1 กรกฎาคม 2555 00:43 น.
กวีปกรณ์
10 มกราคม 2547
นี่เป็นอีกค่ำคืนที่ยากจะผ่านให้พ้นไป เทียนที่ปักลงบนเค้กไอศกรีมค่อยๆ ละลายล้มลงกองบนสิ่งที่เคยเรียกว่า ไอศกรีมเค้ก ใช่มันเคยเป็นคืนพิเศษของทุกๆ ปี เคยเต็มไปด้วยมิตรสหาย ญาติพี่น้อง และคนรัก สิ่งเหล่านั้นกลับไม่มีความหมายใดกับหัวใจที่หยุดเต้นของผมอีกแล้ว
เสียงโทรศัพท์ดังไม่ขาด เสียงข้อความส่งมาอวยพรอย่างต่อเนื่อง แต่มันน่าจะดีกว่าหากทุกคนอยู่ที่นี่ หนึ่งปีหลังจากที่ผมสูญเสียย่าไปเพราะเส้นเลือดในสมองแตกในวันก่อนวันครบรอบวันเกิดของผมเมื่อปีที่แล้ว จนถึงเย็นวานนี้ที่ผมได้รับผลการตรวจและพบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ราวกับว่ามันเป็นวันต้องคำสาปของผม นับจากวันวานแห่งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียย่า จนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ผมต้องนอนโรงพยาบาลโดยไม่ทราบสาเหตุของอาการเลือดกำเดา สิ้นเรี่ยวแรง ร่างกายซีดเซียวราวกับไร้เลือด มันช่างเป็นคืนวันที่โหดร้ายเสียจริง
อาการของผมได้ทุเลาลงเมื่ออยู่ในการดูแลของหมอ จนผลเลือดที่ส่งตรวจได้ส่งมายังโรงพยาบาล ราวกับทุกๆ สิ่งอย่างในชีวิตพังครืนลง โลกทั้งใบจากที่กว้างใหญ่แต่ความรู้สึกในเวลานี้มันยิ่งกว้างกว่านั้น เต็มไปด้วยสิ่งที่ผมไม่รู้เลยว่าอะไรบ้างที่จะทำอันตราย และทำลายชีวิตผมให้สูญสิ้นลงได้บ้าง การพลัดพราก การลาจากเป็นสิ่งที่ผมไม่อาจทนยอมรับได้ หากผมจำเป็นจะต้องบอกลาทุกคนในชีวิต ผมขอค่อยๆ หายไปจากพวกเขา แล้วในที่สุดผมก็น่าจะทนต่อความเหงาได้
วันเกิดสุดท้ายที่ควรจะเรียกได้ว่ามี ต่อแต่นี้คงไม่ต่างอะไรจากเทียนที่กองล้มตรงหน้า บนซากของสิ่งที่เรียกได้ว่าเค้ก คนเราก็คงไม่ต่างอะไรจากสิ่งเหล่านี้ พอถึงเวลาอันควรภาพที่สวยงามแห่งชีวิต ความสุขอันหอมหวาน ก็คงพังทะลายลง สุขสันต์วันเกิด...
ธนา
.................................................................................................................
หลังจากที่เขาพบไดอารีเล่มหนึ่งในลิ้นชักชั้นล่างสุด เหตุเพราะเขาต้องการซ่อนของสำคัญ ความลับของลูกผู้ชายที่ไม่อยากให้มารดาของตนรู้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามที่เขาซ่อนไว้ที่นี่ มันจะต้องเป็นความลับที่สุด แต่สิ่งที่เขาได้พบนั่นก็คือลิ้นชักบนเป็นลิ้นชักที่ลึกน้อยกว่าลิ้นชักด้านล่าง และด้านหลังของลิ้นชักมีช่องลับที่ซ่อนบางอย่างเอาไว้ ใช่ มันคือ ไดอารีเล่มหนึ่งของเจ้าของคนเดิม
ด้วยความเป็นคนที่ชอบอ่าน และอีกอย่างบันทึกเล่มนี้ดูน่าสนใจไม่น้อย เพราะจากสภาพแวดล้อมภายในห้องที่เจ้าของเดิมอยู่ บ่งบอกให้เขารู้ว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนเร้น รวมถึงการตกแต่งที่ค่อนข้างโรแมนติกแต่ก็แฝงไปด้วยความเก่าและอารมณ์เศร้า มันคือเสน่ห์ตั้งแต่แรกเห็นที่ทำให้เขาเลือกห้องนี้
เขาตัดสินใจอยู่นานพอควรกับการถือวิสาสะอ่านเรื่องราวของชีวิตใครสักคนที่อยู่ข้างใน เขาเลือกอ่านย้อนกลับไปนับจากวันที่เขาได้เจอ นั่นคือวันที่ 10 มกราคม ของปีนี้ ใช่มันตรงกับวันนี้ และเรื่องในนั้นก็เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่สำหรับเขาแล้วไม่มีอะไรน่าแปลก เพราะเรื่องราวของบ้านหลังนี้ก่อนที่เขาจะสนับสนุนให้แม่ซื้อไว้เป็นสมบัติของครอบครัว ก็ทำให้เขาพอจะเข้าใจพอสมควร และเขาเองคิดว่าเรื่องราวที่อยู่ในนี้น่าจะเป็นเหมือนนิยายเรื่องหนึ่ง และดูจะเป็นเรื่องสนุกไม่ใช่น้อย เพราะเขาเพิ่งจะได้เรียนเกี่ยวกับงานเขียนแนวอัตชีวประวัติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
เสียงรถยนต์กำลังจอดดังมาจากหน้าบ้าน ธันวา รู้เลยว่า แม่ของตนกลับมาจากการเลือกซื้ออาหารสำหรับมื้อเย็นที่เขาและแม่สัญญากันว่าจะช่วยกัน จากนั้นเขารีบนำไดอารีเล่มนั้นกลับไปไว้ที่เดิมที่เขาพบ ซึ่งแน่นอนว่าเขาได้ฝากความลับของตนไว้ในนั้นด้วยเช่นกัน กล่องแห่งความลับนั้นดูเหมือนว่าจะมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นในบ้านที่รู้ หากไม่นับรวมถึง
แม่ครับ ผมไม่เข้าใจถ้าบ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่แล้ว ก่อนหน้าที่เราซื้อ ข้าวของสำคัญเหล่านี้ก็น่าจะถูกเก็บไปด้วยสิครับ ผมว่าไดอารีน่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของไม่น่าจะลืมทิ้งไว้ง่ายๆ ธันวา หนุ่มอักษรฯ ที่เพิ่งจะได้กลับมาเยี่ยมแม่ที่บ้านหลังใหม่ที่เขาได้ช่วยมารดาตนขนของย้ายมาเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ก่อนจะกลับเข้ากรุงเทพเพื่อไปเรียนต่อยังมหาลัยชื่อดัง กำลังช่วยมารดาขนข้าวของที่เพิ่งซื้อเข้าไปเก็บไว้ในครัว
ไหน ลูกพูดถึงเรื่องอะไร แม่ไม่เข้าใจ ไดอารงไดอารีของใคร แต่ถึงอย่างไรก็อย่าไปละลาบละล้วงเรื่องราวของใครเขาเลยลูก มานี่มาช่วยแม่เตรียมล้างแล้วหั่นผัก หั่นหมู แล้วโชว์ฝีมือเตรียมอาหารเย็นรอน้องสาวกับพี่ชายของเรากลับมากันดีกว่า
อ่อ... แล้วอีกอย่างนึงนะ แม่ว่าถ้าหากมันเป็นของสำคัญลูกรู้ดีแน่ว่าควรจะทำอย่างไรกับมัน
ครับๆ ธันวายิ้มเล็กน้อย แล้วค่อยๆ เข้าไปโอบกอดเอวของมารดาตน ผมรู้แล้วละคร้าบว่าจะต้องทำอะไรยังไง
ก่อนอื่น เราต้องล้างผักแล้วหั่นเตรียมส่วนประสมให้เรียบร้อย แล้วก็ค่อยโชว์ฝีมือ แม่ช่วยไกด์ให้มาสนะครับ กำลังใจก็พอแล้ว วันนี้ธันอยากโชว์ฝีมือเอง ส่วนเรื่องเช็ดล้าง... เสียงรถของเมษ์ น้องสาวที่เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนมัธยมเข้ามาจอดในโรงรถใกล้ครัว นั่นไง... คนสำคัญเรื่องเช็ดล้าง
จริงๆ เลย เปลี่ยนเป็นคนละเรื่องเดียวกัน แถไปนั่นนี่ได้ตลอด เอาเถอะ แม่ตั้งกะทะไว้แล้ว เริ่มเลยเดี๋ยวจะไหม้เสียก่อน
