20 ธันวาคม 2548 10:15 น.
กวีปกรณ์
สายลมพลิ้วลิ่วล้อยอดอกหญ้า
จากปลายฟ้ามาพรมชมความสวย
แล้วโอบอุ้มกรุ้มกริ่มกลิ่นละลวย
หอมระทวยรวยรักถักสัมพันธ์
ลมโชยซ้ายดอกหญ้าย้ายทางขวา
โบกโบยมาบรรเลงบทเพลงฝัน
ยามแสงร้อนช้อนพาเมฆมากัน
หวังหญ้าชันชูช่อไม่ฝ่อโรย
ฤดูแล้งแจ้งฟ้ามาหยาดฝน
ดับกระหายคลายปรนร่นความโหย
หวังดอกยุ้ยฉุยกลิ่นรินรักโปรย
สายลมโพยโดยห้อมล้อมดวงใจ
เพียงพ้นวานดอกสิ้นกลิ่นระรื่น
ลมเป็นอื่นให้ฉงนปนสงสัย
ทิ้งดอกหญ้าโรยร่วงไม่ห่วงใย
ปล่อยน้ำตาหญ้าไหลไม่ไยดี
เพลานี้ลมโบยโปรยความหนาว
สั่นทุกคราวเมื่อรักหักขยี้
หญ้าขอลับดับชะตาลาชีวี
เกล็ดน้ำตาดอกหญ้านี้พลีเพื่อลม
19 ธันวาคม 2548 06:01 น.
กวีปกรณ์
หอมละมุนกรุ่นกลิ่นปาริชาติ
สวยสะอาดงามระหงลงสวรรค์
มาลอยล่องโปรยผกามาลีวัลย์
ให้อารมณ์ข้ากระสันครั้นกายา
มาโรยรักอักษรกลอนกวี
ให้ข้านี้ชมชื่นรื่นหรรษา
เป่าคำเพราะเสนาะลอยลมมา
สร้างลีลารสคำล้ำทำนอง
ยื่นไมตรีด้วยรักภักดีจิต
ทั่วทุกทิศชิดใกล้ใจเพื่อนผอง
เป็นดอกเด่นเร้นไว้ในพวงทอง
คือ...ดอกพุด...ชวนมองอันครองใจ
19 ธันวาคม 2548 03:40 น.
กวีปกรณ์
(๑)...
จักไม่เหลือเผื่อใจไว้ให้เจ็บ
หากต้องเก็บซ่อนกมลฝืนทนเหงา
ไม่อาจว้างข้างเคียงแค่เพียงเงา
อยากมีเขาคอยอยู่คู่สรรพางค์
วันคืนผ่านนานเข้าใจเศร้าโศก
ลมหนาวโบกดั่งมีดมากรีดร่าง
เสียงระงมพ่นพล่ามไปตามทาง
ร้องไห้พลางเหลียวลอบคนปลอบทรวง
คงต้องยอมเจ็บบ้างในบางครั้ง
อย่ามัวยั้งรั้งจิตตะขิดตะขวง
ยอมพลาดบ้างมอบใจให้ใครลวง
รักษาดวงแดอุ่นละมุนละไม ฯ
(๒)...
ห่มผ้าอุ่นกลับอุ่นไม่ถึงจิต
คนสนิทเชยชิดจักมีไหม
มาอุ่นทรวงให้ดวงรักพักหทัย
มาจุดไฟคลายหนาวคราวระทม
สักครั้งเถิดเปิดใจให้รักสู่
เฝ้าเรียนรู้ร้อนทุกข์ก่อนสุขสม
ดีกว่าลมหนาวพัดซัดอารมณ์
จนจิตแยกแตกจมตมน้ำตา ฯ
15 ธันวาคม 2548 19:24 น.
กวีปกรณ์
คล้ายดั่งแสงแห่งอรุณมาจุนใจ
เอาเชื้อเพิ่มเติมไฟอุ่นไอเสมอ
ทุกข้ามคืนตื่นนิทรามาพบเจอ
เฉกเช่นเธอคือดวงจิตมิตรหทัย
คล้ายน้ำค้างพร่างกอดกับยอดหญ้า
ลับตะวันจันทร์พาจึงมาได้
ยอดหญ้าน้อยคอยเจ้าเคล้าเคลียใจ
ยามเจ้าต้องแสงใดพรายแสงพราว
คล้ายจันทราเจ้าพาข้าเข้านอน
ดับแสงร้อนห่มแสงรักหักความหนาว
คอยเอียงแก้มแย้มยิ้มพริ้มทุกคราว
พอยามเช้าเฝ้าเก็บดาวที่ข้าชม
คล้ายสายลมโลมเล้าคลอเคล้าจิต
ไม่ห่างไกลใกล้ชิดสนิทสนม
คอยบรรเลงเพลงพลิ้วปลิวอารมณ์
ไม่ทิ้งร้างร้าวระทมตรมฤทัย
14 ธันวาคม 2548 21:08 น.
กวีปกรณ์
ยากจดจำเป็นเช่นไรในยามนั้น
เมื่อใจพลันพบรักใหม่ซึ่งใฝ่หา
เรื่องวารวันนั้นคลี่คลายง่ายขึ้นมา
คล้ายเวลาเยียวยารักษาใจ
อันภายหลังอุปสรรคหนักทั้งปวง
คนเคยหวงดวงจิตเคยชิดใกล้
เพียงพานพบสบตาพาดีใจ
มีรักใหม่อุ่นไอให้ยินดี
ความผูกพันสองเรามิเคยเลือน
แปรสัมพันธ์ฉันเพื่อนเตือนจิตนี้
ทิ้งเรื่องร้ายวายวุ่นมุ่นมากมี
เราสองต่างเปรมปรีดิ์ที่พ้นไป
สองเราเคยครวญใจไปนานา
แต่วันนี้กลับกล้ายอมรับได้
คล้ายรอยร้าวคราวอดีตซึ่งกรีดใจ
ดับสิ้นเพลิงผลาญใจไปตามกาล
ปล่อยให้เหลือเพียงถ้อยรอยคำนึง
ภาพวันวานหวานซึ้งซึ่งขับขาน
ให้ชื่นชมอารมณ์พรมดวงมาน
เป็นรอยรักแย้มบานกลางหทัย