18 เมษายน 2549 17:07 น.
กวีปกรณ์
จะจากกันมั่นแล้วหรือที่รัก
จึงกล่าวคำแน่นหนักไม่ห่วงหา
โปรดครวญคิดสักนิดก่อนเอ่ยลา
เพียงสีหน้าชาเย็นแสนเข่นใจ
แทบสิ้นแรงหยุดยั้งรั้งเธออยู่
มากถ้อยคำย้ำให้รู้กู่ไม่ไหว
คนรักเก่าเคยเคล้าเคลียแปรเปลี่ยนไป
จากร้างไกลไม่สน...คนเคยรัก
27 มีนาคม 2549 18:39 น.
กวีปกรณ์
สองเราเดินเพลินบนหนทางรัก
คอยตวงตักความสุขลืมทุกข์สิ้น
เมื่อทางรักหักสลายกลายเพียงดิน
เราหวั่นใจไม่ชินทางหินทราย
จับจูงมือถือแขนแทนความหวง
ประครองรักหนักหน่วงห่วงไม่หาย
แม้ลำบากยากเหลือเหงื่อโทรมกาย
จะฝ่าฟันปีนป่ายหมายสุดทาง
สองเราเดินสะเทิ้นทุกข์ไร้สุขสม
หวังองค์พรหมพรมพรรอนโศกสร่าง
ทางที่ก้าวร้าวสมานประสานวาง
ให้สองเราก้าวย่างห่างระทม
เมื่อประสบทางหลบทุกข์ลุกลามจิต
จักหมั่นคิดถึงเรื่องราวคราวขื่นขม
บนทางรักหนักทรวงบ่วงอารมณ์
ครั้งสองเราร้าวระบมตรมตรอมใจ
ด้วยคงมั่นพันใจไว้ด้วยรัก
แม้เรื่องหนักจะย่ำแย่สักแค่ไหน
จะไม่ห่างร้างลาจะฝ่าไป
ด้วยความรักและห่วงใยในสองเรา
8 มีนาคม 2549 15:11 น.
กวีปกรณ์
ดั่งใจได้ขึ้นขี่ ควบคุม
อำนาจในมือกุม สุขแท้
ชักชนเชื่อชุมนุม ขับไล่
หวังเพื่ออีกฝ่ายแพ้ เลิกล้มเผด็จการ
อีกฝ่ายหว่านจ่ายซื้อ อำนาจ
ลวงหลอกประชาชาติ ตวัดลิ้น
คิดเพียงกอบโกยกวาด เงินค่า (เงินข้า)
มิไตร่ชาติจักสิ้น ไพร่ฟ้าอนาทร
เสือหมอบนอนนิ่งคล้าย หลับใหล
ลิ้มรสคำบางใคร หว่านล้อม
อีกตัวเชื่องด้วยใบ แดงม่วง
ต่างฝ่ายจึงต่างพร้อม รบสู้ฟาดฟัน
ปะทะปราศรัยยืดเยื้อ กลางเมือง
จ่ายงบประมาณเปลือง เดือดร้อน
ประชาจากแน่นเนือง เริ่มลด
เสือตื่นเริ่มคิดย้อน ขุดค้นความจริง
เสือตื่นเปิดรับรู้ ข่าวสาร
พยศสู้หมู่มาร แยกเขี้ยว
คนขี่เริ่มรนลาน หวั่นพลาด
จึ่งยิ่งสู้ขับเคี่ยว ต่อต้านบรรลัย
อำนาจจำยุดยื้อ อยู่คง
หากหมดอำนาจลง พ่ายแพ้
อาจสิ้นชีพด้วยกรง แห่งเล็บ
หน้าฉีกยับเกินแก้ แทรกพื้นอับอาย
23 กุมภาพันธ์ 2549 19:05 น.
