23 เมษายน 2550 21:14 น.
กวีปกรณ์
ค่ำลงแล้วหรือไร ค่ำนี้
ยินเรไรร่ำกวีระหว่างค่ำ
แด่นักฝันผู้ฟังขาประจำ
ท่วงถ้อยล้ำลอยลมระงมงาม
อาจเป็นเพียงเสียงร่ายไม่ได้ศัพท์
ยามยินกลับก้องดังฟังไหวหวาม
บทสังคีตของกวีนิรนาม
ดวงจินต์เจ้าจับความคล้ายเข้าใจ
รสกวีกังวานร้างกังวล
จักยินสักกี่ครั้งหนบ่หม่นไหม้
เสียงศิลปินแห่งผืนพนาไพร
จะป่านั้นป่าไหนก็คล้ายกัน
ถึงที่รักศิลปินแผ่นดินหลวง
เจ้าลอบล้วงอารมณ์ใครจนไร้ฝัน
แสร้งเข้าใจใครต่อใครเขาหลายพัน
แต่ทุกท่วงถ้อยนั้นสุดกลั้นกลืน
ศิลปินป่าคอนกรีตกลางกรุง
อย่ามัวมุ่งมอมเมาใจเขาขื่น
ไหม...ลองฟังกวีงามยามค่ำคืน
ใช่หยิบยื่นโศกเศร้ามาเร้าจินต์
รสกวีกังวานนั้นหวานไหม
เคยกล่อมโลกทั้งใบแล้วทุกถิ่น
ปลุกความฝันจากใจให้โบยบิน
ตระหนักเถิดศิลปินกวินทร์วนา
23 เมษายน 2550 02:31 น.
กวีปกรณ์
(องค์ ๑)
หลากล้นคนครื้นเครงเพลงละคร
พระเอกฟ้อนเกี้ยวนางสร้างรอยยิ้ม
หยาดคำรักออกรสตามบทพิมพ์
กกกอดอิ่มอุ่นไอในสายตา
นางเอกอายขวยเขินขับเดินหนี
จากจุดนั้นสู่จุดนี้นอกแนวป่า
ร้องระบำตามระเบียบดั่งตำรา
จบเกี้ยวพาเหนื่อยนักจึงรักกัน
(องค์ ๒)
อุปสรรคแสร้งสร้างมาขวางคู่
จำแยกอยู่อย่างสลดจำอดกลั้น
หาหนทางคลึ่คลายหมายฝ่าฟัน
ด้วยรักนั้นยิ่งใหญ่จึงไม่ยอม
(องค์ ๓)
คำสัญญาหยอดเติมเพิ่มเชื้อไฟ
ความคิดถึงห่วงใยใช้ถนอม
ผู้คนชื่มชมนักในรักปลอม
ด้วยรสรักหวลหอมให้ดอมดม
น้ำตาไหลหลั่งรินจนสิ้นฉาก
เมื่อรักพรากพลันพบจบสุขสม
คู่พระ-นางห่างใกล้จึงไร้ตรม
อุปสรรคลมลมผ่านพ้นไป
(ม่านปิด)
เสียงปรบมือชื่นชมคู่ชู้ชื่น
มีรักมั่นมิเป็นอื่นเลิกรักไม่
แม้มากอุปสรรคสร้างถึงห่างไกล
กลายที่ว่างเว้นไว้ยากได้เจอ
(ห้องแต่งตัวนักแสดง)
"แค่นิยายน้ำเน่าเอามาเล่น
โธ่! ทำเป็นสะเทือนใจน้ำตาเอ่อ
ช่างสมจริง! จำคำเขามาออเออ
จบเช่นนี้เสมอเสมือนแสร้ง
นี่ยังดี ค่าเข้าชมยังสมเหนื่อย
ยืนจนเมื่อย ไฟส่องเสียหน้าแห้ง
โธ่! รักแท้ล้ำค่าราคาแพง
หาซื้อจากงานแสดงได้ชั่วคราว"
21 เมษายน 2550 03:44 น.
