27 กุมภาพันธ์ 2549 18:43 น.
กวีปกรณ์
สายลมที่พัดมา...
...เหมือนจะพัดพาอะไรบางอย่างมาด้วยที่ผมไม่สามารถตอบตัวเองได้ เสียงหวีดหวิวค่อย ๆ ผ่านหูผมไปเรื่อย ๆ ช้า ๆ เย็นนี้ผมนั่งอยู่ริมระเบียงห้องพักจิบความนุ่มของฟองเบียร์ที่เย็นเยือก ด้วยหวังว่าไม่นานนักร่างกายของผมจะอุ่นขึ้นมาจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
อากาศเริ่มเย็นขึ้น...ผมลุกขึ้นไปหยิบเสื้อแขนยาวตัวบาง ๆ มาสวมหวังคลายความหนาว ตะวันลับขอบฟ้าไปได้ประมาณชั่วโมงแล้ว พระจันทร์ก็โผล่ขึ้นมาจากท้องฟ้าทางทิศตะวันตกหลังหุบเขาอันไกลลูกนั้น เพลงที่ผมเปิดคลอเบา ๆ เพื่อต่อกรกับความเหงาหยุดลง ...ใช่ ความเหงานั่นเองที่ลมหนาวนี้พัดมาฝากเสมอ ๆ ผมลุกขึ้นอีกครั้งเพื่อเปิดเพลงเหล่านั้นอีกครั้ง เพื่อสร้างความอุ่นใจขึ้นมาบ้างเพราะในยามนี้เพียงความอบอุ่นของฟองเบียร์นุ่ม ๆ นั้นไม่อาจต้านความเหงาที่แรงลมหนาวพัดพามาฝากใจอันเปล่ารักของผมได้พอเพียง เพราะคล้ายว่าพลังอำนาจของความเหงาจะเอาชนะทุกอย่างได้เสมอสำหรับผม
เสียงโปรแกรมสนทนาทางอินเตอร์เน็ตสุดฮิต เอ็มเอสเอ็น ดังแทรกจังหวะท่วงทำนองอันไพเราะของบทเพลง
ใครกันนะ ไม่รู้ว่าจะเข้าสร้างความเปล่าเหงาเพิ่มขึ้นหรือคลายความเดียวดายลงกันแน่ --- ผมคิดในใจ
สวัสดีค่ะ สตรีลึกลับส่งข้อความทักทายผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์
สายันต์สวัสดิ์ครับ ผมตอบกลับไปตามภาษาที่แตกต่างไปจากคนอื่น ๆ
ใครกันครับ กรุณาแนะนำตัวได้ไหม หรือเราเคยรู้จักมาก่อนหน้านี้หรือเปล่าครับ
ค่ะ...ไม่ขอบอกได้ไหมค่ะว่าดิฉันเป็นใคร แต่ที่เข้ามาทักคุณก็เพราะว่าอยากรู้จักไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ --- ผมคิดในใจ มันแน่นอนอยู่แล้วที่เธอคนนั้นอยากจะเข้ามาคุย หรือทำความรู้จัก
ครับ คุณได้อีเมล์ผมมาจากที่ไหนหรือครับ ช่วยตอบทีได้ไหมครับ
ค่ะ ดิฉันตามอ่านกลอนของคุณมาสักพักนึงแล้ว ค่ะ คุณคงจะได้คำตอบในใจแล้วนะค่ะว่าดิฉันได้อีเมล์คุณมาจากที่ไหน
คำตอบของผมผุดขึ้นทันที เพราะมีเพียงไม่กี่เวบไซต์เท่านั้นที่ผมได้ลงบทกวีและเรื่องสั้นเอาไว้ และก็มีเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ผมได้ลงทะเบียนอีเมล์แอดเดรสเอาไว้ด้วยเช่นกัน
ครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านงานเขียนของผม เป็นอย่างไรบ้างครับ ชอบไหม ? ว่าแต่คุณยังไม่ได้แนะนำชื่อให้ผมได้ทราบเลยนะครับ ผมไม่ลืมที่จะถามชื่อของเธออีกครั้ง
