23 พฤษภาคม 2549 18:21 น.
กวีปกรณ์
หวั่นหวั่นไม่ว่างแม้จะไกลจะใกล้
โหยโหยจับหัวใจจะสูญจะสิ้น
ไหวไหวจิตหวิดจวนจะโบยจะบิน
ห่วงห่วงจนห้วงจินต์กระวนกระวาย
นานนานพรากนางพิสมัยสมร
โอ้โอ้รอนอกราวสิแหลกสลาย
เหมือนเหมือนเพลิงไหม้ผลาญทุรนทุราย
ใคร่ใคร่กลับเคียงกายระบายระบม
6 พฤษภาคม 2549 10:58 น.
กวีปกรณ์
ฤดูกาลผ่านมาเวลานี้
ตะวันสาดรัศมีสว่างไสว
ปลุกชีวิตรับอรุณอบอุ่นไอ
จากแดดเช้าวันใหม่ไกลกังวล
บางครั้งคราวเราอาจทำพลาดผิด
จำครุ่นคิดให้หายคลายสับสน
แต่ชีวิตมากมายหลายเล่ห์กล
แรกเลวร้ายปลายดีจนสับสนกัน
มุ่งหน้าสู่ความฝันที่มั่นหมาย
ตามตะวันส่องฉายจุดปลายฝัน
ประสบการณ์สอนเราให้เท่าทัน
มาร่วมกันปันแบ่งแรงแห่งใจ
ท้องฟ้ากว้างสว่างได้หากใจสู้
พบเรื่องหนักพักสักครู่อย่าหวั่นไหว
ค่อยค่อยคิดพินิจทางก้าวย่างไป
อย่ายอมพ่ายแพ้ภัยแก่ใจเธอ
บางครั้งคราวเราแพ้ค่อยแก้ไข
ทุกทุกสิ่งแปรไปได้เสมอ
รู้หรือเปล่าเรื่องราวที่พบเจอ
แสนล้ำค่าเลิศเลอเหลือประมาณ
ขอเพียงทำจำไว้ไม่ท้อแท้
คำว่าแพ้เพียงพลังเพลิงเผาผลาญ
ก่อเกิดเพชรเม็ดแท้แกร่งตระการ
หลอมหัวใจไม่ร้าวรานหาญสู้ทน
4 พฤษภาคม 2549 20:55 น.
กวีปกรณ์
โกรธก่อเกลียดเครียดแค้นสร้างแสนโศก
เพียงผ้าโพกปกปิดจิตใจเจ้า
เหมือนม่านหมอกหลอกเล่นเร้นเรื่องเรา
ขึ้งขลาดเขลาเง่าโง่โตแต่ตัว
เรื่องเร่งเร้าตั้งต้นทนทุกทาง
หาหนห่างอย่ายิ่งกลิ้งเกลือกกลั้ว
เฉกเช่นชลวนวิ่งบนใบบัว
กริ่งเกรงกลัวตัวตายหายแห้งโหย
4 พฤษภาคม 2549 00:12 น.
กวีปกรณ์
ห้างห่างหาง สองช้างป่าเพียงวาเดียว
พังพลายเกี้ยว เกี่ยวเกลียว งวง ด้วยห่วงหา
ส้อง(ซ่อง) ส่องสอง ผู้เมียคลอเคลียคลา
ทะลุฝาฝ่า ฝ้าฝุ่นอันขุ่นมัว
แมกไม้ลำ ล่ำล้ำค่าพันธุ์หายาก
ยั้งหยั่งยัง ลงรากลึกถ้วนทั่ว
ผืนป่ากว้าง กว่างกวางคอยพลางตัว
นกขันรัว คูคู่คู้ ร้องเรียกกัน
ใครใคร่ไคล้ ไหลหลง พงพนา
คิดครั้งครา คร่าค้า โทษมหันต์
จากสิบร้อย ร่อยรอยเท้าไม่กี่พันธุ์
แผ่นดินแห้ง แห่งแหงนั้น...เหลืออะไร
2 พฤษภาคม 2549 02:49 น.
กวีปกรณ์
น้ำคำใครใครพร้ำพร่ำพรำบอก
อันกลับกลอกหลอกใช้ใช่ไฉเฉ
ด้วยมารยาเปี้ยนป้วนป่วนปวนเปร
เพื่อเผื่อเผือหลงเสน่เล่ห์ถ้อยคำ
พอพ่อพ้อใครเล่าเฝ้าปลอบทรวง
มีแต่ลวงล่วงล้วงใจไปเหยียบย่ำ
ช่างครั่นครันครั้นฝังจิตคิดจดจำ
อกคงช้ำช่ำชำแรกแหลกเหลือดี