กวีปกรณ์
๐ ยินเสียงน้องนงคราญนานเนิ่นแล้ว
ลอยลมแผ่วแว่วมาให้ใจหาย
พี่ยิ่งครวญใคร่ครุ่นจนวุ่นวาย
ไม่เคยต้องห่างไปหลายวัน
๐ ด้วยจำเป็นหลายเรื่องอย่าเคืองพี่
ช่วยเห็นใจคนดีแม่ดวงขวัญ
เมื่อสิ้นงานสัญญาหวนคืนพลัน
แต่เจ้านั้นดวงแดอย่าแปรไป
๐ พี่วอนจันทร์กล่อมเจ้ายามเข้านอน
ด้วยห่วงหาอาทรใคร่ย้อนใกล้
แต่ช่างเหลือเกินการทำตามใจ
จึงเพียงได้ไหว้วานขานดวงจันทร์
๐ ยามเพลาลมฟ้าถึงคราเปลี่ยน
เหมันต์เวียนเจียนบ้าเวลาหัน-
มองข้างกายไม่มีแม่ชีวัน
ใจหนาวสั่นพรั่นพรึงถึงดวงมาน
๐ คำนึงถึงเจ้าเหลือเจือความห่วง
คงหนาวทรวงพวงแก้มแช่มเป็นกร้าน
เอาเสื้อพี่ที่ให้ในวันวาน
ห่มเนื้อน้องป้องต้านทานลมแรง
๐ จงลงกลอนก่อนนอนให้ท้วนทั่ว
อย่าพลั้งตัวเผลอไผลในบางแห่ง
ป้องกันชายกลายกล้ำกำยำแรง
เข้ามาแฝงเร้นร้ายทำลายน้อง
๐ ริ้นไรยุงมุ้งม่านเอากางกั้น
พ่นยาใส่ไล่พลันกันทั่วห้อง
รวมทั้งเรือนหลังนี้ที่เราครอง
ด้วยกลัวผิวใยยองหม่นหมองไป
๐ ด้วยสิ้นห่วงดวงแดแม่เนื้อทอง
เหลือยามห่างนางน้องอย่าร้องไห้
ยามพี่ยินเสียงเจ้าแสนเศร้าใจ
เชื่อคำพี่ที่กล่าวไว้ในสัญญา
๐ แม่เนื้อเย็นเห็นแก่ใจพี่บ้าง
จำต้องร้างนางไกลใจห่วงหา
ยามพี่กินไร้คนดีป้อนพี่ยา
ทั้งข้าวปลาล้วนสิ้นกลิ่นมือนาง
๐ เพลากลืนช่างลำเค็ญจำเป็นฝืน
จำใจกลืนเพื่อยั้งแลรั้งร่าง
ไม่ให้กายวายจนพ้นสรรพางค์
เพียงคอยวันย้อนทางย่างสู่เรือน
๐ ยิ่งก้าวย่างห่างไกลเรือนเราสอง
น้ำตาพี่น้ำตาน้องไหลนองเปื้อน
ยิ่งนานวันผันผ่านนานแรมเดือน
ยิ่งเร่งวันให้เคลื่อนเลื่อนเร็วไว
๐ ยามหนาวลมห่มผ้ากว่ากายอุ่น
ไม่เหมือนยามพี่หนุนเนื้อนางได้
ทั้งอุ่นร่างพลางอุ่นทั่วถึงใจ
แต่ยามนี้พี่ไร้ใครข้างเคียง
๐ น้องรู้ไหมใจกายพี่นี้ร้อนรุ่ม
เหงื่อไคลชุ่มคล้ายต้องแสงแรงยามเที่ยง
ยามนอนเหมือนไฟสุมรุมข้างเตียง
ไร้ทางเบี่ยงเลี่ยงได้เท่าใกล้นาง
๐ ยามมองจันทร์พลันหวนถึงนวลน้อง
จันทร์ไม่ผ่องความคำนึงจึงไม่สร่าง-