ค่ะ ขอโทษทีนะค่ะ ถ้าดิฉันจะบอกคุณว่า ดิฉัน คือ นางฟ้า คุณจะเชื่อไหมหละค่ะ
นางฟ้า น่าตลกเสียจัง นางฟ้าไซเบอร์ หรือเธอจะมาเสกความเข้มแข็งให้แก่ใจที่อ่อนแอของผม ผมแอบยิ้มเล็ก ๆ อย่างน้อยคืนนี้ผมก็คลายความเหงาลงไปได้บ้าง ไม่ได้นั่งเพียงลำพังคนเดียวอีกต่อไป
ครับนางฟ้า นางฟ้าก็นางฟ้า ผมชักสนุกกับการสนทนาครั้งนี้
ว่าแต่ที่นางฟ้าแวะเข้ามาทักผมวันนี้ เพราะอะไรหรือคับ
บทกลอนผมไปดูถูกใครสักคนบนฟ้า หรือว่าจันทร์ส่งคุณมาตามที่ผมเคยร้อยกรองไว้ในงานที่ชื่อว่า จันทร์
ผมส่งลิงค์ เพื่อให้เธอคลิ๊กเพื่อไปยังบทกลอนที่ชื่อ จันทร์ ท้ายประโยค
" ^_^ " เธอส่ง รูปดวงหน้าคนยิ้ม ตอบกลับมา
ดิฉันตามอ่านงานของคุณมาตลอด ถึงแม้จะไม่ครบทุกงานก็เถอะค่ะ แต่คุณสร้างความเหงาให้ฉันกับหลาย ๆ คนในเวบเหลือเกิน
ขอโทษครับ หากผมเป็นสาเหตุนั้น
ใช่ว่ามันจะไม่ดีหรอกนะค่ะ เพียงแต่ว่าฉันกำลังสงสัยเหลือเกินว่า คุณเป็นอะไรไปหรือเปล่าค่ะ
เธอถามประโยคคำถามเพียงประโยคเดียวในท้ายบรรทัดกลับทำให้ผมสะอึกไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ
เราเป็นอะไรไปหรือเปล่า ความเหงามันครอบครองใจเราตลอดชั่วเวลาอย่างนั้นเชียวหรือ --- ผมถามตัวเองในใจ
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง บทสนทนาเราเดินทางมาได้เพียงเท่านี้ เอาแล้วหละสิ เหมือนกับที่ใจคิดตั้งแต่ทีแรกไม่มีผิด เธอมาตอกย้ำความเปล่าว้างของเราเข้าอย่างจัง
และ...ไม่ทันไรนั้นการสนทนาก็สิ้นสุดลงเมื่อ หน้าต่างสนทนาบอกว่าเธอได้ออฟไลน์ไปเสียแล้ว
สุดท้ายก็เหลือเพียงตัวผมกับประโยคคำถามที่วนเวียนอยู่ในใจ....
เพลงวนกลับมายังเพลงลำดับแรกตามที่ผมได้ตั้งเอาไว้...เพลง ขอดาว ยิ่งตอกย้ำความเหงาใจลงไปทุกทีจนไม่อาจกลั้นน้ำตาแห่งความว้างแห่งใจได้อีกต่อไป
ผมพยายามลืมคำถามที่กวนใจผมในขณะนี้ ด้วยการออกไปยังระเบียงเพื่อเก็บขวดเปล่าและทำความสะอาดรอยคราบเบียร์ที่เลอะออกเสียไปจากโต๊ะนั่งตัวโปรด
ลมหนาวแรงขึ้นจนผมไม่อาจทนได้ มืออีกข้างหนึ่งโอบกอดตัวเองเอาไว้ เพื่อคลายความหนาว คราบเบียร์ที่หกเลอะเปรอะโต๊ะไม้นั้นมีเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น แต่ที่ผมกำลังเช็คอยู่คือหยดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ความเหงามันกัดกินใจ สร้างรอยแผลใหม่ให้ผมได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ผมเป็นอะไร...
ผมพยายามถามใจตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถที่จะตอบได้ ตอบไม่ได้เลย
เพลงที่ผมเปิดคลอเอาไว้เพื่อคลายความเหงาหยุดไปอีกครั้ง ความเงียบเข้าครอบคลุม ผมพาตัวเองเลี่ยงความหนาวจากอากาศภายนอกเข้าสู่ภายในห้องอีกครั้ง คราบน้ำตายังคงเปียกชื้นอยู่บนใบหน้า เสียงของนาฬิกาค่อย ๆ เดินช้า ๆ ที่ละวินาที...วินาที... ดังก้องในโสตของผม คล้ายเจ้านาฬิกาตัวน้อยนั้นจะพยายามปลอบใจอันเคว้งนั้นให้สงบลงบ้าง ผมเหลียวหันไปมองมันเพื่อขอบใจและดูเวลา ขณะนี้ก็ล่วงมาจนเที่ยงคืนแล้ว คล้ายว่าเวลานั้นเดินช้าลงเรื่อย ๆ ยากเหลือเกินที่จะทนอยู่ในห้องอย่างนี้ แต่นี่ก็ดึกมากแล้วที่ไหนกันที่เราจะเอาหัวใจไปฝากไว้ให้เขาดูแลได้...ไม่มีเลย...ไม่มีเลยจริง ๆ
สายที่พัดมา...
...สร้างบรรยากาศโดยรอบกายของฉันให้ลดลงเรื่อย ๆ ทำให้ฉันต้องลุกขั้นไปหยิบเสื้อแขนยาวตัวโปรดที่ฉันใส่ประจำเพื่อต้อนรับลมหนาวอย่างนี้ ตะวันอันอบอุ่นจากฟากฟ้าไปแล้ว
ฉันยิ้ม...อีกไม่นานดวงจันทร์ก็จะปันแสงแจ้งฟ้าทำหน้าที่แทนตะวันที่เหนื่อยล้า ฉันเดาไม่ออกเลยว่าคืนนี้จันทร์นั้นจะสวยเหมือนคืนก่อนไหม เพราะฉันรู้ว่าพระจันทร์จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ท้าทายความช่างสังเกตของฉัน ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรดวงจันทร์นั้นจึงต้องเปลี่ยนโฉมหน้าไปทุก ๆ วันด้วย หรืออาจจะเป็นเหตุผลของเวลา เวลาเปลี่ยนทุกอย่างไปจริง ๆ หรือ
หลังจากที่ฉันได้ทักทายกับพระจันทร์แล้ว จึงหลบความหนาวเย็นเข้ามาภายในห้อง เสียงเพลงที่เปิดไว้เป็นเพื่อนหยุดไปนานแล้ว ฉันเพิ่งรู้ตัว... ฉันเดินตรงมายังคอมพิวเตอร์เพื่อคิดที่จะปิดและชมรายการโทรทัศน์ตามปกติ แต่คิด ๆ ดูอีกทีบรรยากาศอย่างนี้อาจจะมีใครสักคนต้องการความอบอุ่นทางใจที่แสงจันทร์นวลเย็นไม่อาจคลายความเหน็บใจนั้นได้ก็เป็นแน่
ฉันเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของฉันเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ต ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะเป็นนางฟ้าใจดีคลายความโศกเศร้าจากความเหงาให้ใครได้ที่ไหน ฉันจึงเข้าไปหาอ่านงานเขียนพวกเรื่องสั้น บทกวี หรือแม้กระทั่งไดอารี่ที่คนสมัยนี้นิยมบันทึกลงในโลกจำลองนี้ คงเพราะพวกเขาอยากมีเตือนตัวเองและคนอื่น ๆ ให้รู้ว่าพวกเขายังมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ ซึ่งในความคิดของฉันแล้ววิธีเหล่านั้นก็คือการคลายเหงาและการเปิดรับคนอื่น ๆ เข้ามาในชีวิตเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของหัวใจที่พยายามวิ่งหนีความเหงาอันกระหน่ำเข้าใส่ชีวิตพวกเขามากกว่า
ฉันเปิดโปรแกรมสนทนาทางอินเตอร์เน็ตทิ้งไว้ด้วยเผื่อว่า ฉันเองจะเป็นนางฟ้าใจดีไปคลายความเหงา ความเหว่ว้าให้กับเพื่อน ๆ ของฉันเอง หรือคนที่รู้จักและคุ้นเคยจากการสนทนาผ่านโปรแกรมนี้เมื่อครั้งก่อนหน้า
แต่... ไม่มีใครอยู่ในระบบสนทนาในตอนนี้เลย แล้วหน้าที่ของฉันที่คาดหวังไว้จะสำเร็จไหม --- ฉันคิดได้อย่างนั้น จึงเริ่มปฏิบัติการค้นหาผู้โชคดีในค่ำคืนนี้ผ่านทางเวบไซต์ต่าง ๆ
แล้ว...
