18 ตุลาคม 2555 02:07 น.
กวีปกรณ์
หากความรักแท้ยังอยู่มี
หากจันทร์คืนนี้ยังสว่าง
หากทางเท้าบางใครคอยร่วมทาง
หากฟ้ายังสางด้วยแสงตะวัน
หากนกขับขานบทกวี
หากจานสียังเปี่ยมความฝัน
หากดินสอที่เขียนนั้นหดสั้น
กลับบันทึกเล่มนั้นหนาเพิ่มพูน
อยากให้รักแท้ยังอยู่มี
ยินดีประคองไว้ไม่ให้สูญ
อาจฟังฝันหวานปานการ์ตูน
สีสันเปียกปูนก็ยินดี
แม้ต้องรอความรักสักเท่าไหร่
สิ่งที่ไขว่ที่คว้าคล้ายหลบหนี
ยังคงตื่นรอด้วยไมตรี
สิ่งที่เคยพลาดแค่คลาดไป
อาจเหงาไปบ้างบางอารมณ์
เนื้อเพลงขื่นขมคนอ่อนไหว
ละครซาบซึ้งสะเทือนใจ
อย่างไรเล่าหนอยังรอรัก
15 ตุลาคม 2555 01:23 น.
กวีปกรณ์
เริ่มต้นแต่ฟ้ากว้างสว่างแสง
จากมืดดับกลับแจ้งสว่างไสว
ตระเตรียมพาหนะประจำใจ
ต้อนรับมิตรใกล้ไกลในบ้านกลอน
อักษรศิลป์สื่อสานสัมพันธ์รัก
หยาดน้ำคำน้ำหมึกชวนพักผ่อน
ทริปสิบสี่ตุลาจะพาจร
อัลมิตราพาตะลอนชลบุรี
เที่ยวทั่วชลคงไม่ไหวพอสังเขป
จากกรุงเทพ-พัทยาเมืองแสงสี
แม้กลางวันไร้แสงแห่งราตรี
สัตหีบกลับมีแสงดาวศรัทธา
กวีปกรณ์อีกคนในพื้นที่
ขอนัดพบพี่พี่ได้เปล่าหนา
แก้วประภัสสรยิ้มพิมพ์อักษรา
กุ้งหนามแดงตื่นเต้นว่ายินดี
เพียงพลิ้วยืนปลิวลมรอพลขับ
ร้อยฝันรอแทบหลับคนต่างที่
จากชัยภูมิเพื่อพบเพื่อนครานี้
มิตรภาพไม่มีคำว่าไกล
แปดโมงสามสิบนาฬิกา
ก่องกิกนำพาท่องแดนใหม่
พิพิธภัณฑ์ภาพพาตื่นใจ
ศิลปะหลอกให้เห็นภาพลวง
แท้ที่จริงศิลป์ใดได้ลวงหลอก
เพียงจิตเราเย้าหยอกในบางช่วง
ความจริงใจเห็นได้ใช่เปล่ากลวง
คือน้ำใสอีกห้วงแห่งสัมพันธ์
บันทึกภาพประทับใจในทรงจำ
มากมายกิจกรรมร่วมสังสรรค์
ศิลปะหล่อรวมเราด้วยกัน
บทกวียาวสั้นเราหมั่นกรอง
มื้อเที่ยงมุ่งหน้าร้านพอพุง
เปี่ยมน้ำใจป้าลุงช่างผุดผ่อง
ทั้งกุ้งปลาปูเป็นอิ่มเต็มท้อง
ขอให้ร้านทั้งสองขายร่ำรวย
ดาวศรัทธานำทัพหลังอิ่มท้อง
กราบเกียรติก้อง"กรมหลวงฯ" /ชมวิวสวย
ในฐานทัพทหารเอื้ออำนวย
สัตหีบเต็มไปด้วยยุทธนาวี
จากนั้นจึงกราบลาคุณลุงป้า
ผูกสัมพันธ์สัญญาอย่างเร็วรี่
ทหารเริ่มรำคาญนานเต็มที
ไม่เคลื่อนรถสักทีทำลีลา
จากนั้นมุ่งหน้าอารามหลวง
รำลึกคุณทั้งปวงแห่งศาสนา
พานดอกไม้เทียนธูปด้วยศรัทธา
กราบองค์ศาสดาตถาคต
แล้วพักเหนื่อยจิบน้ำองุ่นแดง
เพิ่มแรงท่องเที่ยวตามกำหนด
ระหว่างทางสนทนาอย่างออกรส
"การเก็บกลด" กลางซิลเวอร์เลก
ยังไม่พอขอเพิ่มตลาดน้ำ
ทุกคนพร้อมท่องตามไม่มีเบรก
เพราะอายุเป็นเพียงตัวเลข
คล้ายสุขสันต์สรรเสกเสริมเรี่ยวแรง
เพื่อนพี่น้องท่องเที่ยวตามประสา
บันทึกภาพงามตาทุกหนแห่ง
มิตรภาพล้ำค่าราคาแพง
ยามตะวันดับแสงจึงแจ้งลา
ขอบคุณทุกอักษรที่วาดสาย
ลวดลายท่วงทำนองศิลป์ภาษา
อีกน้ำใจในน้ำคำจำนรรจา
"มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า" สัญญาใจ
9 ตุลาคม 2555 20:35 น.