หน้าดวงใจไร้รอยคล้ำสีดำจาง
มาปนเปื้อนเกลื่อนปรางแก้มนางนวล
๐ ใครเคยเปรยเอ่ยไว้ให้ยินบ้าง
สามวันไกลใจนางพลางแบ่งส่วน
ยิ่งทางไกลใจหญิงยิ่งเรรวน
ยิ่งหลายคำย้ำล้วนป่วนดวงใจ
๐ เมื่อพี่ให้ใจน้องไปครองแล้ว
ย่อมเชื่อใจน้องแก้วใช่ใครไม่
เชื่อในสายสัมพันธ์อันโยงใย
ดังเงื่อนป่านสานใจไว้ใกล้กัน
๐ พี่ห่างไกลใจน้องต้องไม่กลัว
ห่างเพียงตัวหัวใจยังคงมั่น
วอนสายลมโบยคำพี่รำพัน
ให้นางนั้นกลั้นไห้ใจตรอมตรม
๐ เมื่อเจ้ายินคำพี่ที่โชยไป
ยามลมปลิวพลิ้วไหวดั่งใจสม
คลายเสียงนวลครวญไห้ในอารมณ์
วอนสายลมพรมใจน้องให้ผ่อนคลาย
๐ สิ้นงานแล้วแก้วตาถึงคราหวน
ของพี่ซื้อเพื่อนวลจำนวนหลาย
พี่รู้เจ้าหวังเพียงพี่เคียงกาย
แต่เสียดายไกลบ้านมานานที
๐ ทั้งเงินงามตามเจ้าเคยเซ้าไว้
ครั้นก็หามาให้ด้วยใจพี่
เงินหลายอย่างสร้อยบ้างต่างหูมี
หวังคนดีสวมใส่ใจพี่ยา
๐ แก้วแหวนงามเจ้าเคยบ่นเปรยถึง
เป็นน้ำหนึ่งพี่สรรไปวันกว่า
ตรงไหนมีของดีเร้นพี่เฟ้นมา
หวังแก้วตาคงชื่นรื่นอารมณ์
๐ ส่วนเครื่องทองน้องพี่ก็มีให้
หวังสิ่งใดได้สิ่งนั้นพลันใจสม
เห็นโครงสวยด้วยพันเป็นฟั่นปม
ทั้งยังพรมด้วยมาลีสีสวยงาม
๐ ได้แพรไหมให้น้องมาสองผืน
ใส่กลางวันห่มกลางคืนครั้งเคยถาม
ทั้งยังจำคำเจ้าเฝ้าทำตาม
ต้องผ้างามงามตาราคาเยา
๐ ได้ของไปให้นางตามจำนวน
ถึงเพลาพี่หวนหานวลเจ้า
ครั้นแล้วใจใคร่คล้อยลอยเบาเบา
ด้วยยินดีที่สองเราใกล้เคล้าคลอ
๐ เมื่อหนทางห่างไกลใกล้ขึ้นมา
ด้วยบาทาเร่งก้าวยาวไม่ย่อ
ไม่เป็นเช่นครั้งห่างย่างแค่พอ-
ด้วยใจหนอรั้งเท้าไม่ก้าวไว
๐ แม้นใกล้ค่ำยิ่งย่ำย่างไม่ค้างแรม
ได้ครึ่งทางพลางยิ้มแย้มแซมหน้าได้
เพียงเพื่อหวนคืนนางที่ร้างไกล
ที่จำกลั้นน้ำตาไว้ไปเป็นเดือน
๐ ถึงเคหาฟ้าสางใกล้นางแล้ว
คอยเหลียวมองน้องแก้วแลเอ่ยเอื้อน
เจ้ามาลาพี่ยาหวนคืนเรือน
วอนเจ้าเคลื่อนกลอนบ้านให้ผ่านไป
๐ เสียงนางเลื่อนเคลื่อนกลอนให้ใจร้อนเร้า
คล้ายน้องเอาไฟเผาความเหงาให้
พอบานเผยเอ่ยชื่อหาพี่ยาใจ