แม่คะ หนูกลับมาแล้ววว เมษ์ยกมือไหว้บุคคลทั้งสองในครัว กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยพี่ธัน แล้วซื้ออะไรมาฝากน้องสาวคนนี้มั่งหรือเปล่า เมษ์ส่ายหน้าพร้อมกับอมยิ้ม
ว่าแล้ว... เธอบ่นอุบทำเชิงน้อยเนื้อต่ำใจ พร้อมกับอมยิ้มตอบกลับพี่ชาย
แม่คะ หนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ อยากทำตัวให้เปียกเข้าไว้ พอดีเมื่อคืนหนูดูสารคดี เค้าแสดงวิธีเอาตัวรอดหากเกิดเพลิงไหม้นะค่ะ ควันโขมงแบบนี้ หนูว่าคงจะเป็นการซ้อมหนีไฟเสียมากกว่า เห็นว่าวันนี้ที่โรงงานของพี่กรฎ เค้าซ้อมพอดี นี่ต้องกลับมาซ้อมที่บ้านอีก เบื่อแย่เลยเนอะ เมลินี กระแอมปนยิ้มส่งสัญญาณให้ลูกสาวไปทำธุระของตนให้เสร็จพร้อมลงมามื้อเย็นด้วยกัน
ไหนตัวป่วน ห้องนายจัดเรียบร้อยแล้วหรือยัง กรกฎถามน้องชายถึงห้องนอน นี่กลับมาเสียดึกเลยใช่ไหมเมื่อคืน พี่ได้ยินเสียงคลุกคลัก ท่าทางจะรีบจัดให้เสร็จก่อนกลับไปสอบแก้วิชาที่ตกสินะ... ธันวามองพี่ชายด้วยความงุนงงเพราะตนเพิ่งจะเดินทางมาถึงบ้านเมื่อเช้ามืด และยอมจำนนกับสภาพที่ผ่านการเที่ยวราตรีของร่างกายก่อนกลับตรงมาเยี่ยมบ้านหลังจากเที่ยว
พี่กรฎ ตลกแล้วลูก ธันวาเพิ่งจะกลับมาเมื่อเช้าตรู่ ก่อนไก่โห่แป๊บเดียวเท่านั้น แม่ได้ยินเสียงรถอยู่ สงสัยจะไปเที่ยวแล้วแวะส่งสาวกลับบ้านด้วยละมั้ง ถึงได้มาถึงเช้าขนาดนี้
แม่คะ... เมษ์ว่าพรุ่งนี้เราไปดูต้นไม้มาแต่งสวนเพิ่มกันดีกว่า ไหนๆ พี่ธันก็มาแล้ว เมษ์ขี้เกียจขับรถ เมษ์รีบคว้าจังหวะแทรกบทสนทนาขึ้นทันที หลังจากสังเกตอาการพี่ชายคนกลางที่ไม่ค่อยชอบเข้าเรื่องส่วนตัวของตนเท่าไรนัก
เอ่อ... ธันวาพยายามหาข้ออ้างที่จะไม่ไป เพราะเขาอยากจะใช้เวลาว่างนอนอ่านหนังสือที่บ้าน โดยเฉพาะไดอารีเล่มนั้น
เป็นอันตกลงนะคะพี่ธัน แล้วเราก็ค่อยให้พี่กรฎเลี้ยงหนังหลังอาหารมื้อเย็น พี่กรฎห้ามเบี้ยวนะคะ นานๆ จะเจอกันพร้อมหน้า อีกอย่างหนังเรื่องใหม่เพิ่งเข้าเมื่อพฤหัสที่แล้ว เมษ์ยังไม่ดูเลย ว่าจะรอดูพร้อมกันเนี่ยแหละ ถ้าไม่ดูนะ เมษ์ตามเพื่อนไม่ทันตอนเม้าท์หลังมื้อเที่ยงจันทร์นี้แน่
ผู้เป็นแม่ยิ้มกับบทสนทนาเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างมื้ออาหาร เธอไม่คิดเลยว่าหลังจากที่หย่าขาดจากสามี เธอจะสามารถเลี้ยงลูกทั้งสามมาได้ขนาดนี้ แต่ละคนต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และแต่ละคนต่างได้รับความรักของเธอเต็มที่ เท่านี้ก็หายเหนื่อยขึ้นเยอะ เฉพาะเมื่อกรกฎได้นำความสำเร็จมามอบเป็นของขวัญทั้งเรื่องการเรียนและการงานที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ โดยมีธันวาและเมษากำลังดำเนินรอยตามความสำเร็จของพี่ชาย แต่ก็อีกนั้นแหละเธอนึกไม่ออกเลยว่าอนาคตทั้งสองจะเป็นอย่างไร ถึงอย่างนั้นเธอก็ขอให้สำเร็จตามความฝันของคนทั้งสองก็เพียงพอ