กวีปกรณ์
โลกไม่ใช่ของเรา
โลกหมุนรอบตัวเองเบาเบารู้สึกไหม
โลกไม่ใช่ของเราหรือของใคร
โลกโคจรดาวดวงไฟตรงใจกลาง
ฝันไม่ใช่ของเขา
ฝันของเราอาจถูกขโมยไปบ้าง
ฝันไม่มีเข็มทิศคอยนำทาง
ฝันไม่มีป้ายแขวนวางว่าของใคร
ไฟไม่เคยอุ่น
ไฟมักจุนชีวิตสว่างไสว
ไฟไม่เคยดับมืดในมืดใด
ไฟสว่างแต่กลับไม่เคยอุ่นพอ
กระจกไม่เคยใส
กระจกเงาฉายใจที่จดจ่อ
กระจกสะท้อนเพียงสิ่งที่เฝ้ารอ
กระจกจึงลวงล่อและหลอกเรา
เราไม่ใช่ใคร
เรามิอาจเข้าใจอะไรเขา
เราอาจสะท้อนส่วนหนึ่งดังเงา
เราจึงไม่ใช่เขา และเราไม่ใช่ใคร
7 ตุลาคม 2555 21:43 น.
กวีปกรณ์
หากเธอคิดฉันไกลปันใจห่าง
ฉันรักเธอเสียอย่างอย่าสงสัย
เถิดที่รักโปรดอย่าหมองเศร้าไป
จะห่างเธออย่างไรให้ไกลกัน
หากเธอนั้นชี้นกฉันว่านก
อย่าตระหนกรักแน่มิแปรผัน
หากเหน็บหนาวหัวใจอย่างไรกัน
จะมีฉันเคียงข้างไม่ห่างไกล
บนหนทางหวังไว้ดั่งใจฝัน
จงเชื่อมั่นหนักแน่นอย่าหวั่นไหว
หากเธอล้มพลาดพลั้งในครั้งใด
กลับมาหาฉันได้ในทันที
หรือพลัดหลงเผลอไผลในบางครา
ฉันจะออกตามหาเธอทุกที่
หากชอกช้ำปวดร้าวล้นฤดี
ฉันจะอยู่ตรงนี้ซับน้ำตา
ไม่มีหรอกวันใดปันใจห่าง
รู้เสียบ้างฉันรักเธอยิ่งกว่า
จะโอบกอดเธอไว้ทุกเวลา
คอยห่วงใยห่วงหาทุกคราไป
5 ตุลาคม 2555 10:26 น.
กวีปกรณ์
ฉันกำลังเดินทางไปให้ไกลห่าง
โลกใบกว้างแสนเศร้าเขม่าไอเสีย
จัดกระเป๋าเดินทางอย่างอ่อนเพลีย
คว้าขวดเบียร์ดื่มยกกระดกกิน
กุญแจรถบิดสตาร์ท ปาดน้ำตา
กางแผนที่นำพาคนพลัดถิ่น
อพยพปลีกใจให้โบยบิน
หลีกผู้คนให้สิ้นอย่างยินดี
สุดถนนเกินกว่าพารถเคลื่อน
ขยับปลายเท้าเขยื้อนเหมือนหลบหนี
ทิ้งเรื่องราวความหลังครั้งยังมี
จุดไฟเผาไดอารี่เพื่อส่องทาง
ในความมืดผืนป่าพาใจหวั่น
กางเตนท์พลันหยุดพอรอสว่าง
เรื่องความหลังเผาไฟอุ่นใจพลาง
กอดตัวเองอย่างอ้างว้างกลางวนา
จั๊กจั่นร่ำน้ำค้างอย่างสุนทรีย์
นกกลางคืนร่ำกวีไร้ภาษา
หิ่งห้อยหายไปไม่พบหน้า
ดอกพุดช่างหอมกว่าคราค่ำคืน
ในความมืดแห่งราตรียังตื่นอยู่
กางแผนที่ออกดูแล้วสะอื้น
จากจุดเริ่มจนจุดนี้ที่กล้ำกลืน
ความเดียวดายนับหมื่นยังอยู่มี
ฉันจึงเผาแผนที่ที่กางนั่น
จะหลงทางช่างมันในวันนี้
หากดวงดาวดวงใดใคร่ปราณี
บอกหนทางฉันทีให้หนีไป
แดดเช้ากำลังอุ่นโอบสายหมอก
นกกลางวันย้อหยอกอย่างแจ่มใส
ไม่อาจรู้เลยว่าเวลาใด
ฉันพลัดหลงอยู่ไหนในเวลา
ยังเห็นรอยย่ำอยู่เมื่อครู่เดิน
ตัดสินใจเผชิญแม้ปวดปร่า
เพราะอดีตยังคอยตามเรามา
จึงพบว่าหลงทางมาตั้งไกล
ท่ามปัญหามายมายไร้ทางออก
ฉันขยอกกลืนแต่ความสงสัย
แล้วทับถมความทุกข์ท้นทรวงนัย
ลืมต้องแก้ปัญหาไปในทันที
แต่ละก้าวที่ย่างอย่างทบทวน
บางปัญหาคร่ำครวญก็ใช่ที่
เพียงวูบหนึ่งอารมณ์สร้างก็มี
จนใจนี้เหนื่อยหนักไม่พักวาง
บิดกุญแจสตาร์ทผงาดสู้
กลับรถอย่างรอบรู้ยามสว่าง
ทุกพื้นที่ที่พ้นพบรอยยาง
พาตัวเองสะสางล้างหัวใจ