...สายตาของฉันก็สะดุดกับชื่อบทกลอนหนึ่งของชายนิรนาม ฉันกวาดสายตาอ่านเนื้อความที่ปรากฏในบทกลอนแห่งความเหงาในใจ ทว่าอารมณ์ของกลอนนั้นทำให้ฉันต้องอ่านออกเสียงดัง ๆ เพื่อไม่ให้ใจฉันนั้นสะเทือนไปกับความอ่อนไหวของชายคนนั้น
หากหนาวจนใจหม่น... ...ขอทนให้ใจเจ็บ
(๑)...
จักไม่เหลือเผื่อใจไว้ให้เจ็บ
หากต้องเก็บซ่อนกมลฝืนทนเหงา
ไม่อาจว้างข้างเคียงแค่เพียงเงา
อยากมีเขาคอยอยู่คู่สรรพางค์
วันคืนผ่านนานเข้าใจเศร้าโศก
ลมหนาวโบกดั่งมีดมากรีดร่าง
เสียงระงมพ่นพล่ามไปตามทาง
ร้องไห้พลางเหลียวลอบคนปลอบทรวง
คงต้องยอมเจ็บบ้างในบางครั้ง
อย่ามัวยั้งรั้งจิตตะขิดตะขวง
ยอมพลาดบ้างมอบใจให้ใครลวง
รักษาดวงแดอุ่นละมุนละไม ฯ
(๒)...
ห่มผ้าอุ่นกลับอุ่นไม่ถึงจิต
คนสนิทเชยชิดจักมีไหม
มาอุ่นทรวงให้ดวงรักพักหทัย
มาจุดไฟคลายหนาวคราวระทม
สักครั้งเถิดเปิดใจให้รักสู่
เฝ้าเรียนรู้ร้อนทุกข์ก่อนสุขสม
ดีกว่าลมหนาวพัดซัดอารมณ์
จนจิตแยกแตกจมตมน้ำตา ฯ
บทกลอนนั้นทำให้ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนึกคิดของความปวดร้าวที่ความเหงานั้นซ่อนพิษร้ายทำลายดวงใจอันบอบบางของเขาได้เป็นอย่างดี ถึงแม้บางใจความของบทกลอนนั้นฉันจะค่อยเห็นด้วยกับความคิดนั้นเถอะ ไม่ทันไรนั้น สายตาของฉันก็พบกับอีเมล์แอดแดรสของชายผู้นั้น --- ได้แล้ว คืนนี้ฉันจะได้เป็นนางฟ้าใจดีมอบความอบอุ่นใจให้เขาเสียที ตามที่หวังไว้
เรื่องสนุก ๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อฉันคิดว่าก่อนจะเข้าไปสนทนากับเขาจริง ๆ ก็น่าจะอ่านบทกลอนที่เขาเขียนไว้ให้หมดก่อน ประเดี๋ยวเราทั้งสองคนจะไม่มีเรื่องจะคุยกัน ฉันจึงเริ่มอ่านบทกลอนที่เขาเขียนไว้ทั้งหมด
โห...ท่าทางชายคนนี้จะอ่อนไหวไม่เบาเลยนะ --- ฉันพูดกับตัวเองก่อนที่จะลองพิมพ์ข้อความส่งไปทักทายชายผู้เปล่าว้างคนนี้
สวัสดีค่ะ ฉันส่งข้อความทักทายผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ตามมรรยาท
สายันต์สวัสดิ์ครับ
ใครกันครับ กรุณาแนะนำตัวได้ไหม หรือเราเคยรู้จักมาก่อนหน้านี้หรือเปล่าครับ
เขาตอบกลับมาด้วยประโยคที่ดูโบร้าณ...โบราณ ดูไปก็เหมาะกับอารมณ์กวีอย่างเขาแล้ว
ค่ะ...ไม่ขอบอกได้ไหมค่ะว่าดิฉันเป็นใคร แต่ที่เข้ามาทักคุณก็เพราะว่าอยากรู้จักไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ --- ฉันตอบกวน ๆ กลับไปหวังเพิ่มรสชาติในการสนทนามากกว่าพูดคุยเป็นพิธีรีตองจนทำให้หมดสนุก
ครับ คุณได้อีเมล์ผมมาจากที่ไหนหรือครับ ช่วยตอบทีได้ไหมครับ
ค่ะ ดิฉันตามอ่านกลอนของคุณมาสักพักนึงแล้ว ค่ะ คุณคงจะได้คำตอบในใจแล้วนะค่ะว่าดิฉันได้อีเมล์คุณมาจากที่ไหน --- ขี้เหงาอย่างนี้ยังจะมาไว้ตัวอีก เด๋วก็ไม่คุยด้วยเสียเลย (ฉันเริ่มฉุน) แต่ก็ตอบคำถามเขากลับไป...
