17 กันยายน 2550 12:55 น.

ค่ำนั้นคืนนี้ที่เดียวดาย

กวีปกรณ์

คลื่นชน ชนชิดบังเบียดแน่น
ทั่วแดนกลับคว้างใจว้างหาย
บางคู่เคียงข้างไม่ห่างกาย
สองมือมัดหมั้นหมายไม่ห่างกัน

คลื่นชล ชุ่มชื้นรื้นรินไหล
ท่วมนัยน์นองหน้าเกินกลัดกลั้น
เหลียวหาแลเห็นเป็นหมื่นพัน
ตรงนั้นตรงนี้ - ไม่มีใคร

แรมจันทร์ แรมใจจนไร้ฝัน
ความเหงาเงียบงันจนหวั่นไหว
ความเศร้ากลัดกลุ้มสุมทรวงใน
จึงหัวเราะร้องไห้ปลอบใจเอง

กลับห้องหับม่านบานประตู
ดับไฟนอนอยู่อย่างโหวงเหวง
ปลดปล่อยอารมณ์ร้องบรรเลง
เป็นหนึ่งนักแต่งเพลงผู้เดียวดาย

ในคืนหนึ่งคนเหงาคืนเปล่าว้าง
หมอนข้างกอดไปไร้ความหมาย
โศกเศร้าเหงาหม่นทนระบาย
รอบกายกลับไร้ใครสักคน

ยิ่งดึกหมึกดำทาทาบฟ้า
อ่อนล้าอ่อนแรงในคืนหม่น
ต่างหลับกับเหงาข้างกายตน
ร้องร่ำไห้กี่หน - จนไม่รู้
				
9 กันยายน 2550 19:57 น.

.:+:คิดถึง:+:.

กวีปกรณ์

จักไม่อาจเรียงร้อยถ้อยคำหวาน
กลายกวีกังวานแว่วหวามไหว
ด้วยประณีตประหนึ่งคำนึงใคร
เสียงทรวงในร่ำร้องก้องอารมณ์

สานสัมผัสผูกคำย้ำให้เชื่อ
หลากล้นเหลือคำรักคอยถักบ่ม
ใช่ประดิดประดอยถ้อยคารม
หวังลุ่มหลงชื่มชมเพียงลมรวน

กว่าเรียบเรียงร้อยความตามรู้สึก
จากเบื้องลึกห้วงจินตน์สิ้นครบถ้วน
พินิจนัยไตร่ตรองลองประมวล
ทั้งหมดล้วนรู้สึกสำนึกจริง

กลับยากบอกออกเอื้อนเหมือนเคยอ้าง
อาจเพราะไร้รักร้างเหินห่างยิ่ง
หากยามนี้มีรักให้พักพิง
ทุกทุกสิ่งกลับสว่างกระจ่างงาม

จักไม่อาจเรียงร้อยถ้อยคำหวาน
กลายกวีกังวานแว่วไหวหวาม
หากไร้รู้สึกรักเธอสักยาม
อีกคิดถึงทุกถ้อยความตามบรรทัด


ความคิดถึงห้ามกันไม่ได้ : หมอโอ๊ค สมิทธิ์
				
2 กันยายน 2550 15:41 น.

แด่คนช่างฝัน...

กวีปกรณ์


ถึงเธอผู้หลับใหลในนิทรา
ถักทอฝันบนฟ้าเฝ้าคว้าไขว่
พอลืมตาตื่นรู้ "กูฝันไป"
เพียงเผลอใจหลับฝันกลางวันกลางลม

ตะวันเคยตื่นสายเสียที่ไหน
รอฤกษ์ยามอย่างไรให้เหมาะสม
แรมไร้เดือนเริงดาวรอดูชม
อย่าเพียงก้มเงยหน้าเหนื่อยฝ่าฟัน

ใช่มีดาวเพียงดวงบนห้วงฟ้า
ใช่ไก่กาเพียงตัวเก่งคูขัน
ไม่ทดทำเท่านี้ที่แพ้กัน
ไม่รบสู้เสียนั่นที่แพ้ทาง

ชนะแพ้ช่างมันหวั่นอะไร
เสมอกันยังได้ไมตรีสร้าง
รถไฟวิ่งว่องไวได้ด้วยราง
เพียรฝึกฝนเสียบ้างไม่ห่างชัย

รู้มีปีกปกกายสยายเสีย
เดินระหกระเหี่ยเหินดีไหม
รู้มีขาก้าวย่างหนทางไกล
เป็นอย่างใครไม่เท่าเป็นเราเอง



				
29 สิงหาคม 2550 13:18 น.

