12 มีนาคม 2550 00:35 น.

เมล็ดพันธุ์แห่งความทุกข์

กวีปกรณ์

      เมื่อมาสเมษาครานั้น              
 ฤดูคิมหันต์
ฉันหอบความทุกข์ซุกดิน

     พอหยาดพิรุณหลั่งริน              
ยามกันยาสิ้น
ธานินชุ่มชื่นอำนวย
     
     มาลย์ทุกข์ชูช่อ ณ ลานสวย     
บานกลีบกลิ่นระรวย
ภิรมย์รื่นรสสุคนธา

     ผองมิตรชิดใกล้กล่าวว่า         
หลากล้วนคุณค่า
เธอน่าเก็บเกี่ยวแบ่งปัน

     ยามโรยร่วงสิ้นชีวัน               
สะสมเมล็ดพันธ์ุ
ช่อนั้นช่อนี้ชนิดใด

     จัดแจงจำแนกแจกให้             
หมู่มิตรสนิทใจ
เพาะชำชื่นชมสมจินต์

     เพียงสิ้นสุ้มเสียงสำเนียงยิน   
ทุกข์นั้นบั่นบิ่น
แท้จริงทุกข์เรามิเท่ากัน				
4 มีนาคม 2550 18:44 น.

“พอแล้วพ่อ...พอแล้ว”

กวีปกรณ์

หว่างหมู่ชนชาวกรุงที่มุงอยู่
เหลียวมองดูเด็กชายว่ายแหวกหนี
พ่อผู้ถือท่อเหล็กลุกไล่ตี
ฤทธิ์เมรีเร่งเร้าเอาให้ตาย

ลูกพลาดท่าเสียทีสะดุดล้ม
พ่อก็ก้มลงฟาดตามมาดหมาย
สติมามองเห็นเป็นลูกชาย
แต่เจ็บหนักยากหายคงหลายตังค์

ไทยมุงมองสองตาตระหนกตื่น
แต่เพียงยืนเฝ้าดูอยู่เบื้องหลัง
มัจจุราชร่ายกระหน่ำซ้ำไม่ยั้ง
เด็กร้องดังครวญพ่อให้พอเพียง

“พอแล้วพ่อ...พอแล้ว..”
คำเด็กน้อยค่อยแผ่วแทบสิ้นเสียง
เจ็บเกินทนแผลช้ำเป็นรอยเรียง
ท่อนเหล็กเหวี่ยงฟาดลูกไม่รู้พอ

“เจ็บ...ผมเจ็บ...พ่อพอเถอะ”
เลือดรินเปรอะเปื้อนเด็กชายผู้ร้องขอ
แล้วล้มลงริมถนนชักดิ้นงอ
ก่อนสิ้นลมแลพ่อ...เขาคือใคร??
				
26 กุมภาพันธ์ 2550 13:55 น.

คนขี่เสือ

กวีปกรณ์

     สองบาทคิดขึ้นขี่...............สี่บาท
อาจควบเพชรฆาตร.............เขื่องเขี้ยว
มาดหมายยึดอำนาจ.............ชาตพยัคฆ์
บ่ยั่นความกราดเกรี้ยว........กร่างกล้าท้าฟัน

     สองสัตว์ประหัตห้าว........เหี้ยมหาญ
จวบพลบจบรัตติกาล...........ศศิแจ้ง
สี่บาทพลาดเกียรติขาล........คนข่ม
สองบาทขยับแข้ง................ขนาบข้างร่างพยัคฆ์

     สี่บาทประมาทแม้..........เพียงนิด
เคืองขุ่นคอยครุ่นคิด..........เกียรติกู้
หมายมาดฆาตรชีวิต...........คนขี่
รอเมื่อมันเสียรู้..................ปลิดสิ้นวิญญาณ์

     สนุกนึกสำนึกได้............สายเกิน
สองบาทองอาจเพลิน...........ยากย้อน
ทางใดกลับลงเดิน...............ด้วยบาท ตนนา
หากพลาดอาจเดือดร้อน......มอดม้วยมรณา

     สี่บาทยังรู้พลาด.............พลั้งผิด
คนจึ่งควรพินิจ...................ถี่ถ้วน
ประสงค์กระทำกิจ-..............การสรรพ
ตรองไตร่ทุกเรื่องล้วน........ผ่อนร้ายกลายเบา
				
15 กุมภาพันธ์ 2550 19:14 น.

มือ

กวีปกรณ์

มือน้อยค่อยเขียนขีด	มือใหญ่จ้วงแทงกรีด

			สีหน้าเจ้าจางซีด			มองมีดในมือนั่น

				น้ำตาเจ้าพล่าไหล	ปลายคมบั่นคอใคร

			หวาดกลัวสุดขั้วใจ		สิ้นไร้ความปราณี

				น้ำต้าเจ้าย้อยหยด	รอยมีดรินเลือดสด

			เลอะกระดาษจนหมด		เปรอะรอยรดแดงฉาน

				ภาพแห่งจินตนาการ	ภาพหนึ่งข่าวจากสาร
			
			สร้างสรรค์หนึ่งชิ้นงาน		ฆาตรการธรรดา
				
				ส่งตรงถึงโต๊ะครู		ใครใครมามองดู
			
			รอพิจารณาอยู่			คุณครูลุกจากไป
	
				คะแนนได้เต็มแต้ม	สักพักเดินชื่นแช่ม
			
			เด็กน้อยค่อยยิ้มแย้ม		ปรากฏแซมสังคม


หากลองอ่านแบ่งครึ่งให้ส่วนมือน้อยและมือใหญ่แยกกัน จะได้สองส่วน คือ ส่วนมือน้อยและมือใหญ่ แต่เมื่ออ่านรวมกันจะช่วยกันขับเน้นได้ความมากขึ้น


ฉันทลักษณ์แบบใหม่     
                    _____________
                    I                   I
	๐ ๐ ๐ ๐ ๐	     ๐ ๐ ๐ ๐ ๐
             _________________I
             I                    
๐ ๐ ๐ ๐ ๐             ๐ ๐ ๐ ๐ ๐
            I_____________I
	
	บทหนึ่งมี 4 วรรค วรรคละ 5 คำ คำสุดท้ายของวรรคที่ 1-2-3 สัมผัสกันหมดและสัมผัสมายังคำที่  2 ของ วรรคที่ 4 ด้วย
												เอกชล  ดุลณกิจ
												    ๔๗๐๑๔๕๑
				
8 กุมภาพันธ์ 2550 03:49 น.

รักช้ำอันล้ำค่า

กวีปกรณ์

หากเธออาจสามารถรื้อรักคืนหวน
เสี้ยวทรงจำบางส่วนสำนึกได้
ขออย่าแปรโปรดปล่อยรอยรักไป
ตราตรึงจิตแนบไว้ในวันวาน

แม้นอัคคีแห่งกาลจักผลาญบ้าง
เหลือเพียงเถ้าธุลีจางจนยากสาน
แต่มากค่าควรอยู่คู่ดวงมาน
บทเรียนรักจดจารบนลานจินต์

เพื่อมิพลั้งดั่งก่อนตอนเราจาก
กลายเพียงซากเศษรักที่หักบิ่น
โศกสลดหยดน้ำตาต้องหลั่งริน
เพื่อล้างทรวงสร่างสิ้นกลิ่นโศกา

จงไตร่ตรองลองคิดพิศพิจารณ์
หากจักสานรักใหม่ดั่งใฝ่หา
ฉันอยู่รอตรงนี้มีเวลา...
รักล้ำค่าคงคอยร้อยสัมพันธ์				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกวีปกรณ์