12 พฤษภาคม 2551 03:27 น.
กวีปกรณ์
มีหลายคำความหมายในหนังสือ
เมื่อครั้งนั่งอ่านถือในมือทั้งสอง
'ความรัก' 'ความทุกข์' 'สุขสมปอง'
'ความลิงโลด' 'หยิ่งผยอง' ของชีวิต
ยามอ่าน 'คำ'สวยงามตามเข้าใจ
กลับไม่ใช่ความงดงามวิจิตร
ที่สมควรประจักษ์แจ้งด้วยแสร้งคิด
อยากประสบพินิจในรสความ
ตั้งแต่โตเติบใหญ่ก็เพียงร่าง
แต่ปัญญายังว้างสร้างคำถาม
ให้เทียมทันร่างกายอันพรายงาม
ด้วยเรียนรู้คำความทุกเขตตอน
ที่ทำได้ง่ายดายคือลอกเลียน
ด้วยความเพียรเรียนรู้ที่ครูสอน
เป็นปรัชญาว่าไว้ในบทกลอน
ให้ท่องอ่านอักษรก่อนผจญ
บ้างแนะนำสุนทรีย์แห่งชีวิต
บ้างบอกทางบอกทิศลิดสับสน
บ้างฝึกหัดการงานหาญสู้ทน
ให้ฝึกฝนก่อนเผชิญเดินลำพัง
กลายการงานอาชีพ ชื่นบันเทิง
ลวงละเลิงเราไว้ในคุมขัง
ด้วยหลงลืมชีพนี้ไม่จีรัง
ทุกข์สุขใดประดังดั่งเคยเรียน
อักษรศาสตร์เสี้ยมคนดลด้วยศิลป์
ปลุกเร้าจินต์จากสัมผัสครั้งหัดเขียน
จากความคำตำรามากเราพากเพียร
วรรณศิลป์สุดวิเชียรช่วยเปลี่ยนชน
จึงรู้เท่ารู้ทันอีกรู้ทิศ
แห่งหนทางชีวิตหากฝึกฝน
จะงดงามเกิดได้แต่ใจตน
อักษรศาสตร์สร้างคนสร้างชีวิต
11 พฤษภาคม 2551 20:21 น.
กวีปกรณ์
ท่ามทะเลแห่งทรายฉันอยู่นี่
อีกครั้งที่ต้องจากพรากเรือนบ้าน
ติดกายเพียงอาวุธยุทธการ
อีกเข็มทิศใช้ทานทางทิศใด
ฉันเริ่มต้นตามแผนการเรียบง่าย
มือกุมจี้ห้อยคลายคำนึงได้
แต่ตะวัน สายลมโกรธหรือไร
จึงโถมแรง,ร้อนให้ยากใครทาน
จะล้มลุกกี่ครั้งอีกกี่ครั้ง
มีอ้อมแขนเหนี่ยวรั้งยั้งจนผ่าน
ด้วยพี่ชายน้องสาวเราพบพาน
ผู้กล้าร่วมอุดมการณ์ลาญอริชน
ท่านนายพลว่าอย่างไรรับผิดชอบ
เพื่ออะไรช่วยตอบเติมฉงน
ที่สั่งให้หาญกระทำย้ำทุกคน
ท่านนายพลถูกหรือไม่ที่ให้ทำ
ล้วนหลากคนสงสัยคอยใฝ่ถาม
กี่พันนามหนุ่มน้อยพลอยระส่ำ
กับระเบิด ควันพิษฤทธิ์ระยำ
อีกถ้อยคำสาปส่งให้ล้มลง
ฉันไม่อาจอยู่ได้ในทางนี้
ด้วยมากมีความสงสัยกว่าฝุ่นผง
ความสับสนดุจทรายให้งายงง
ยากดำรงอยู่ได้ในสงคราม
พวกผู้คนค้นหาคราค้นพบ
แล้ววิ่งหลบซ่อนกายจากปลายหนาม
เพียงเบื้องหน้าเพียงฉันพยายาม
ต้องยื้อยุดความตายทำลายเรา
บนผืนน้ำผืนทรายกลายอนุสรณ์
คือเลือดร้อนสงครามความขลาดเขลา
หยาดหยดเลือดบรรพชนทนทุกข์เร้า
ที่สงครามคือพระเจ้าฉันเฝ้าทน
เสียงแห่งโลกฉันยินเพียงเสียงระเบิด
เร้าแรงใจให้เกิดทั้งสับสน
ฉันสัญญาท่ามสงครามคอยคำรน
จะต่อสู้อยู่ทน, เพื่อคนใด?