ก่อนโลกจักสูญสิ้นจินตนาการ

กวีปกรณ์

จินตนาการกล่อมโลกร้างโศกเศร้า
อุดมการณ์แผดเผาเสียจนสิ้น
อย่าเอียงซ้ายเอียงขวาให้ข้ายิน
ปลดปล่อยใจโบยบินอย่างเป็นไป

นั่นนางฟ้าฟ้อนร่ายอยู่ปลายฝัน
จากสวรรค์แวมวาวหมื่นดาวใส
ฤๅ หลุดลี้หนีงานนิทานใคร
ถึงเที่ยวท่องทั่วใจในนิทรา

ก้องกระหึ่มโหดร้ายปลายกระบอก
นกกระจอกจิบสั่นขวัญผวา
ตระหนกตื่นขมขื่นขึ้นลืมตา
เสียงสงครามเข่นคร่าอุราราน

เจ้านางไม้พรายน้ำหลบหนีหาย
สรรพสัตว์ซ่อนกายย้ายถิ่นฐาน
สิ้นสำเนียงทักทายคล้ายวันวาน
กลายกระซิบส่งสารผ่านสายลม

มวลหมู่เมฆฟูฟ่องล่องลอยฟ้า
กลายเป็นม้าเหินบินจินต์สุขสม
กลับวันนี้เพียงหมอกม่านทุกข์ตรม
ควันสงครามท่ามสังคมความรุนแรง

จนบัดนี้นางฟ้าข้าอยู่ไหน
ณ นิทานเรื่องใดได้โปรดแจ้ง
มากล่อมโลกหลับฝัน มาแสดง
ก่อนดวงใจจักแล้งจินตนาการ				
22 สิงหาคม 2550 17:15 น.

มองชีวิต...

กวีปกรณ์

ช่างเจ็บปวดรวดร้าวเหลือชีวิต
การกำเนิดนั้นวิจิตรกระนั้นหรือ
สิ่งใดเล่าเลือกคว้ามาเต็มมือ
ใช่ 'ว่างเปล่า' นั่นคือพันธนาการ

สุ้มสำเนียงนิยมแรกมองโลก
ท่วงทำนองแสนโศกสุดสงสาร
น้ำตาแรกล้างสิ้นดวงวิญญาณ
นิรันดรดั่งนิทานท่านหลอกลวง

กว่าก้าวแรกเริ่มได้ด้วยล้มลุก
ช่วงชีวิตช่างสนุกในทุกท่วง
เบิกบาน แย้มยิ้ม อิ่มเอมทรวง
ลืมโศกสิ้นทั้งปวงในช่วงนั้น

เพราะเผลอไผลพลาดพลั้งไม่ยั้งคิด
ลืมสนิทนึกสนุกเสพสุขสันต์
ไร้เดียงสากว่าเรียนรู้โลกเท่าทัน
ใช้ชีวิตนิจนิรันดร์ดังฝันไป

โรคร้ายวัยชราเร่งรานรุก
ท่วงทำนองท้นทุกข์โถมทับใส่
เคยคาดคิดชีวิตนี้อีกยาวไกล
ทั้งที่ใกล้เพียงก้าวใช่ยาวนาน

จากชื่นชมชีวิตกลับคิดต่าง
มากกับดักพันธะวางอย่างอ่อนหวาน
กว่ารับรู้ก็สายจนเกินกาล
ว่ายวังวนวัฎสงสาร... ยากผ่านพ้น



				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกวีปกรณ์