15 ธันวาคม 2549 02:14 น.
กวีปกรณ์
มาหาอะไรในรั้วมหา'ลัย
ความรู้หรือสิ่งใดที่ขวนขวาย
ที่หลากคนค้นหามามากมาย
แล้วสุดท้ายอะไรที่ได้รับ
มองเธอมั่นหมั่นศึกษาวิชาชีพ
จุดประทีปส่องแสงแจ้งมิดับ
เพื่อก้าวหน้าพาชีพไม่ย่อยยับ
หวังได้รับตำแหน่งแหล่งเงินตรา
มองเธอค้นหนทางสว่างจิต
ความรู้ติดเคียงคู่สู้ปัญหา
จึงแน่วแน่แก้ไขด้วยปัญญา
แล้วที่ได้รับมาคือสิ่งใด
พอเดินออกนอกรั้วกลัวเตะฝุ่น
ปริญญาบัตรบอดคุณมากค่าไม่
เมื่อแรกรับรวบเกี่ยวเหนี่ยวแนบใจ
ยิ้มมองกล้องร้องไห้ด้วยปรีดี
ใครต่อใครขานเพรียกเรียกบัณฑิต
ผู้มั่งคั่งความคิดวิจิตรศรี
ใช้ประยุกติ์สร้างสรรค์ปัญญามี
วาดวิถีถิ่นไทยให้พิพัฒน์
แล้วเธอเล่าคว้าฝันอันใดหรือ
หากหวังถือประกาศนียบัตร
คำ "บัณฑิต" ค่าคงลดลงชัด
จักสังกัดนิยามใดใจเลือกเอง
7 ธันวาคม 2549 14:16 น.
กวีปกรณ์
(๑)
ยากจักหาเหตุผลการณ์กลใด
ความเหงาจึงจับใจจนไหวหวั่น
แม้มีคนรอบกายหลายร้อยพัน
แต่ความเหว่ว้านั้นอยู่แนบใจ
ได้เพียงเดินเดียวดายให้คลายเหงา
หวังลมโบยแบ่งเบาความโหยไห้
จึงค่อยก้าวย่างกายหมายออกไป
กลับหนาวลมที่โลมไล้คล้ายแกล้งกัน
แม้อาภรณ์พันกายอยู่หลายผืน
หลายหลากคืนคงหนาวคราววสันต์
ยิ่งยามนี้เลยล่วงห้วงเหมันต์
ใจคงสั่นสะท้านสะเทือนทรวง
เห็นคนเคียงควงคู่สู้ลมหนาว
มือจับจูงมองหมู่ดาวพราวแดนสรวง
ทิ้งความหนาวเหน็บไว้ในลมลวง
มีเพียงเราไร้คนควงคงขื่นใจ
(๒)
จึงกอดกายคลายหนาว...เปล่าไม่หาย
หนาวคงเคียงข้างกาย...หยุดได้ไหม
ช่วยฉันทีมีบ้างเพียงบางใคร
มากู้ภัยคนหนาวเขาสักคน
จึงกอดกายคลายเหงา...เปล่าไม่หาย
เหงาคงเคียงข้างกายทุกแห่งหน
บอกกับใจ... เจ้าเอ๋ยจงอดทน
คงมีใครสักคนพาเหงาคลาย
1 ธันวาคม 2549 08:38 น.
กวีปกรณ์
ขอโทษเจ้าดวงใจ...อภัยเถิด
ทำถลอกปอกเปิดช้ำเลือดหนอง
ไม่รู้จักเข็ดจนใจพุพอง
น้ำตานองร่ำไห้ไม่รู้จำ
มัวแต่ไขว่คว้ารักมาปักจิต
กลับถูกพิษชำแรกแทรกระส่ำ
ทำตาบอดฟังเพียงสำเนียงคำ
แค่เพียงย้ำถ้อยหวานก็บานใจ
ครั้งเก่าเก็บเจ็บใจไม่สำนึก
บาดแผลลึกเจียนตายจำได้ไหม
เพียงอารมณ์วูบเดียว...เดี๋ยวเป็นไร
หลอกตัวเองยังไหวว่าไม่ตาย
เจอะครั้งนี้ทั้งสะกิดฤทธิ์แผลเก่า
เจ็บไม่เบาคงยากกว่าจะหาย
ทั้งแผลใหม่อีกแผลเก่าก็มากมาย
ใจเจ้ากรรมถูกทำลายยากเยียวยา
ขอกลับมาดูแลบาดแผลช้ำ
ใครเขาทำอย่าโทษหรือโกรธว่า
เพราะเราเองก็ยื่นใจไปบางครา
จนพลาดท่า...บาดเจ็บเข็ดจนจำ
27 พฤศจิกายน 2549 08:48 น.
กวีปกรณ์
กรุ่นกาแฟฟุ้งกลิ่นกล่อมอากาศ
แต่งรสชาดตามชอบตอบประสงค์
ขมนิดหน่อยค่อยลิ้มละเลียดลง
อยู่ในวงสังสรรค์จำนรรจา
สนทนาประสาคนเคยคุ้น
ช่วยปะชุนเรื่องเก่าคอยเล่าว่า...
อุ่นอารมณ์เพื่อนพ้องผองสภา
ลืมเวลาค่อยเคลื่อนเหมือนไม่มี
สานสัมพันธ์ผูกมิตรยิ่งชิดใกล้
ร้อยเรื่องราวรินใส่แก้วหลากสี
เจือรสขมผสมหวานนานนานที
คล้ายชีวีหลากรสประสบการณ์
ต่างรสชาดต่างคนต่างความคิด
แต่งชีวิตกลมกล่อมปนหอมหวาน
ต่างตักเตือนแต่งความตามชำนาญ
เติมขมทานสอนตน...ต่างคนชิม
25 พฤศจิกายน 2549 05:07 น.
กวีปกรณ์
ชีวิตมีร้อยเรื่อง...............หลากพัน
เจ้าจักเรียนรู้มัน.......................เมื่อพร้อม
บางสิ่งอาจคอยวัน....................ปรากฏ
หากจิตยังนอบน้อม..................ชีพนี้ศรัทธา
จงอย่าหลีกหลบเร้น........พรางกาย
มันจักคลี่เงื่อนคลาย.................สุดแล้ว
มีต้นย่อมมีปลาย......................ที่รัก
ข้าอยู่มิคลาดแคล้ว...................แห่งนั้นมั่นเสมอ
เพียงเจ้าจงจับจ้อง...........สองเนตร
มีหนึ่งสถานวิเศษ.....................มากล้ำ
ค้นหาสิสังเกต.........................ให้พบ
ก้าวย่างอย่าเพลี่ยงพล้ำ...........เท่านั้นเป็นดี
ทุกสิ่งจักเปลี่ยนเจ้า........เปลี่ยนแปลง
อาจแปลกสื่งซึ่งแสดง...............ประจักษ์ได้
อย่าหวั่นไม่ร้ายแรง.................หากพบ
จงแกร่งอย่ากลัวไซร้.................ชีพเจ้าเติบโต
บางช่วงชีวิตคล้าย..........เดินทาง
บางแห่งอาจเลือนลาง..............สว่างแจ้ง
บางวันหมอกหม่นจาง..............ขวางจิต
บางสิ่งอุปสรรคแสร้ง................แกร่งกล้าฝ่าฟัน
เข้าใจและรับรู้................ความหมาย
ทุกสิ่งย่อมกลับกลาย................สิ่งแท้
มีเกิดแก่เจ็บตาย......................สลายดับ
เปล่าใช่เราพ่ายแพ้..................แต่ต้องเข้าใจ
ใช่ทุกสิ่งเปลี่ยนเจ้า.........สหายเอย
ตั้งสติสิทรามเชย.....................อาจแก้
ทบทวนเมื่อแรกเปรย...............ทวนทบ
หากมั่นประมาทแม้..................อาจแพ้ภัยพาล