ฉันพิมพ์ตอบกลับไปอย่างโม้ ๆ สักหน่อยและก็หวังเขาคงจะเอากลอนเหงา ๆ อย่างนั้นลงไปทำร้ายใจคนอื่นไม่กี่เวบนะ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงจะจับโกหกฉันได้แน่ ๆ
ครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านงานเขียนของผม เป็นอย่างไรบ้างครับ ชอบไหม ? ว่าแต่คุณยังไม่ได้แนะนำชื่อให้ผมได้ทราบเลยนะครับ เขาไม่ลืมที่จะตื้อถามชื่อของฉันหรืออยากจะจีบฉันนะ (แอบคิดเข้าข้างตัวเอง)
ค่ะ ขอโทษทีนะค่ะ ถ้าดิฉันจะบอกคุณว่า ดิฉัน คือ นางฟ้า คุณจะเชื่อไหมหละค่ะ --- นางฟ้า นางฟ้าไซเบอร์ที่จะคลายความเหงาให้กับคุณบ้างไม่มากก็น้อยนั่นแหละฉันคิด
ครับนางฟ้า นางฟ้าก็นางฟ้า ฉันเริ่มเซ็งกับอารมณ์ของชายผู้นี้
ว่าแต่ที่นางฟ้าแวะเข้ามาทักผมวันนี้ เพราะอะไรหรือคับ บทกลอนผมไปดูถูกใครสักคนบนฟ้า หรือว่าจันทร์ส่งคุณมาตามที่ผมเคยร้อยกรองไว้ในงานที่ชื่อว่า จันทร์
แหม...ท่าทางจะปากหวานจีบฉันหรือเปล่าเนี่ย แต่ก็ทำให้ฉันหายเคืองเขาไปได้บ้าง แต่ว่าจะให้ฉันอ่านกลอนอีกรอบนะเหรอ ไม่ไหวแล้วหละตาจะแฉะแล้ว ก็ประเดี๋ยวบ่อน้ำตาที่กลั้นเอาไว้และการที่หวังว่าจะคลายเหงาให้เขา กลับกลายเป็นเหงาเสียเอง
" ^_^ " ฉันจึงส่ง รูปดวงหน้าคนยิ้ม ตอบกลับไป
ดิฉันตามอ่านงานของคุณมาตลอด ถึงแม้จะไม่ครบทุกงานก็เถอะค่ะ แต่คุณสร้างความเหงาให้ฉันกับหลาย ๆ คนในเวบเหลือเกิน
ขอโทษครับ หากผมเป็นสาเหตุนั้น --- เขาตอบกลับมาอย่างสุภาพบุรุษซะไม่มี ก็น่าสนใจดีนะผู้ชายคนนี้ ชักอยากจะคุยต่อนาน ๆ แล้วสิ ว่าแต่ว่าชั่วโมงอินเตอร์เน็ตของฉันมันกำลังจะหมดแล้วอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
ใช่ว่ามันจะไม่ดีหรอกนะค่ะ เพียงแต่ว่าฉันกำลังสงสัยเหลือเกินว่า คุณเป็นอะไรไปหรือเปล่าค่ะ
ฉันถามประโยคคำถามเพียงประโยคเดียวในท้ายบรรทัดที่ออกมาจากความเป็นห่วงในความอ่อนไหวของเขา และเพื่อที่จะทำตามเจตนารมณ์ที่ฉันเข้ามาสนทนากับเขาในครั้งนี้
สัญญาณอินเตอร์เน็ตถูกตัดไปเสียแล้ว...
เขาเป็นอะไรหรือเปล่าน้า... หวังว่าความเหงาที่เขามีจะคลายลงไปได้บ้าง ฉันยิ้มกับตัวเองที่ทำให้ใครสักคนมีความสุขขึ้นมาได้บ้าง ...ฉันยิ้มอีกครั้ง