30 มิถุนายน 2550 19:33 น.
กวีปกรณ์
พุทธองค์ทรงตรัสจัดจำแนก
หมวดหมู่คนควรแยกออกสี่เหล่า
ตามสติปัญญาค่าหนักเบา
จงไตร่เอาควรคู่เช่นหมู่ใด
อุคฆติตัญญู ผู้ฉลาด
ผู้ซึ่งปราศความเขลาสิ้นสงสัย
ตั้งสติอ่าน,ฟังอย่างตั้งใจ
ก็ผลิบานดอกได้ไสวงาม
วิปจิตัญญู ผู้ใฝ่เรียน
แม้พากเพียรมิเข้าใจจึงไต่ถาม
เพื่อคอยข่มเขลาไว้ไม่ลุกลาม
จึงเบิกบานตื่นตามยามแจ้งจินต์
เยยะ ประเภทผู้รู้บ้าง
หวังเสริมสร้างปัญญาปัญหาสิ้น
ให้แบ่งบานผ่านพ้นสายชลริน
ไร้กิเลสกัดกินหมดสิ้นไป
ปทปรมะ ผู้โง่เขลา
ปัญญาเบายากแจงแสดงได้
มิอาจโผล่พ้นน้ำด้วยทางใด
จำจมในปลักตมทับถมลง
"ยากจักแจ้งแสดงธรรม"
25 มิถุนายน 2550 07:56 น.
กวีปกรณ์
กล่อมกรุงปรุงสมัยจนไกลโศก
ประโลมโลกร้อยเครื่องเฟืองอักษร
ประชาชื่นรื่นรมย์นิยมกลอน
บางบทสอนแทรกคติตำหนิเตือน
ทุกท่วงถ้อยคล้อยตามด้วยหวามไหว
คอยขัดเกลากล่อมใจจนไกลเถื่อน
บทนิราศคลาดนางช่างสะเทือน
น้ำตาเปื้อนปริ่มนองท่วมสองตา
สรรค์นิทานสานนิทราจนล้าหลับ
เหน็ดเหนื่อยกับการท่องไปในโลกหล้า
ผจญภัยใจมนุษย์สุดคณา
ช่างคดเคี้ยวเกรี้ยวกว่าชลาลัย
เป็นต้นแบบบทเรียนให้เขียนอ่าน
สร้างสืบสานวรรณศิลป์มิสิ้นสมัย
บิดาแห่งวรรณรสร้อยกรองไทย
ก้องเกียรติไกรสุนทรภู่ครูกวี
15 มิถุนายน 2550 19:43 น.
กวีปกรณ์
ลมผ่านผิวเพลงไผ่หว่างไพรสันต์
ท่ามจันทร์แจ่มจ้าเวหาหาว
หมอกเมฆน้อยคอยล้อเคล้าคลอดาว
กลางค่ำคืนยืดยาวคราวรัตติกาล
ท่วงทำนองพ้องบ้างเป็นบางครั้ง
ยามฟังเฝ้าคำนึงถึงคำขาน
คล้ายคำหยอดออดอ้อนน้องนงคราญ
สำเนียงหวานแว่วยินจนสิ้นคืน
ท่ามจันทร์แจ่มแจ้งแสงเงินส่อง
ยามจ้องยากยั้งจินต์ถวิลฝืน
ตกต้องกระทบหยาดน้ำตารื่น
ดุจดั่งหมื่นดาราร่วงลาจันทร์
ถ้อยคำครวญคอยเฝ้าเจ้าแจ้งน้อง
ยามเจ้ามองเดือนเพ็ญลอยเด่นฝัน
คำคิดถึงคอยฝากยามจากกัน
เพียงเจ้านั้นเคียงข้างหว่างดวงใจ
6 มิถุนายน 2550 01:46 น.
กวีปกรณ์
ถ้อยกวีกังวานสานความคิด
ส่วนผสมภาษิตสร้อยอักษร
ก่อเกิดกานท์กาพย์ฉันท์ดั้นโคลงกลอน
บางบทซ่อนใส่กลกว่าจนทาง
วรรณรสวรรณลักษณ์วรรควิเศษ
ทุกข์เทวษว้างเศร้าถูกเร้าสร้าง
สุขสวัสดิ์ดังยินดุริยางค์
สะเทือนบ้างสะท้านทรวงห้วงอารมณ์
ปลุกความคิดจิตสำนึกในชนชาติ
น้ำคำหยาดหยดจินต์สิ้นขื่นขม
สรรค์สร้างสุขสันติภาพเพื่อสังคม
หยดพิรุณรินพรมห่มขวานทอง
รสละเมียดละเลียดลิ้มละไมอ่าน
ท่วงคำกาญจน์กล่อมเกลาเราทุกผอง
ใช่สัมผัสผ่านถ้อยที่ร้อยกรอง
แต่ตะกองกอดขวัญด้วยบรรจง
เพียงพิเคราะห์ค่อยพินิจคิดตรองไตร่
สานสัมผัสเพียงใจใช่จุดประสงค์
กนกกานท์เลื่อมลักษณ์จักธำรง
หยัดยืนยง คำหยาด ชาติกวี
5 มิถุนายน 2550 01:28 น.
กวีปกรณ์
เติบโตแต่ต่ำต้อยค่อยเตาะแตะ
ผ่านเรื่องยากเยอะแยะยิ่งใหญ่
เกรอะกรังฝุ่นฟุ้งคละคลุ้งใจ
ปัดเปื้อนเท่าไรไม่ออกดี
ด้วยใช้ชีวิตไม่คิดก่อน
หมกมุ่นวงจรค่อนบัดสี
แชทชั่ว-มั่วเซ็กส์ เด็กอับปรีย์
หวิดเอาชีพพลีให้กลีกาม
ผิดพลาดพ้นผ่านจึงปรับแก้
ตั้งใจแน่วแน่ แท้อย่าถาม
จึงตั้ง 'กวีปกรณ์' เพื่อซ่อนนาม
หวังแต่งกลอนให้ติดตามเพื่อสอนคน
ผ่านมาพบเวบไซต์ไทยโพเอ็ม
เติมเต็มความฝันอีกคราหน
เริ่มร่างร้อยลักษณ์อักษรกล
เรียนรู้สู้ทนทำตามคิด
เริ่มจากกาพย์ฉบังเมื่อครั้งนั้น
เรียบเรียงชีวิตฉันสำนึกผิด
ปลดปลงช่างสั้นนักชีวิต
หวังตั้งเข็มทิศที่บิดเบือน
ผู้อ่านนิยม ชม ไม่ชอบ
บางใครปลุกปลอบประหนึ่งเพื่อน
สอนการร้อยกรองด้วยตักเตือน
แวะทักทายเยี่ยมเยือนบนเรือนกลอน
จากวันนั้นจวบวันนี้
อายุกว่าสองปีถือยังอ่อน
เขียนเรื่องสั้นบ้างเป็นบางตอน
ครั้งอารมณ์สะท้อนสะเทือนจินต์
เขียนเรื่องรักปะปนระคนปรัชญ์
ด้วยกำหนัดในรักยากหักสิ้น
คงเพราะปุถุชนคนเดินดิน
หากชีวิตไม่ดับดิ้นยากยินยอม