัมผัสโสตเสนาะ...............ส่งให้
จับความขาดไพเราะ..........ฟังขัด เทียวนอ
กวีจึ่งสานสืบใช้................สื่อได้ส่งความ
หอมใดเอยเรียกได้.......ว่าหอม
ต้องหนึ่งแมลงดอม...........ภู่ผึ้ง
ฤา ต่างพันธุ์เพียรตอม......แมลงหวี่ วันนา
หอมแต่พระธรรมซึ้ง.........สัจแท้แลหอม
งามใดเลยเทียบได้......งามธรรม
สวยอาจเพียงกายกรรม...ประกอบสร้าง
เพราะใดเสนาะคำ...........เทียมพุทธฯ ตรัสเฮย
รสรูปกิเลสล้าง................นับได้สุนทรีย์
12 สิงหาคม 2555 13:08 น.
กวีปกรณ์
....... มาลัยประณตน้อม........ประนม
มะลิปรุงประสม....................กลิ่นแก้ว
สองบงกชกรานชม...............คุณแม่
เอนกอนันต์แพร้ว.................กราบไหว้วันทนา
.......อิ่มเอยมิอาจอ้าง ..........เกินเกษียร
อกอุ่นยากเทียบเทียร...........อื่นได้
อุ่นอกเธอเฝ้าเพียร..............ฟูมฟัก
อ้อมกอดตะกองใกล้............ทนุเจ้าถนอมใจ
.......ชี้ทางสว่างให้...............ลูกเดิน
ชมชื่นกิจประเมิน.................ลูกสร้าง
ชำระทุกข์ใดเผชิญ...............เรียกขวัญ ลูกนา
ชโลมช่วยชนะร้าง................โรคร้ายภัยภยันต์
.......การณ์กิจบังเกิดเกล้า...เกินกรอง
ทุกบททุกบาทตรอง.............แต่งแต้ม
ขอคุณพุทธครอง ................คุณแม่ คุ้มนา
ความสุขจงเบิกแย้ม............แม่ยิ้มยอเธอ