น้ำตาพี่นี้ไหลด้วยยินดี
๐ ยื่นของให้นางยิ้มพิมพ์ไฉไล
เอาวางไว้นั่งใกล้ไออุ่นพี่
ความห่างไกลไร้สิ้น...สิ้นเสียที
พลางหอมปรางคนดีที่รอคอย
๐ กลิ่นแก้มเจ้าใครเขา ฤๅ แทนได้
มีหรือใครมาแทนได้แม้ปลายก้อย
แลผิวพรรณผ่องใสไร้ร่องรอย
จันทร์ยังด้อยกว่าเจ้าแม่เยาว์มาลย์
๐ ขอผ่อนเหนื่อยเมื่อยล้าค่อยว่าต่อ-
พี่วอนขอนางน้องร้องเพลงหวาน-
กล่อมพี่นอนจนฝันเหมือนวันวาน
พลางนงคราญนอนใกล้อย่าไกลเลย
๐ ยามนอนเคียงเรียงรายข้างกายพี่
เจ้ามาลียินไหมเสียงใจเอ๋ย
เจ้าห่างพี่เพียงวาแม่ทรามเชย
เสียงใจนั้นพลันนิ่งเลยลงทันใด
๐ ช่วยเพิ่มแรงแห่งใจให้เต้นอยู่
ห่างเพียงครู่พี่ยาทานไม่ไหว
ครั้งนี้หวนคืนเจ้าเหย้าเรือนใจ
เพื่อต่อไปไม่ห่างอย่างวันวาน
๐ ต่อแต่นี้ขอมีเพียงเราสอง
ที่ร่วมครองเรือนใจจนใครขาน
ตั้งแต่ร้างสร้างเป็นเช่นตำนาน
ด้วยหัวใจใกล้ปานสานสัมพันธ์
20 กุมภาพันธ์ 2549 20:09 น.
กวีปกรณ์
ห ยิ บ รู ป ถ่ า ย ใ บ เ ก่ า ค รั้ ง เ ร า ส อ ง
ค ง เ คี ย ง ค ร อ ง ป อ ง รั ก ไ ม่ ห่ า ง ห า ย
ฮั ม เ พ ล ง รั ก บ ท เ ก่ า เ ศ ร้ า เ ดี ย ว ด า ย
สิ้ น เ รื อ น ร่ า ง เ ธ อ ข้ า ง ก า ย ค ล้ า ย วั น ว า น
น้ำ ต า ห ย า ด ริ น ไ ห ล ใ น ด ว ง จิ ต
ซ่ อ น ก ล้ำ ก ลื น ฝื น ปิ ด ด้ ว ย เ พ ล ง ห ว า น
ท่ ว ง ทํ า น อ ง ป รั บ เ ป ลี่ ย น ไ ป ต ล อ ด ก า ล
แ ท ร ก ผ ส า น ด้ ว ย ส ะ อื้ น ห มื่ น ทํ า น อ ง
แ ม้ เ พ ล ง รั ก จั ก เ ป ลี่ ย น เ ป็ น เ พ ล ง เ ศ ร้ า
เ ปี่ ย ม ไ ป ด้ ว ย ค ว า ม เ ห ง า อั น ห ม่ น ห ม อ ง
แ ต่ ยั ง ค ง ถั ก ถ้ อ ย พ ร่ำ ร้ อ ย ก ร อ ง
เ พี ย ง คํ า รั ก ที่ จั ก ร้ อ ง ป อ ง เ ธ อ ยิ น
จ ะ จ า ก ไ ป ไ ก ล ต า ข อ บ ฟ้ า กั้ น
ห รื อ อ ยู่ ใ ก ล้ ใ ค ร กั น. . . รั ก ทั้ ง สิ้ น
ว อ น ส า ย ล ม โ บ ก บ ร ร เ ล ง เ พ ล ง โ บ ย บิ น
ใ ห้ รั บ รู้ ทั้ ง ชี วิ น . . . ไ ม่ สิ้ น รั ก . . .