กวีปกรณ์
'ชีวิตคือความอ้างว้างอันแสนอุ่น' *
ในม่านฝุ่นบนปก สัน ชั้นหนังสือ
วันเวลาแสนนานเหล่านั้นคือ
ความหลงลืมที่กระพือเข้าปกคลุม **
ค่อยค่อยคลี่ทีละหน้า-ทีละหน้า
บางทรงจำล้ำค่าคล้ายรอยหลุม
กลายสีซีดเหลืองจางในบางมุม
ครั้งน้ำตาชื้นชุ่มสะเทือนใจ
คือหนังสือกวีนิพนธ์ของคนเศร้า
ระบายเหงางดงามยามหวามไหว
กลายรสแห่งความหมางของบางใคร
ถ่ายทอดไว้วาดคำย้ำอารมณ์
ค่อยปัดฝุ่น ฟุ้งเหงาจนเข้าใจ
รสอักษรตอนใดให้โศกสม
นึกภาพผ่านฝุ่นอักษรที่นอนจม
เจ้าโศกตรมเสียใจเพียงไรแล้ว
-------------------------------------------------------------------
* อักษรตัวหนา
จากเรื่องสั้น 'นัยน์ตากระต่าย' ของ ชัชวาลย์ โครตสงคราม
** ทั้งบทแรก
จากกวีนิพนธ์ คนรักของความเศร้า ของ อังคาร จันทาทิพย์
ในบทกวีที่ชื่อ 'ฝุ่นบนชั้นหนังสือ'
20 เมษายน 2550 02:49 น.
กวีปกรณ์
มองม่านฟ้าฝันฟ้อนร่อนระบาย
บ้างคลับคล้ายของเธอและของฉัน
บางทีมองละม้ายก็คล้ายกัน
แตกต่างบ้างก็เท่านั้น ฝันกันไป
ฟากฟ้านั้นวรรคเว้นให้เฟ้นฝัน
บ้างระบายวาดกันแต้มกันใหญ่
ฟ้าว่ากว้างก็กว้างน้อยกว่าดวงใจ
หยิบเอาฝันเขามาใช้บ้างก็มี
เห็นเขาทำทุกอย่างเพื่อสร้างเมฆ
กลายร่างเรขลอยขาวเปล่าฟอกสี
ตั้งใจทำก็ทำด้วยเจตนาดี
มาแบ่งปันคนนั้นนี้ให้ชื่นชม
อยากหยิบฝันฝากไว้ในฟ้าบ้าง
ให้กลายหยาดน้ำค้างอย่างสวยสม
จากหมอกฝันฟ่องฟูลอยลู่ลม
สู่เมฆม่านพร่างพรมจนสมใจ
ฝนเทสาดความฝันให้จับต้อง
ปลดปล่อยจินต์บินล่องท่องที่ไหน
ตามแต่จินตนาการครั้งสานไว้
สำเร็จไหม หรือฝันไปก็ไม่รู้ !
19 เมษายน 2550 17:46 น.
กวีปกรณ์
คลื่นคารมข่มขวัญจนหวั่นท้อ
ชีวิตหนอเหนื่อยเหน็ดอีกเหน็บหนาว
เคยคิดไว้วันหน้าจักคว้าดาว
กลับยิ่งก้าวยิ่งไกลมิใกล้เลย
อุตส่าห์สร้างสะพานไว้สานฝัน
ด้วยมุ่งมั่นกลับพังภินเสียสิ้นเฉย
ยังตัดพ้อเราะร่าว่าเยอะเย้ย
ทั้งที่คนคุ้นเคยกันทั้งนั้น
กำลังใจหยิบยื่นให้ไม่เห็นยาก
หรือน้ำใจแห้งผากหมดแล้วนั่น
ใช่อยากยิน เยินยอ หยอกล้อกัน
คงไม่ต้องเค้นคั้นกว่าลั่นคำ
หรือมาร่วมลงเรือเพื่อช่วยพาย
จนเทียบท่าจุดหมาย จุ้มจ้วงจ้ำ
ท่องถึงทางที่หวังตั้งใจทำ
มิตรภาพมากล้ำกำลังใจ